เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 753 ตกหลุม
บทที่ 753 ตกหลุม
บทที่ 753 ตกหลุม
“ข้ารู้”
เพ่ยเหมียนหมานมองเขาด้วยดวงตาสีน้ำผึ้งที่สวยงามและลึกล้ำของนาง“ไม่เช่นนั้นข้าคงเผาเจ้าให้เป็นเถ้าถ่านด้วยเปลวไฟสีดำของข้าไปนานแล้ว!”
ซูอันแสร้งทำหน้าตาตื่นตระหนก “ไอ้หยา!! ได้โปรดอย่า…ขืนข้าโดนไอ้ไฟสีดำของเจ้า ทั้งร่างของข้าคงไหม้เป็นจุลจนแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือแน่ ๆ!”
“เจ้านี่บื้อจริง ๆ ทำไมข้าต้องใช้เปลวไฟสีดำกับเจ้าด้วย!” เพ่ยเหมียนหมานหัวเราะคิกคัก
ซูอันมองดูหมอกสีเขียวแกมเทาที่ล้อมรอบพวกเขา หมอกนี้ดูแตกต่างไปจากหมอกปกติที่จะจางหายไปเมื่อถูกสายลมอ่อน ๆ พัด หมอกที่ล้อมพวกเขาขณะนี้ดูหนาเป็นพิเศษ ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าแม้แต่พายุของสายลมเดียวดายก็คงไม่สามารถทำให้หมอกเหล่านี้กระจายหายไปได้ “ระวังด้วย สถานที่แห่งนี้ดูแปลก ๆ เราไม่รู้ว่าแม่ชียุงอยู่ที่ไหน สถานการณ์จะแย่ลงอย่างมากหากเราบังเอิญไปเจอนางเข้า”
หมอกนี้ลดการมองเห็นของพวกเขาให้เหลือเพียงไม่กี่ก้าวล่วงหน้า ถ้าแม่ชียุงซ่อนอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาคงไม่อาจหนีพ้นแน่ ๆ
“อืม” เพ่ยเหมียนหมานไม่ได้กลัวขนาดนั้น นางรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะต่ำกว่านางก็ตาม
“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ซูอันเอ่ยถามขณะที่เขาหยิบยาออกมา นางได้รับบาดเจ็บจากแม่ชียุงอีกครั้งก่อนหน้านี้ และเขาก็เห็นว่าขณะนี้นางอ่อนแออย่างมาก
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว” เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัวปฏิเสธยาของเขา “ยาก่อนหน้านี้ยังคงมีฤทธิ์อยู่ ร่างกายข้ากำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจี้เติ้งถูในใจสำหรับยาเหล่านี้ เขาคงต้องขอจากจี้เสี่ยวซีเพิ่มขึ้นในครั้งต่อไปที่เจอนาง
“ว่าแต่ เจ้ารู้จักอักขระบนแผ่นศิลานั้นได้ยังไง?” เพ่ยเหมียนหมานถามด้วยความสงสัย ภาพเหตุการณ์ที่ซูอันอ่านอักขระก่อนหน้านี้ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของนาง
“เพราะข้ารอบรู้หลายสิ่งหลายอย่างไงล่ะ!” ซูอันเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
เพ่ยเหมียนหมานพ่นลมหายใจ “ข้าได้ศึกษาบันทึกของชนเผ่าต่าง ๆ มามากมายตั้งแต่ข้ายังเด็ก แต่ข้าไม่เคยเห็นคำเหล่านั้นเลย!”
ซูอันรู้ว่านางเป็นหนอนหนังสือชั้นยอด และเขาอาจจะไม่สามารถหลอกนางได้ถ้าเขาตอบส่ง ๆ ว่าเคยเห็นมาจากบ้านเกิด เขาจึงหาคำแก้ตัวขึ้นแทนว่า “อันที่จริงแล้วข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าเคยเห็นพวกมันในความฝันมาก่อน ดังนั้นข้าจึงจำได้”
เพ่ยเหมียนหมานอ้าปากค้าง “มีบันทึกย้อนหลังไปถึงสมัยโบราณเกี่ยวกับบุคคลบางคนที่สวรรค์ประทานความรู้ให้ผ่านความฝันยามพวกเขาหลับ! ข้าคิดมาตลอดว่ามันเป็นเพียงตำนาน ข้าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง!”
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาได้เลือกข้อแก้ตัวนี้เพราะตัวเองเคยใช้มาแล้วในอดีตแล้วมันก็ได้ผล ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะใช้งานได้จริงและง่ายขนาดนี้กับเพ่ยเหมียนหมาน
ตอนนี้ชายหนุ่มผ่อนคลายลงแล้ว คำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นในใจของเขา
เขาจะได้เห็นซากปรักหักพังของอินซางและพบกับศิลาจารึกอีกหรือไม่?
ก่อนหน้านี้ในมิติลับหยกจรัสของสถาบันจันทร์กระจ่าง เขาก็ได้พบกับจักรพรรดิองค์แรกจิ๋นซีฮ่องเต้ และบุคคลอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ ขณะนี้เขาจึงเดาอย่างหนักว่าคราวนี้เขาจะได้เจอเหตุการณ์ที่คล้ายกันอีกหรือไม่
“ว้าย!!” เพ่ยเหมียนหมานร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกและคว้าแขนของซูอันไว้โดยไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้น???” ซูอันถามอย่างงุนงง เขามองไปรอบ ๆ ตัว โดยคิดว่าจะเห็นว่าแม่ชียุง แต่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ นั้นดูสงบอย่างยิ่งไม่พบอันตรายใด ๆ ที่อาจเป็นไปได้
“เลือด…” เพ่ยเหมียนหมานชี้ไปที่พื้นด้านล่าง “สีของดินที่นี่เป็นสีแดงเข้มเหมือนมันชุ่มไปด้วยเลือด!”
มีหมอกสีเขียวแกมเทาล้อมรอบ พวกเขามองเห็นข้างหน้าได้เพียงไม่กี่ก้าวเดินจึงตกอยู่ในสภาวะกดดันตลอดเวลา การมองเห็นพื้นดินสีแดงเหมือนเลือดเพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองเสียวสันหลังวาบ
ต้องชุ่มเลือดมากแค่ไหนดินจึงกลายเป็นสีแดงเข้มขนาดนี้?
ซูอันอธิบายให้นางสงบอย่างสงบเร่งรีบ “มันน่าจะไม่ใช่เลือดหรอก สาเหตุที่ดินเป็นสีแดงแบบนี้มันคงเป็นเพราะมีธาตุเหล็กซึ่งกำลังออกซิไดซ์เจือปนอยู่มากก็เท่านั้น”
“ธาตุเหล็ก? ออกซิไดซ์?” เพ่ยเหมียนหมานแสดงสีหน้างุนงง
“เอ่อ…ประมาณว่าเหล็กมันกำลังขึ้นสนิมก็แล้วกัน” แม้ว่าซูอันจะพยายามปลอบนางอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ไม่มั่นใจในคำอธิบายของตัวเองมากนัก ไอ้ดินสีแดงพวกนี้เป็นผลมาจากการเกิดออกซิเดชันจริงหรือ?
เพ่ยเหมียนหมานพูดขึ้น “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรายังคงต้องตื่นตัว มิติลับแบบนี้น่าจะเต็มไปด้วยอันตราย”
นี่เป็นความรู้ทั่วไปในโลกการบ่มเพาะ มันง่ายที่จะดูว่ามิติลับนั้นอันตรายหรือไม่ ใช่แค่จากสภาพแวดล้อมเท่านั้น หากมีลมพัดอ่อน ๆ แสงแดดสดใส เนินเขาเขียวขจี และน้ำทะเลใส อาจเป็นมิติลับที่ค่อนข้างสงบ แม้ว่าบริเวณจุดศูนย์กลางของมิติลับจะอันตรายเป็นธรรมดา แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่เหยียบย่างเข้าไปที่นั่นมันก็ไม่เป็นอะไร
ทว่าสภาพแวดล้อมของมิติลับนี้ต่างออกไปอย่างสุดขั้ว
ทั้งสองคนเดินอย่างระมัดระวัง เพราะมันง่ายมากที่จะหลงทางในหมอกสีเขียวแกมเทาอันหนาทึบนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะบอกได้ว่าขณะนี้พวกเขาเองกำลังเดินไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้ พวกเขาทั้งสองทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังทีละก้าวเท่านั้น
แต่แล้วจู่ ๆ พื้นดินที่พวกเขาเหยียบอยู่พลันสลายตัวเนื่องจากไม่หนาแน่นพอที่จะรองรับน้ำหนักได้
“ระวัง!” ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานร้องเตือนกันและกันพร้อม ๆ กับที่พวกเขาพยายามกระโดดถอยหลัง
น่าเสียดายที่เพ่ยเหมียนหมานยังคงบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถตอบสนองได้ทัน แต่โชคดีที่ซูอันคว้าตัวนางได้ทันท่วงที แต่การกระทำนั้นทำให้ตัวชายหนุ่มเองร่วงหล่นลงไปในหลุมเช่นกัน
ด้วยความตื่นตระหนก ซูอันรีบเหยียดแขนพยายามคว้าผนังที่อยู่ใกล้เคียง ซูอันไม่รู้ว่าหลุมนี้ลึกแค่ไหนหรือก้นหลุมเป็นกับดักหรือเปล่า เขาไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองตกลงไปโดยไร้การควบคุม
น่าเสียดายที่สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง มีบางอย่างไม่ถูกต้องกับผนังของหลุม พวกมันทั้งแข็งและเรียบลื่น ด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขา มันไม่ใช้เรื่องยากเลยที่เขาจะจิกนิ้วลงไปในหินแข็งได้ นิ้วของเขาควรจะเจาะเข้าไปในผนังและยึดได้อย่างแน่นหนา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นิ้วมือของเขาทำได้เพียงทำให้เกิดรอยข่วนบนผนังเท่านั้น และไม่สามารถเจาะลึกลงไปได้อีก
เมื่อซูอันไม่สามารถจับยึดกับผนังได้ พวกเขาทั้งสองจึงตกลงไปในความมืดมิด
ซูอันใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องเพ่ยเหมียนหมาน ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บมากพอแล้ว ดังนั้นจึงกังวลว่าการตกลงไปในหลุมครั้งนี้มันอาจจะรุนแรงพอที่จะทำให้นางตายได้
สำหรับตัวชายหนุ่มเอง เขามีวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ดังนั้นพลังแห่งการฟื้นฟูของเขาจึงเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป
ระหว่างที่พวกเขาสองคนร่วงหล่นลงไปในหลุม ซูอันกดศีรษะของเพ่ยเหมียนหมานไว้แน่นกับหน้าอกของเขาเองและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันร่างกายของนางให้มากที่สุด
โชคดีที่หลุมไม่ได้ลึกมากนัก ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสองคนก็ร่วงถึงก้นหลุมในที่สุด
ซูอันครางเบา ๆ ขณะที่รู้สึกว่ามีบางอย่างแหลมคมแทงเข้าที่หลังของเขา แต่ตัวเองก็ไม่สามารถใส่ใจกับเรื่องนี้ได้ในตอนนี้
เขารีบยกใบหน้าของสาวงามที่อยู่ในอ้อมแขนขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว “เหมียนหมานใหญ่ เจ้าเป็นอะไรไหม??”
ดวงตาของเพ่ยเหมียนหมานไม่ได้เปล่งประกายทรงเสน่ห์เช่นปกติอีกต่อไป สายตาของนางที่จ้องมองที่ซูอันนั้นซับซ้อนถึงที่สุด “ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่กังวลหรือว่าชูเหยียนจะเสียใจหากเจ้าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่?”