เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 789 หยาจาง
บทที่ 789 หยาจาง
แม่ทัพซึ่งน่าจะเป็นหยาจางก้าวไปข้างหน้า
แต่ทว่าก้าวเดียวเพียงหนึ่งก้าวครึ่ง เขาก็กลายเป็นหยุดชะงักเพราะเตะสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
เขามองลงไปและเห็นว่ามันเป็นขอบโลงศพของตัวเอง เห็นเช่นนี้อึดใจถัดมาเขาจึงกระโดดข้ามมัน
ซูอันใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันแยกตัวเองออกเป็นสองร่าง และพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ของเขา
หยาจางกวัดแกว่งหอกเข้าใส่ร่างแยกของซูอัน ร่างแยกทั้งสองพลันสลายหายไป สิ่งนี้ทำให้หยาจางตกตะลึง
อึดใจถัดมา ร่างจริงของซูอันก็ปรากฏขึ้นข้างหลังหยาจางอย่างฉับพลัน จากนั้นซูอันฟันกระบี่ไท่เอ๋อร์เข้าใส่หัวของหยาจางอย่างสุดแรง
ต้องขอบคุณประสบการณ์การต่อสู้กับนักรบโครงกระดูกซึ่งทำให้ซูอันรู้อยู่แล้วว่าหัวของไอ้พวกนี้คือจุดอ่อนของพวกมัน ชายหนุ่มจึงลองดูว่าใช้วิธีเดียวกันได้หรือไม่
ถ้าหยาจางยังมีชีวิตอยู่ การซุ่มโจมตีแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะช่องว่างในการบ่มเพาะของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หยาจางคือศพที่แห้งเหี่ยว ความเฉียบคมของสติปัญญาและความยืดหยุ่นของร่างกายควรจะอยู่ในสภาพที่ด้อยกว่าเดิมอย่างแน่นอน
การเดิมพันครั้งนี้ซูอันเห็นว่าน่าลองอย่างยิ่ง!
แน่นอนว่าแผนของเขาได้ผล!
ซูอันดีใจมากเมื่อเห็นกระบี่ของตัวเองใกล้จะถึงหัวของอีกฝ่าย
แต่ทว่าขณะที่กระบี่ใกล้จะสับหัวของหยาจางอยู่แล้ว จู่ ๆ มีเสียงร้องดังกึกก้องที่ข้างหูของเขาและร่างขนาดใหญ่มโหฬารก็พุ่งเข้ามาใส่เขา
แน่นอนว่ามันเป็นกระทิงตัวนั้นซึ่งกำลังปกป้องเจ้าของ!
ซูอันรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกรถสิบล้อชน ร่างของเขากระเด็นออกไปอย่างไม่อาจควบคุม
เลือดพุ่งออกจากปากของซูอัน ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาชาหนึบจากความเจ็บปวด
หากเป็นผู้บ่มเพาะทั่วไปการถูกกระทิงยักษ์พุ่งชนแรงขนาดนี้อย่างน้อย ๆ ซี่โครงก็ต้องหักไปสักครึ่งหนึ่ง แต่ทว่าด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือธรรมชาติของเขา ซูอันจึงได้รับความเสียหายที่ไม่ถึงขั้นนั้น
กระทิงพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เขาขนาดใหญ่ของมันวาววับและดูแหลมคมอย่างยิ่งยวด
หากถูกเขาคู่นั้นแทงแล้วสะบัด อวัยวะภายในของเขาคงจะกระจัดกระจายไปทั่วห้อง
“อาซู ระวัง!” เพ่ยเหมียนหมานพุ่งเข้าหาซูอันเช่นกันพร้อมกับโบกมือปล่อยลูกไฟสีดำระเบิดใส่กระทิงที่กำลังพุ่งเข้ามาหาซูอัน
กระทิงร้องลั่น ถูไถตัวกับพื้นอย่างรุนแรงซ้ำ ๆ ด้วยความปวดร้าว
น่าเสียดายที่เปลวไฟสีดำเหล่านี้ไม่ธรรมดา และกระทิงก็ไม่สามารถดับไฟได้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
แม่ทัพหยาจางรีบไปด้านข้างของมันทันที เขาเอื้อมมือไปลูบมันและจากนั้นหมอกสีดำแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วร่างของกระทิง ก่อนที่ไฟจะค่อย ๆ ดับไป
จากนั้นหยาจางมองไปที่เพ่ยเหมียนหมานอย่างเย็นชา “เจ้าทำร้ายกระทิงของข้า เจ้าต้องตาย!”
หยาจางควงหอกไปพร้อมกับเดินเข้าหาเพ่ยเหมียนหมานทีละก้าว
“ระวัง!” ซูอันตะโกนร้องออกมาอย่างกังวลใจ
อาการบาดเจ็บทำให้เขาเกือบจะหายใจไม่ออก และไม่มีทางที่จะช่วยนางได้แม้ว่าจะต้องการก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เพ่ยเหมียนหมานไม่ได้ตื่นตระหนก นางเอนตัวไปข้างหลังและหลีกเลี่ยงการแทงหอกที่ดุร้ายของคู่ต่อสู้ การเคลื่อนไหวของนางงดงามมาก ราวกับกำลังเต้นรำ
ซูอันไม่ได้กังขาในเรื่องความคล่องตัวของเพ่ยเหมียนหมานมากนัก แต่จิตใจของเขากังวลอยู่กับหน้าอกที่ใหญ่โตของนาง
มันง่ายพอสำหรับร่างกายส่วนอื่น ๆ ของนางที่จะสามารถบิดพริ้วไปมาหลบหลบเลี่ยงหอกมฤตยู แต่ถ้านางถูกแทงที่หน้าอก นางจะตายอย่างแน่นอน!
โชคดีที่เพ่ยเหมียนหมานได้คำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกัน นางโน้มตัวไปข้างหลังจนแผ่นหลังเกือบแตะถึงพื้น และหอกก็พุ่งผ่านนางไป
ซูอันถอนหายใจ และเพิ่งตระหนักได้ว่านางคงคุ้นเคยกับร่างกายของตัวเองอยู่แล้ว นางเติบโตขึ้นมาพร้อมกับหน้าอกมโหฬารคู่นั้นและต่อสู้ร่วมกับมันมาหลายปี
ซึ่งหมายความว่านางทราบเป็นอย่างดีว่าร่างกายของนางทำอะไรได้และไม่สามารถทำได้ เขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเลย อย่างน้อยก็เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซูอันเห็นต่อไปทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกังวลอีกครั้ง
หลังจากพลาดการโจมตีครั้งแรก หยาจางดึงหอกกลับและสับฟันหอกเข้าใส่นางอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ขณะนี้ท่าทางของเพ่ยเหมียนหมานยังคงเอนตัวไปข้างหลังจนเกือบขนานกับพื้น ไม่มีทางที่นางจะหลบหลีกได้
ซูอันกำลังจะรีบเข้าไปช่วย แต่ทันใดนั้นเพ่ยเหมียนหมานก็เอื้อมมือเข้าหาด้ามหอกและเหนี่ยวรั้งไว้อย่างลื่นไหล และใช้หอกในการรักษาสมดุลก่อนจะเตะเท้าหมุนร่างกายของนางงอเหมือนกิ่งไม้อ่อนและพัวพันรอบหอกขณะที่มันขยับฟัน
หยาจางเหวี่ยงหอกไปรอบ ๆ พยายามสะบัดให้เพ่ยเหมียนหมานหลุดออกจากหอก แต่ดูเหมือนไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายนางได้ ตรงกันข้าม ดูเหมือนว่าเขาจะเสียเปรียบเล็กน้อย
“วิชาพริ้วไหวไหลพัวพัน!” ซูอันจำทักษะการเคลื่อนไหวนี้ได้ทันที นี่เป็นทักษะระยะประชิดที่นางเคยสอนเขามาก่อน เขาไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ยอดเยี่ยมแบบนี้
อีกครั้งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเพ่ยเหมียนหมานไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางที่ต้องการการปกป้อง แต่นางเป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะที่หาตัวจับยาก…
แต่มันเป็นเพราะในมิติลับนี้มีสิ่งที่ไม่รู้จักเต็มไปหมด มันจึงทำให้นางเผยด้านที่อ่อนแอออกมาบ่อยครั้งกว่าที่ควรจะเป็น
และเมื่ออยู่ในสภาวะใจที่ไม่สงบนิ่ง นางจึงแสดงความสามารถได้เพียงห้าถึงหกส่วนสิบเท่านั้นในช่วงที่ผ่านมา จนเขาต้องคอยช่วยเหลือนางซะเป็นส่วนใหญ่
ทว่าขณะนี้ดูเหมือนนางจะสามารถสงบอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เพราะน่าจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น
ดังนั้นแม้ว่าขณะนี้นางกำลังเผชิญกับศัตรูที่ดูเก่งกาจกว่าอย่างมาก นางกลับดูไม่เสียเปรียบเลย
ซูอันนึกชื่นชมในใจ เมื่อเพ่ยเหมียนหมานสามารถพัวพันหอกของหยาจางได้ เขาจึงใช้โอกาสนี้แทงกระบี่ไท่เอ๋อร์ไปที่กะโหลกศีรษะของหยางจาง
กระทิงที่ฟื้นตัวแล้วส่งเสียงร้องดัง มันวิ่งเข้ามาช่วยเจ้าของอีกครั้ง
ซูอันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาหยิบกางเกงชั้นในสีแดงออกมาจากดวงแก้วผู้รอบรู้แล้วโบกสะบัดล่อกระทิงที่กำลังพุ่งเข้ามา
นับตั้งแต่ที่ตัวเองมีดวงแก้วผู้รอบรู้ ซูอันใส่สิ่งต่าง ๆ ลงไปมากมาย นอกจากสมบัติหลายอย่างแล้ว เขายังเก็บของใช้ประจำวันทุกประเภทไว้ข้างใน
สำหรับกางเกงชั้นในสีแดงนี้ ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่ามันเป็นเครื่องรางหรือเป็นสีนำโชค แต่เขามีกางเกงในครบทุกสี ไม่ว่าจะเป็น สีส้ม สีแดง สีน้ำเงิน สีม่วง
อืม…สีเขียว…?
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่…! ข้าไม่มีกางเกงในสีเขียว!
ดวงตาของกระทิงแดงก่ำทันทีเมื่อเห็นสีแดง และพุ่งตรงมาที่กางเกงใน
ซูอันโยนกางเกงในสีแดงไปที่ผนัง และกระทิงตัวผู้ก็ตามไปพุ่งชนเข้ากับผนังทันที
หัวของกระทิงกระแทกกับกำแพงเสียงดัง เศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของผนังห้องร่วงหล่นลงมา
ผนังของห้องนี้ไม่ได้สร้างจากดินธรรมดา แต่ทำจากดินเหนียวที่ถูกบีบอัดผ่านการตอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นผสมกับข้าวเหนียว น้ำมันมะเยาและวัสดุอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยจับตัวให้เหนียวแข็งจนอาวุธมีคมทั่วไปไม่สามารถทิ้งรอยไว้ได้
อย่างไรก็ตาม การที่ส่วนหนึ่งของผนังยังคงถูกกระทิงพุ่งชนจนได้รับความเสียหายขนาดนี้ มันง่ายที่จะจินตนาการว่าเป็นการโจมตีของกระทิงตัวนี้ทรงพลังแค่ไหน!
แน่นอนว่าไม่มีทางที่กระทิงจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกระแทก มันทั้งเวียนหัวและสับสน เขาของมันฝังลึกเข้าไปในผนัง และต่อให้พยายามแค่ไหน มันก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้
ซูอันตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น นี่เป็นโอกาสที่จะให้เขาเจาะกะโหลกของแม่ทัพหยาจาง แต่จู่ ๆ ก็มีมือทองสัมฤทธิ์ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ขัดขวางการจู่โจมเอาไว้
เกิดเสียงดังกึกก้อง และมีแรงมหาศาลไหลผ่านตัวกระบี่มาถึงมือของเขาจนเขาเกือบจะทำให้กระบี่หลุดมือ อึดใจถัดมามือทองสัมฤทธิ์นั้นพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง