เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 899 เรื่องราวภายใน
บทที่ 899 เรื่องราวภายใน
บทที่ 899 เรื่องราวภายใน
ดวงตาของขันทีสองคนเบิกกว้างเมื่อเห็นไข่มุกเม็ดใหญ่ พวกเขาต่างหันหน้ามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกต พวกเขาก็ล้วงเก็บไปในแขนเสื้อและกล่าวว่า “ท่านซู รู้ธรรมเนียมยิ่งนัก! ต่อไปท่านจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่นอน!”
“ข้าไม่คู่ควรกับคำชมนี้เลย” ซูอันพูดพร้อมกับหัวเราะ การสนทนาของพวกเขาเป็นไปด้วยดีหลังจากนั้น
เมื่อเขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว เขาก็พูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ข้าสงสัยว่าครั้งนี้ทำไมจักรพรรดินีถึงเรียกหาข้า?”
“คนรับใช้อย่างพวกเราจะเข้าใจความคิดของเจ้านายได้อย่างไร?” ขันทีหนุ่มน้อยสองคนรู้สึกขัดเขินที่จะตอบเช่นนี้หลังจากได้รับของกำนัลอันหรูหรา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม จักรพรรดินีปฏิบัติต่อข้าราชบริพารอย่างดีมาโดยตลอด ท่านซูไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป”
“ใช่ ๆ วันนี้อารมณ์ของจักรพรรดินีดูจะค่อนข้างดี”
“นั่นก็ดีแล้ว” ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
กุ้ยน้อยพูดต่อเบา ๆ “แม้จักรพรรดินีจะทรงมีเมตตา แต่ท่านต้องไม่ล่วงเกินขันทีลู่เด็ดขาด! เขาดุร้ายมาก”
“ขันทีลู่?” ซูอันงงงวย แต่คำอธิบายที่ตามมาช่วยให้เขาชี้แจงเรื่องต่าง ๆ
ขันทีลู่คนนี้มีพื้นเพมาจากบ้านเกิดของจักรพรรดินี ทั้งสองเข้าวังมาพร้อมกัน จักรพรรดินีไว้วางใจเขาอย่างมาก และด้วยความสามารถของเขา เขาจึงกลายเป็นผู้ดูแลวังไร้พิพาทอย่างรวดเร็ว กิจการส่วนใหญ่ในวังนี้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ล้วนอยู่ภายใต้คำลั่งของขันทีลู่
“ระดับการบ่มเพาะของขันทีลู่นั้นสูงมาก เขาเป็นขันทีอันดับสองที่สาธารณชนยอมรับในด้านการบ่มเพาะ เป็นรองเพียงขันทีเว่ยเท่านั้น”
“เดี๋ยวนะ ข้าคิดว่าในสามอันดับแรก มีขันทีมี่ด้วย ข้าจำได้”
“ขันทีมี่หายตัวไปสองสามทศวรรษแล้ว อย่าเอามารวมสิ!”
…
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อฟังการสนทนาของพวกเขา พวกเขาน่าจะพูดถึงเว่ยต้านและผู้เฒ่ามี่! มันง่ายที่จะจินตนาการว่าระดับการบ่มเพาะของขันทีลู่สูงแค่ไหน ถ้าถือว่าขันทีลู่อยู่ในระดับเดียวกับสองคนนั้น
นอกจากนี้ ขันทีลู่ผู้นี้มาจากบ้านเกิดของจักรพรรดินีและเข้าวังมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาอาจจะเป็นคู่รักที่ถูกบังคับให้ต้องแยกทางกัน เพราะฝ่ายหญิงต้องกลายเป็นผู้หญิงของจักรพรรดิ? ชายคนนั้นไม่เต็มใจที่จะละทิ้งนางและเข้าร่วมวังเป็นขันทีข้างกายหรือไม่?
ยิ่งเขาไตร่ตรองเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งดูเหมือนเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น ฉู่ชูเหยียนเคยบอกเขาว่าจักรพรรดินีคนปัจจุบันไม่ใช่มารดาของรัชทายาท แต่เป็นน้องสาวของจักรพรรดินีองค์ก่อนที่สิ้นพระชนม์ด้วยอาการป่วย จักรพรรดินีองค์ก่อนแนะนำให้น้องสาวของนางเข้ามารับตำแหน่งแทนที่เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล
มีโอกาสสูงที่จักรพรรดินีองค์ปัจจบุันจะมีคนรักก่อนจะเข้าวัง อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ตระกูลของนาง นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับชะตากรรมนี้…
ฉู่ชูเหยียนหรือซ่างหงไม่มีความรู้เรื่องวงในเหล่านี้ การซื้อใจขันทีสองคนนี้ด้วยไข่มุกสองเม็ดนั้นคุ้มค่าแน่นอน
เขาต้องหาโอกาสที่จะรู้จักสวีน้อยและเหอน้อยในวังตะวันออกเช่นกัน…
เฮ้อ…มันไม่ใช่ความผิดของข้านี่นา… ข้ามีเงินมากจนไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร…
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านนอกวังไร้พิพาท “ฝ่าบาท ท่านซูมาแล้วพะย่ะค่ะ” ขันทีผู้น้อยสองคนประกาศด้วยความเคารพ
“เข้ามาได้” เสียงนุ่มเย็นซึ่งแฝงไปด้วยอำนาจตอบแผ่วเบา ความน่าเกรงขามอาจพัฒนาได้เองตามธรรมชาติหลังจากที่ได้เป็นมารดาแห่งแผ่นดินมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เสียงของนางยังคงฟังดูอ่อนโยนมาก
ซูอันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงองค์หญิงรัชทายาท เสียงของนางก็ค่อนข้างน่าฟัง แต่นางเกรี้ยวกราดเกินไป เจ้าควรเรียนรู้จากจักรพรรดินีบ้าง!
ขันทีหนุ่มน้อยสองคนผลักประตูเปิดและพาซูอันเข้าไปข้างใน
ซูอันไม่ได้ระวังอะไรมาก เขาได้รับภารกิจลับจากจักรพรรดิ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จักรพรรดินีจะวางกับดักอะไรไว้
ภายในห้องสีแดงเต็มไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์ที่ทำให้จิตใจของทุกคนที่เข้ามาสงบลงในทันที
เจตนาฆ่าที่ยังคงแฝงตัวอยู่ในจิตใจของเขาหลังจากจัดการกับซือคุนตอนนี้จางหายไปแล้ว
เขามองเข้าไปข้างใน ม่านมุกกั้นห้องออกเป็นสองส่วน ด้านหลังซึ่งมีสตรีสวมชุดหงส์นั่งอยู่บนที่นั่งสูง ควันจากเครื่องหอมไม้จันทน์ที่ลุกโชนอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ภาพของนางดูพร่ามัว
ใบหน้าของนางสง่างาม ไม่ยุติธรรมที่จะเรียกนางว่าหญิงวัยกลางคน เนื่องจากสตรีในโลกแห่งการบ่มเพาะยังคงรักษาความงามแห่งวัยสาวไว้เป็นอย่างดี เมื่อผู้บ่มเพาะไปถึงระดับหนึ่งแล้ว รูปลักษณ์ของพวกเขาจะไม่เฒ่าชราเร็วเกินไป
ในโลกของผู้บ่มเพาะ ผู้หญิงที่ดูสดใสเหมือนอายุสิบแปด จริง ๆ แล้วอาจมีอายุแปดสิบหรือแปดพันปี
แน่นอนว่านี่เป็นการพูดเกินจริงเล็กน้อย เวลาจะยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับโลกที่แล้วของเขาถือว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แม้ว่าเสื้อคลุมหงส์ที่นางสวมจะหลวมเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนรูปร่างที่เย้ายวนและงดงามงามของนางได้อย่างเต็มที่ ส่วนที่สะดุดตาที่สุดคือร่างกายส่วนล่างที่โตเต็มที่อย่างน่าขันของนาง
บั้นท้ายของนางใหญ่มาก!
ซูอันประสานมือเคารพนางอย่างรวดเร็วในขณะที่ชื่นชมร่างกายของนาง “ซูอันขอถวายบังคมองค์จักรพรรดินี!”
สิ่งหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับโลกนี้คือข้าราชบริพารสามารถทักทายตามปกติ พวกเขาไม่ต้องก้มหน้าก้มตา รูปแบบของคำราชาศัพท์ก็ไม่เข้มงวดเท่าราชวงศ์ของโลกก่อนเช่นกัน
ทุกคนล้วนเป็นผู้บ่มเพาะ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงมีความภาคภูมิใจในตนเอง การคุกเข่าเป็นเรื่องที่น่าอดสูเกินไปและสามารถทำลายความมั่นใจในการบ่มเพาะของคน ๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย เมื่อพิจารณาทั้งหมดนี้จักรพรรดิจึงเลือกที่จะไม่เข้มงวดในทางปฏิบัติมากนัก
“เจ้ากล้ามากที่มองข้านานขนาดนี้” จักรพรรดินีกล่าว เสียงของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชาและห่างเหิน
ผู้ที่เคยมาเข้าเฝ้านางในวังไร้พิพาทคนอื่น ๆ ต่างก็ให้ความเคารพนางอย่างสูง และไม่มีใครกล้ามองนางตรง ๆ ทว่าชายคนนี้กลับจ้องมองนางอย่างเปิดเผย! ทั้งขึ้นและลง! ผู้ชายคนนี้คิดว่าเขาอยู่ในสถานที่แบบไหน? เขาคิดว่าข้าเป็นนางคณิกาหรืออย่างไร?!
—
ท่านยั่วยุหลิวหนิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 344!
—
หลังจากความโกรธของนาง ขันทีวัยกลางคนเดินออกมาพร้อมมองซูอันอย่างเย็นชา คลื่นความกดดันอันทรงพลังแผ่ออกมาจากเขา
นี่น่าจะเป็นขันทีลู่ที่ขันทีหนุ่มน้อยสองคนพูดถึง ซูอันไม่ได้สังเกตเพราะเขายืนอยู่ในมุมมืด ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในระดับที่เก้าเป็นอย่างน้อย
ซูอันเริ่มที่จะเหงื่อแตก เขาไม่ได้จ้องนางนานขนาดนั้น แต่ผู้หญิงคนนี้ก็อ่อนไหวเกินไป เขาอธิบายตัวเองทันที “ข้าพระองค์คิดว่าฝ่าบาทผู้เป็นมารดาของแผ่นดินเป็นหญิงที่สง่างาม แต่ข้าไม่คิดว่าพระองค์จะทั้งอ่อนโยนและงดงามขนาดนี้ นี่เป็นเหตุผลที่ข้าพระองค์อดไม่ได้ที่จะจ้องมอง ขอจักรพรรดินีได้โปรดประทานอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยพะย่ะค่ะ”
“อ่อนโยนและงดงาม?” จักรพรรดินีตกใจเล็กน้อย นานมากแล้วที่ไม่มีใครชมความงามของนาง จักรพรรดิเองก็ยุ่งกับงานในราชสำนักและไม่ค่อยได้มาที่วังไร้พิพาท ในขณะที่ไม่มีใครอื่นกล้าพูดแบบนี้กับนาง ใครจะกล้าประทับใจในความงามของนาง?
ขันทีลู่งั้นเหรอ? ฮึ่ม!
นางไม่เต็มใจที่จะแสดงด้านที่เปราะบางในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงยิ้มและพูดว่า “วาจาของเจ้าช่างลื่นไหลนัก ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ถูกล่อลวงได้อย่างไร”
แม้จะพูดว่าวาจาของเขาลื่นไหล แต่นางมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า นางไม่ใช่คนที่นิสัยดุร้ายตั้งแต่แรก ดังนั้นความโกรธของนางจึงหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน