เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 543 สมุดบัญชี
บทที่ 543 สมุดบัญชี
บทที่ 543 สมุดบัญชี
เมื่อคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะคุยต่อแล้ว ฉู่ชูเหยียนจึงลุกขึ้นและโค้งตัว “ข้าขอโทษที่รบกวนท่านในวันนี้ ข้าหวังว่าท่านลุงจะไม่โกรธเคือง”
เซี่ยอี้ลุกขึ้นยืนทันทีและกระตุ้นให้นางอยู่ต่อ “เด็กน้อย ทำไมเจ้าถึงรีบจากไปเช่นนี้?
“อย่างนี้เป็นไง? เนื่องจากเรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันเช่นนี้ ข้าจะพูดตรงไปตรงมามากขึ้น” เซี่ยอี้หยุดสักครู่เพื่อค้นหาคำที่เหมาะสม “ข้าจะไม่แนะนำให้พวกเจ้าเลือกข้าง อย่างไรก็ตาม หากตระกูลของเจ้าเต็มใจที่จะมอบสิ่งของบางอย่าง ใครบางคนย่อมจะเต็มใจออกหน้าช่วยเจ้า”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนมืดหม่นกว่าเดิม ความเงียบแผ่ขยายออกไป ก่อนที่นางจะพูดในที่สุด “ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบอีกที”
ดวงตาของเซี่ยอี้สว่างขึ้น ดีที่นางไม่ปฏิเสธเขาทันที “เจ้าสามารถปรึกษาเรื่องนี้กับสมาชิกตระกูลที่เหลือของเจ้าได้”
เมื่อทั้งสองออกจากจวนเจ้าเมือง ซูอันไม่สามารถระงับความอยากรู้ของเขาได้อีกต่อไป “เจ้าเมืองเซี่ยพูดถึงเรื่องอะไร?”
เขาได้บทสรุปจากการสนทนาเมื่อครู่ว่า เซี่ยอี้กำลังแนะนำให้พวกเขาเลือกข้างราชันฉี แต่หลังจากที่ฉู่ชูเหยียนปฏิเสธ เขาก็เสนออย่างอื่น
ซูอันไม่สามารถเข้าใจได้ว่าข้อเสนอที่สองนี้คืออะไร
ฉู่ชูเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และท้ายที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความจริงแก่เขา “อาซู เจ้าไม่ใช่คนนอกอีกต่อไป มีบางสิ่งที่เจ้าควรรู้ สิ่งที่เจ้าเมืองกำลังพูดถึงคือสมุดบัญชี…”
นางอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
ซูอันโกรธมาก “นี่เซี่ยอี้กำลังหากำไรจากความโชคร้ายของเราไม่ใช่หรือไง!?”
ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเพ่ยเหมียนหมานขอให้เขาช่วยค้นหาสมุดบัญชีเช่นกัน ย้อนกลับไปในตอนนั้น นางบอกเขาว่ามันเป็นบันทึกเกี่ยวกับธุรกรรมค้าอาวุธและค้าเกลือของตระกูลฉู่ ตอนนี้เขารู้แล้วว่านางไม่ได้พูดความจริง
เฮ้อ…โลกนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ ภายนอกนางดูเหมือนเพื่อนสนิทของฉู่ชูเหยียน แต่แท้จริงแล้วนางกำลังตามหาสิ่งที่อาจทำให้ทั้งตระกูลฉู่ล่มสลาย!
เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แม้ว่าเพ่ยเหมียนหมานจะแสดงท่าทีหน้าซื่อใจคดต่อตระกูลฉู่ แต่นางก็ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี
เขาไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรอีกต่อไป…
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจ “ตอนนี้เราเหมือนเนื้อบนเขียงแล้ว แม้ว่าเขาต้องการเอาเปรียบเรา เราจะทำยังไงได้?”
“เจ้าตั้งใจจะมอบสมุดบัญชีให้เขาจริง ๆ เหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ ข้าแค่ไม่อยากแสดงให้เขารู้ว่าข้าไม่พอใจ” ฉู่ชูเหยียนได้ตอบกลับ
ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ที่จริงข้าค่อนข้างสับสน ทำไมเจ้าไม่ใช้ประโยชน์จากอาวุธที่ทรงพลังเช่นสมุดบัญชีนี้”
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง “เราจะใช้มันได้ยังไง?”
ซูอันกล่าวว่า “โดยพื้นฐานแล้วสมุดบัญชีของเจ้ามันทรงพลังไม่ต่างอะไรกับอาวุธนิวเคลียร์…แค่ก ๆ เอ่อ…อย่าถามข้าว่าอาวุธนิวเคลียร์คืออะไรเลย เอาเป็นว่าสิ่งที่ข้าหมายถึงคือข้อมูลการโกงกินของเจ้าหน้าที่ที่สำคัญหลายคนอยู่ในมือเจ้า เจ้าสามารถใช้มันเพื่อคุกคามพวกเขาได้!”
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “นั่นจะไม่ทำให้พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นศัตรูของเราเหรอ?”
“ตระกูลฉู่จนตรอกแล้ว! ทำไมเจ้าถึงยังสนใจเรื่องเช่นนั้นอีก?” ซูอันกล่าว
“เรารักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขามาโดยตลอด บางทีพวกเขาอาจจะยังเต็มใจช่วยเรา แต่ถ้าเรายั่วยุพวกเขาแบบนั้น คงไม่มีใครยอมช่วยเราอีก” เสียงของฉู่ชูเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล
“เจ้าช่างกังวลเกี่ยวกับทุกสิ่งจริง ๆ!” ซูอันกล่าว “งั้นข้าขอถามเจ้าแบบนี้…ตระกูลฉู่ มีปัญหามานานแล้ว แต่ไอ้พวกคนที่เจ้าว่ามันมาช่วยเรากี่คน?”
ฉู่ชูเหยียนอ้าปาก แต่สุดท้ายไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
ซูอันถอนหายใจ “ถ้าข้าเป็นพวกเขา ข้าจะสวดภาวนาให้ตระกูลฉู่ถึงจุดจบเร็ว ๆ ด้วยซ้ำเพราะจะไม่มีใครมีอำนาจเหนือพวกเขาอีกต่อไป เอาล่ะ ทีนี้เข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงไม่เต็มใจที่จะช่วยเจ้า”
“ไม่น่าแปลกใจเลย… ” ฉู่ชูเหยียนไม่ได้โง่ ตอนนี้ซูอันได้ชี้ให้นางเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจน “แล้วเราควรทำยังไง?”
“ตามหาคนพวกนั้นและขู่พวกมัน!” ซูอันกล่าว “ถ้าพวกมันไม่ช่วยเรา งั้นพวกเราก็จะลากพวกมันให้ย่อยยับไปพร้อมกับเรา! ตามที่เจ้าพูด คนพวกนี้กระจัดกระจายไปทั่วราชสำนักแล้ว พวกมันย่อมเป็นอิทธิพลที่มหาศาลอย่างแน่นอน!
“แม้ว่าเราจะจัดการกับปัญหาเกี่ยวกับใบอนุญาตค้าเกลือล่วงหน้าในปัจจุบันได้ ซ่างหงก็คงจะหาวิธีอื่นในการจัดการกับตระกูลฉู่เหมือนเดิม แล้วเราจะพ่ายแพ้ในที่สุด”
“นี่คือเหตุผลที่เราต้องขจัดปัญหาจากรากเหง้า ไม่เพียงแต่เราจะต้องปลดปล่อยตระกูลฉู่จากวิกฤตในปัจจุบันเท่านั้น เราต้องกำจัดซ่างหงอีกด้วย ถ้าสิ่งที่เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับสมุดบัญชีนั้นเป็นความจริง ไอ้คนพวกนั้นก็สามารถช่วยเราขจัดซ่างหงได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าบังคับคนพวกนั้นให้เคลื่อนไหว!”
ฉู่ชูเหยียนยังคงเงียบอยู่เป็นเวลานาน สายตาของนางค่อย ๆ แข็งกร้าวขึ้น “ตกลง ข้าจะไปเมืองหลวง คนโลภเหล่านี้ได้อะไรจากเราไปมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตระกูลฉู่ก็ยังคอยตามล้างตามเช็ดให้พวกเขาอยู่เสมอ ถึงเวลาที่พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตระกูลฉู่บ้างแล้ว!”
ซูอันหัวเราะ “ฟังดูเข้าท่า ข้าจะไปกับเจ้า”
ฉู่ชูเหยียนส่ายหัว “ไม่ต้อง เจ้ารออยู่ที่เมืองนี่แหละ”
ซูอันรู้สึกสับสน
ทำไมเขารู้สึกเหมือนทุ่มหินใส่เท้าตัวเอง? เขาคงไม่ได้แนะนำไปแบบนั้น ถ้าเขารู้ว่าท้ายที่สุดนางจะตัดสินใจให้เขาอยู่ในเมืองต่อ
“อาซู” ฉู่ชูเหยียนกล่าว “ขณะนี้พ่อของข้าถูกซ่างหงกักตัวไว้ ถ้าข้าจากไปจะมีเพียงแม่และฮวนเจาเท่านั้นที่จะถูกทิ้งไว้ที่บ้าน เจ้ารู้ไหมว่าอาสองและอาสามมักจะโลภในตำแหน่งอำนาจที่สาขาหลักของเราถืออยู่เสมอ ไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลซ่าง ตระกูลอู๋ ตระกูลเจิ้ง และตระกูลหยวนต่างก็จ้องมองมาที่เราเหมือนเสือที่กำลังรอตะครุบเหยื่ออยู่เช่นกัน ตระกูลฉู่ตอนนี้เหมือนมีทั้งศึกในและศึกนอก
“ฮวนเจายังไม่บรรลุนิติภาวะ และแม่ของข้าก็มักจะมีอารมณ์ที่หุนหันพลันแล่นเสมอ ถ้าข้าจากไป พวกนางจะก่อปัญหาแน่ ๆ เจ้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อช่วยข้าดูแลตระกูล!”
ซูอันมีสีหน้าลำบากใจ “ที่รัก เจ้าก็รู้ว่าแม่ของเจ้ารู้สึกยังไงกับข้า ไม่มีทางที่นางจะฟังข้า! ไม่มีประโยชน์ที่จะทิ้งข้าไว้ที่นี่เลย”
“แม่ของข้าไม่ได้เกลียดเจ้าหรอก ถึงแม้เมื่อก่อนนางจะทำอย่างนั้นก็ตาม” ฉู่ชูเหยียนจับมือของเขา “อาซู เราทำผิดต่อเจ้ามาตลอดจริง ๆ”
ซูอันโอบแขนรอบเอวของนาง “ข้าจะรู้สึกน้อยใจได้อย่างไรเมื่อมีภรรยาแสนสวยคอยอยู่เป็นเพื่อนทุกคืน?”
แก้มของฉู่ชูเหยียนกลายเป็นสีแดง “เจ้านี่พูดอย่างนี้อีกแล้ว!”
ซูอันดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “แต่ที่รัก ข้าไม่สะดวกใจที่จะให้เจ้าไปที่เมืองหลวงคนเดียว!”
ฉู่ชูเหยียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเคยเดินทางคนเดียวออกจะบ่อยก่อนจะได้พบเจ้า นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของข้ายังสูงกว่าของเจ้า ลืมไปแล้วหรือไง?! หึหึ”
ใบหน้าของซูอันมืดลง “ทำไมเจ้าต้องเอาเกลือถูแผลข้าด้วยเหรอ?”
นี่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับชายหนุ่มจริง ๆ เขามีกลเม็ดเคล็ดลับที่แสนวิเศษมากมาย แต่สาว ๆ รอบตัวเขาต่างมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเขาทั้งหมด!
แม้แต่การบ่มเพาะของฉู่ฮวนเจาในตอนแรกก็ยังสูงกว่าเขา นางยังเคยรังแกเขาอยู่ระยะหนึ่งด้วยซ้ำ
ฉู่ชูเหยียนซุกอกของเขา “อาซู ข้ารู้ว่าเจ้าแตกต่างจากที่คนอื่นเชื่อว่าเจ้าเป็น เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ และข้าเชื่อว่าเจ้าจะปกป้องแม่และน้องสาวตัวน้อยของข้าในขณะที่ข้าไม่อยู่ได้”
“ได้โปรดอย่าคาดหวังสูงกับข้าแบบนี้เลย” แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่คำชมของฉู่ชูเหยียนกลับทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกราวกับว่าอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้า