เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 734 ไม่คาดฝัน
บทที่ 734 ไม่คาดฝัน
บทที่ 734 ไม่คาดฝัน
ซูอันเดาะลิ้นของเขาด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่นึกเลยว่าอาจารย์ของเจ้าจะมีหลักการที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง นางไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเห็นด้วยกับความเชื่อนี้ นางจับมือเขาด้วยความยินดี “เจ้ารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? เจ้าไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อแค่ทำให้ข้าพอใจใช่ไหม?”
น้ำเสียงของซูอันเริ่มแปลก “มันเป็นวิธีคิดอันสูงส่งจริง ๆ ทำไมข้าถึงต้องโกหกด้วยล่ะ?”
“เจ้าสำนักของข้าจะต้องชอบเจ้าแน่ ๆ!” ชิวฮัวเล่ยมีความสุขมากจนเริ่มกระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเด็กน้อย
ซูอันตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นชิวฮัวเล่ยแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วนางมักจะวางตัวสง่างามและเหนือกว่า ราวกับว่าผู้ชายทุกคนกำลังเต้นรำอยู่ในฝ่ามือของนาง
ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วนางเป็นแค่หญิงสาววัยรุ่นก็เท่านั้น
ชิวฮัวเล่ยสังเกตเห็นการจ้องมองของเขาในทันใด “เจ้ามองอะไร?” นางพูดอย่างงุ่มง่าม ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามีความสุขขนาดนี้มาก่อน” ซูอันพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“แน่นอน! หายากนักที่จะพบคนที่เห็นด้วยกับความเชื่อของเรา! ในอดีต ทุกคนตั้งอคติกับเราทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่เราพูด หรือต่อให้พวกเขาจะพูดอะไรในเชิงบวก มันก็เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของข้า และพวกเขามักจะทำเป็นเห็นด้วยเพื่อทำให้ข้ารู้สึกพอใจ”
ดวงตาของชิวฮัวเล่ยเปล่งประกายสวยงามราวกับดวงดาว
“อย่านับไก่ของเจ้าก่อนที่มันจะฟัก” ซูอันกล่าวเตือนความกระตือรือร้นของนาง “แม้ว่านี่จะเป็นอุดมคติอันสูงส่ง แต่เจ้ากำลังต่อต้านความเชื่อของคนหมู่มาก มันไม่มีทางจบลงด้วยดีหรอก”
ท้ายที่สุดเหตุใดผู้บ่มเพาะระดับสูงจึงฝึกฝนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย? เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสวงหาความรุ่งโรจน์และอำนาจ!
พวกเขาจะยอมให้ทุก ๆ คนในโลกบ่มเพาะได้อย่างเท่าเทียมเช่นพวกเขาได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงผู้บ่มเพาะระดับสูงก็ได้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปก็ไม่มีทางเห็นด้วยเช่นกัน พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อพลิกชีวิตของตัวเองผ่านการบ่มเพาะ และในขณะที่พวกเขากำลังจะประกาศต่อโลกว่าตระกูลของพวกเขาคือตระกูลผู้บ่มเพาะอันน่าเกรงขาม
แต่จู่ ๆ เจ้ากลับประกาศต่อทุกคนในโลกว่า ไม่ว่าใครก็สามารถบ่มเพาะได้แล้ว? คนพวกนั้นคงรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า!
รอยยิ้มของชิวฮัวเล่ยค่อย ๆ จางหายไป “ข้ารู้ว่ามันยากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้ เราก็จะยังคงมุ่งมั่นทำตามอุดมการณ์ต่อไป”
ดวงตาของนางยังคงเป็นประกาย ซูอันรู้สึกชื่นชมอย่างมาก
ในขณะเดียวกันบนหลังคา น้ำแข็งเดียวดายรู้สึกเย้ยหยัน ใครที่เพิ่งเริ่มเข้าสำนักศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่เต็มไปด้วยความคิดในอุดมการณ์ตั้งแต่แรก? น่าเสียดายที่มีอุดมการณ์เพียงอย่างเดียวนั้นไร้ค่า เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าหนทางอันรุ่งโรจน์ที่สุดในโลกนี้คือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองจึงจะสามารถก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์และอุดมสมบูรณ์ในชีวิต!
ส่วนอุดมการณ์เป็นสิ่งที่เจ้าสำนักเท่านั้นที่ต้องกังวล
บุตรีสวรรค์ของเราดูเหมือนจะเป็นคนฉลาด แต่แล้วทำไมนางถึงกลับดูเชื่อในอุดมการณ์อย่างจริงจังขนาดนี้?
เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงหน้าอกใหญ่จริง ๆ แล้วล้วนโง่เขลา…
ทันใดนั้น จู่ ๆ แส้หางม้าสีขาวราวกับหิมะก็พันรอบคอของเขา เขาตื่นตกใจอย่างกะทันหันและพยายามต้านทานตามสัญชาตญาณ แต่แส้หางม้านี้ดูเหมือนมีชีวิต สายของมันเจาะทะลวงเข้าไปในลำคอของเขา และเลือดภายในร่างกายก็ถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว
หางม้าสีขาวกลายเป็นสีแดงสด น้ำแข็งเดียวดายดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ร่างกายของเขาก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีแรงแม้แต่จะส่งเสียงออกมา
เขาเห็นแขนของตัวเองเหี่ยวเฉาไปอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก
ความสยดสยองคืบคลานเข้ามาในจิตวิญญาณของเขาอย่างฉับพลัน แต่สติของเขาได้จมลงไปในความมืดมิดแล้ว
ครู่ต่อมา แม่ชีเต๋าผู้เย้ายวนก็ปรากฏตัวขึ้นบนหลังคา นางเอาแส้หางม้าออก สีแดงสดค่อย ๆ ระบายออกจากแส้หางม้าข้าสู่ร่างกายของนางผ่านด้ามจับ
“รสชาติของเลือดช่างหวานหอมจริง ๆ” แม่ชีเต๋ามีสีหน้าเคลิบเคลิ้ม นางมองลงไปข้างล่างด้วยแววตาที่อันตราย
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะได้ปลาตัวใหญ่”
ด้วยระดับการบ่มเพาะของน้ำแข็งเดียวดาย เขาจะไม่ถูกฆ่าภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเช่นนี้ถ้าเขาเผชิญหน้ากับนางโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเปิดใช้งานเกราะน้ำแข็งพลังชี่ แม่ชีเต๋าต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะฝ่ามันเข้าไป
น่าเสียดายที่ความสนใจส่วนใหญ่ของเขามุ่งไปที่การดักฟังการสนทนาที่เกิดขึ้นด้านล่าง เขามีความมั่นใจมากเกินไป โดยเชื่อว่าประสาทสัมผัสของตัวเองเฉียบแหลมจนแม้แต่เสียงลมที่พัดผ่านหญ้าก็ไม่สามารถหลบหนีประสาทสัมผัสของเขาได้
เขาไม่รู้เลยว่ามีศัตรูที่ทรงพลังได้เข้ามาจู่โจมเขาอย่างเงียบ ๆ และตัวเองก็ไม่ได้รับโอกาสแม้แต่น้อยที่จะต่อสู้กลับ
ด้านล่างชิวฮัวเล่ยเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน “น้ำแข็งเดียวดายมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
แม้ว่าน้ำแข็งเดียวดายจะไม่มีโอกาสส่งเสียงร้อง แต่อาการดิ้นรนของเขายังคงส่งเสียงเล็กน้อย ชิวฮัวเล่ยก็เป็นผู้บ่มเพาะเช่นกัน และเสียงความวุ่นวายอย่างกะทันหันนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากการได้ยินของนาง
แน่นอนว่านางไม่ได้คิดมาก แต่ถามคำถามนี้แบบสบาย ๆ ท้ายที่สุด มันยากที่จะจินตนาการว่าหนึ่งในแปดเดียวดายที่แข็งแกร่งของสำนักมารจะถูกลอบสังหารได้อย่างเงียบ ๆ
น่าแปลกที่ไม่มีเสียงตอบกลับเลย ชิวฮัวเล่ยจึงหันไปทางหน้าต่างด้วยความสับสนและส่งเสียงเรียกออกมาอีกครั้ง “น้ำแข็งเดียวดาย?”
หน้าต่างถูกกระแทกอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นก็มีสีเหลืองพุ่งเข้ามา ฝ่ามือขาวคู่หนึ่งประแทกหน้าอกของนางด้วยแรงมหาศาล
ชิวฮัวเล่ยไม่มีเวลาคิด นางยกฝ่ามือขึ้นข้างหน้าตัวเองเพื่อปัดป้อง ทั้งสองคนปะทะกัน และนางรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่าจนกระอักเลือด และพลังชีวิตของนางก็ลดลงในทันที
ผู้โจมตีคือแม่ชีเต๋า นางทำเสียงฮึดฮัดด้วยความประหลาดใจ “อย่างที่คาดไว้ บุตรีสวรรค์ของสำนักมารไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะเต็มไปด้วยคำชม แต่นางก็ไม่ได้หยุดโจมตี และยังคงมุ่งเป้าไปที่ชิวฮัวเล่ย
มันเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่ชิวฮัวเล่ยสามารถป้องกันการโจมตีอย่างฉับพลันครั้งแรกได้ ดังนั้นแทบไม่มีโอกาสที่นางจะหลบการโจมตีครั้งต่อไป
ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของชิวฮัวเล่ยเมื่อนางเห็นฝ่ามือขาวที่ชั่วร้ายพุ่งเข้ามาหานาง พลังชี่ของนางปั่นป่วนจากการถูกโจมตีครั้งแรก
จากระดับการบ่มเพาะของนาง นางสามารถฟื้นตัวได้ภายในสามลมหายใจ แต่เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้ของนางไม่มีทางให้โอกาสนั้น
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีร่างอันอบอุ่นปรากฏตัวต่อหน้านาง โอบตัวนางไว้ในวงแขน “พวกเราต้องหนีกันก่อน!”
ซูอันใช้ทักษะจ้าววายุของเขาในช่วงเวลาสำคัญและช่วยชีวิตนางจากสถานการณ์ที่อันตรายไว้ได้
ฝ่ามือของแม่ชีเต๋าเสียเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ และกระแทกเข้ากับเสาหลังจุดที่ชิวฮัวเล่ยยืนอยู่ในตอนแรก
ไม่มีเสียงสั่นสะเทือน อันที่จริงไม่มีเสียงใด ๆ เลย ซึ่งน่าประหลาดใจเมื่อได้รับแรงกระแทกจากฝ่ามือของนาง มันช่างดูขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อนางถอนฝ่ามือกลับเสาขนาดใหญ่ก็ทรุดตัวลงทันที มันไม่ได้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่กลับกลายเป็นฝุ่นผงกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
ทั้งซูอันและชิวฮัวเล่ยหน้าซีดเมื่อเห็น แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องกลายเป็นแอ่งเลือดแน่ ๆ หากถูกโจมตีด้วยฝ่ามือนั้น!