เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 749 แผ่นศิลาอันแปลกประหลาด
บทที่ 749 แผ่นศิลาอันแปลกประหลาด
บทที่ 749 แผ่นศิลาอันแปลกประหลาด
“อาซู!”
เพ่ยเหมียนหมานเดินโซเซไปหาซูอันและดึงเขาออกมาจากรอยยุบรูปมนุษย์ ทว่าแค่การเคลื่อนไหวง่าย ๆ นี้มันกลับเพียงพอแล้วที่จะทำให้พละกำลังที่เหลืออยู่ของนางหมดไป
เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของนางรุนแรงอย่างมาก
ซูอันพบว่าตัวเองเป็นอิสระจากอุกกาบาต เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งจนเหมือนขอทาน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่มีเวลาใส่ใจรูปลักษณ์ของตัวเอง เขาหันกลับไปมองอุกกาบาตที่อยู่ข้างหลังเขา รอยร้าวปรากฏขึ้นทั่วรอยรูปร่างมนุษย์ เริ่มแรกมีรอยแตกเพียงหนึ่งหรือสองรอย แต่มันเพิ่มขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเปลือกชั้นนอกทั้งหมดของอุกกาบาตก็ถูกปกคลุมด้วยรอยแตกมากมาย
อุกกาบาตขนาดใหญ่นี้ระเบิดออกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
แผ่นศิลาสีดำสนิทโผล่ออกมาจากซากอุกกาบาต บนแผ่นศิลามีอักขระแปลก ๆ สองตัวสลักอยู่บนพื้นผิว
มองแวบแรกมันดูคล้ายกับภาพวาดซะด้วยซ้ำ แต่หากมองดี ๆ แล้วพวกมันไม่ใช่ เพ่ยเหมียนหมานนั้นมีความรู้มากมาย แต่นางกลับไม่เคยเห็นอักขระแบบนี้ในงานเขียนหรือภาษาของเชื้อชาติใดมาก่อน
ซูอันจ้องมันราวกับอยู่ในภวังค์ แต่แล้วร่างหนึ่งพุ่งผ่านทั้งสองคน แม่ชียุงเอื้อมมือไปหาแผ่นศิลาสีดำ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ฮ่า ๆ! สมบัตินี้เป็นของข้า!”
อุกกาบาตตกลงมาจากนอกโลก มีแผ่นศิลาสีดำสนิทอยู่ข้างใน ใครก็ตามที่มีสมองย่อมรู้ได้ว่ามันจะต้องเป็นของวิเศษ!
นี่คงเป็นสมบัติล้ำค่าบางอย่างอย่างแน่นอน! นางไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ และตัดสินใจคว้ามันมาเป็นของตัวเอง
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานต่างก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และไม่มีอำนาจใดที่จะหยุดยั้งนางได้ พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูขณะที่นางเอื้อมมือหาแผ่นศิลานั้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่แม่ชียุงจับแผ่นศิลานั้น มีแสงแวบผ่านพื้นผิวของแผ่นศิลา จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งปะทุขึ้นออกไปทั่วทุกทิศทาง ตามหลังเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวด ร่างกายของแม่ชียุงกระเด็นไปข้างหลังราวกับว่าวสายป่านขาด
แม้ว่านางจะสามารถต้านทานผลกระทบส่วนใหญ่ได้สำเร็จด้วยประสบการณ์การต่อสู้ที่มีอยู่มากมาย แต่นางก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใน
ซูอันเยาะเย้ยทันที “นั่นแหละ สมควรแล้ว!”
แม่ชียุงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ นางพุ่งตัวเข้าหาแผ่นศิลาอีกครั้ง ครั้งนี้นางทำอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม นางค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสมัน
อย่างไรก็ตาม มีแสงวาบแบบเดียวกันเกิดขึ้น และนางก็ถูกกระแทกให้กระเด็นกลับอีกครั้งโดยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นม่านพลังล้อมรอบแผ่นศิลา
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นางไม่ได้ใช้กำลังมากเกินไป นางจึงถูกกระแทกออกมาไม่แรงนักโดยไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงใด ๆ
แม่ชียุงค่อย ๆ เดินไปรอบ ๆ และลองใช้วิธีการต่าง ๆ ที่นางคิดได้เพื่อคว้าแผ่นศิลามา แต่ทุกวิธีไม่เป็นผล
ไม่เพียงแต่ผิดหวังเท่านั้น นางรู้ว่าอีกไม่นานคนอื่น ๆ จะมาถึงที่นี่เช่นกัน นางมีเวลาเหลือไม่มาก
ทางด้านข้างซูอันจับมือเพ่ยเหมียนหมานและส่งสัญญาณให้นางด้วยสายตา ทั้งสองใช้พลังที่เหลืออยู่เพื่อหนีจากบริเวณนี้ ถ้าโชคดี แม่ชียุงจะห่วงพะวงแต่แผ่นศิลาจนไม่ไล่ตามพวกเขา
อย่างไรก็ตามเพียงแค่พวกเขาเคลื่อนไหวเพียงอึดใจเดียว แม่ชียุงปรากฏตัวขวางหน้าพวกเขาทั้งสองไว้ นางเอื้อมมือออกไปคว้าคอของเพ่ยเหมียนหมาน “พวกเจ้าทั้งสอง ไปแตะแผ่นศิลานั่นให้ข้า!”
บางทีในฐานะที่นางมีสายเลือดจากเผ่าอสูร นางอาจจะไม่สามารถผ่านพลังที่ห้อมล้อมแผ่นศิลาอยู่ก็เป็นได้
แต่มนุษย์ทั้งสองอาจประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดข้อจำกัดดังกล่าวก็คล้ายกับที่ผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มนุษย์ใช้ปกป้องความลับของตนเอง และป้องกันไม่ให้เผ่าพันธุ์อื่นสืบทอดทักษะของพวกเขา
ซูอันพ่นลมหายใจอย่างรังเกียจ “เจ้าขอความช่วยเหลือจากพวกข้า เจ้าควรจะพูดให้มันดีกว่านี้!”
แม่ชียุงทำได้เพียงจ้องมองเขาอย่างพูดไม่ออก
ผู้ชายคนนี้ตาบอดกับความจริงที่ว่าชีวิตของเขาอยู่ในกำมือข้าหรือไม่? นางคงจะฆ่าเขาทันทีถ้าไม่ใช่เพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ
—
ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 222!
—
“ถ้าเจ้ายังพูดเหลวไหล ข้าจะกรีดหน้าผู้หญิงของเจ้า!” นางข่มขู่พลางลากเล็บที่แหลมคมของนางตามแก้มที่เรียบเนียนของเพ่ยเหมียนหมาน
เพ่ยเหมียนหมานเริ่มหวาดกลัว “ข้าจะกัดลิ้นตายถ้าเจ้ากล้ากรีดหน้าข้า! มาดูกันว่าเจ้าจะใช้อะไรเพื่อขู่เอาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจากซูอันได้!”
นางสามารถเดาได้ว่าแม่ชียุงคิดอะไร และจงใจพูดเพื่อเตือนซูอันเช่นกัน
แม่ชียุงนิ่งขึง “โอ้? สาวน้อย แม้เจ้าจะดูบอบบางแต่ใจของเจ้ากล้าหาญไม่น้อยเลย แต่อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าหวงแหนใบหน้านี้ของเจ้ามากแค่ไหน! จงร่วมมือกับข้าอย่างเชื่อฟังดีกว่า!”
“พอเถอะ พอได้แล้ว” ซูอันกังวลว่าแม่ชียุงอาจทำร้ายเพ่ยเหมียนหมาน “ปล่อยนางไป แล้วข้าจะไปแตะมันให้เจ้า”
“เจ้าไปก่อน!” แม่ชียุงระมัดระวัง นางไม่อยากเห็นอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นอีก
ซูอันยักไหล่และเดินตรงไปยังแผ่นศิลาโดยไม่มีการโต้แย้งใด ๆ แม่ชียุงค่อนข้างประหลาดใจและพอใจมาก
เมื่อเขาไปถึงแผ่นศิลาและตรวจดูอย่างละเอียด มันมีสีดำสนิทและให้ความรู้สึกเก่าแก่มาก เขาไม่รู้ว่าอักขระทั้งสองที่สลักบนพื้นผิวนั้นเป็นอักขระที่มีความหมายจริง ๆ หรือแค่ตกแต่งเพื่อความสวยงาม
เขาจ้องไปที่อักขระที่เขารู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยเหล่านี้ ใบหน้าของเขาดูครุ่นคิด
“เจ้าทำบ้าบออะไร?” แม่ชียุงตวาดอย่างหมดความอดทนเมื่อเห็นซูอันยืนอยู่หน้าแผ่นศิลาราวกับรูปปั้นโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง นางกลัวว่ายิ่งนานไปอาจมีคนอื่นมาที่นี่เมื่อใดก็ได้ นางกำลังร้อนใจมาก
ซูอันพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะแตะมือเบา ๆ ไปที่แผ่นศิลา และผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาพบปัญหาเดียวกับแม่ชียุง
ม่านพลังโปร่งใสก่อตัวต้านฝ่ามือของเขา ป้องกันไม่ให้เขาแตะต้องมัน
“ออกแรงมากกว่านี้!” แม่ชียุงขมวดคิ้ว ความสงสัยของนางผิดหรือเปล่า? เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างจากมนุษย์ผู้มีอำนาจ?
ซูอันออกแรงดันฝ่ามือไปที่แผ่นศิลามากขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม เขาได้เห็นแม่ชียุงกระเด็นอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่
แน่นอนว่าทันทีที่ตัวเองออกแรงดันฝ่ามือมากขึ้น ม่านพลังก็เริ่มตอบสนองอย่างรุนแรงจนเขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
แม่ชียุงเฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างตั้งใจ นางสังเกตเห็นว่าแรงสะท้อนกลับไม่รุนแรงเท่ากับตอนที่นางพุ่งเข้าใส่แผ่นศิลาก่อนหน้านี้
หลักการของพลังที่ล้อมรอบแผ่นศิลาน่าจะเป็นประมาณว่าดูดซับพลังงานจากการกระแทกแล้วสะท้อนกลับไป
“ข้าก็จับมันไม่ได้เหมือนกัน” ซูอันนวดไหล่ของตัวเองในขณะที่แสดงสีหน้าสิ้นหวัง