เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 927 แม่เฒ่าหนังเหนียว
บทที่ 927 แม่เฒ่าหนังเหนียว
บทที่ 927 แม่เฒ่าหนังเหนียว
ซูอันเกือบจะหัวเราะเมื่อเห็นว่าจูเซี่ยฉือซินกระอักกระอ่วนเกินกว่าจะถามคำถามออกมาตรง ๆ ความตื่นตระหนกของซูอันที่มีในตอนแรกได้ลดลงแล้ว
เห็นได้ชัดว่าจูเซี่ยฉือซินโกหก เขาบอกว่าตัวเองบังเอิญผ่านมา แต่แท้จริงแล้วมีเป้าหมายในใจ ท่าทางลังเลใจและสีหน้าแปลก ๆ ที่จูเซี่ยฉือซินมองซูอันก่อนออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ดังนั้นซูอันจึงเป็นฝ่ายพูดก่อน “จักรพรรดิทรงพิโรธอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ในวันนี้ พระองค์แปลกใจว่าทำไมการบุกโจมตีพระราชวังถึงมาเกิดตอนที่พระองค์อยู่นอกวังพอดี”
จูเซี่ยฉือซินตระหนักได้ทันที “เรื่องนี้แปลกจริง ๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้อยู่ในวัง”
ซูอันถอนหายใจ “นั่นเป็นเหตุผลที่พระองค์ทรงสั่งให้ข้าหาว่าใครเป็นคนเปิดเผยข้อมูลนี้…”
แม้ว่าจูเซี่ยฉือซินจะคาดเดาได้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังดูตกใจเล็กน้อย ความจริงที่ว่าจักรพรรดิไม่ได้สั่งให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้ หมายความว่าพระองค์สงสัยตัวเองเข้าแล้ว!
แม้จะรู้ว่าองค์จักรพรรดิเป็นคนขี้สงสัย แต่เมื่อพบว่าตอนนี้เขาตกเป็นเป้าของความสงสัยนั้น ทำให้เขาสงสัยในความจงรักภักดีของตัวเองอยู่บ้าง
“หากเจ้าพูดเช่นนี้ มันก็แสดงว่าข้าเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเช่นกัน เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเป็นหนอนบ่อนไส้ตัวจริงงั้นเหรอ?” จูเซี่ยฉือซินมองซูอันอย่างพินิจ เขาชื่นชมความสุขุมของซูอันตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ และสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้เขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นไปอีก นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่คัดค้านแม้แต่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าจักรพรรดิจะตั้งซูอันเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทอง
ซูอันฝืนยิ้ม “ความจงรักภักดีของท่านเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ข้าราชบริพารทั้งหลาย นอกจากนี้ ผู้บัญชาการยังดูแลข้าเป็นอย่างดีระหว่างทางมายังเมืองหลวง ดังนั้นข้าจึงเข้าใจลักษณะนิสัยของท่านเป็นอย่างดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างท่านจะแอบสมรู้ร่วมคิดกับพวกนักฆ่า”
อวิ้นเจียนเยว่ซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังม่านกลอกตา ชายคนนี้เป็นนักต้มตุ๋นจริง ๆ
แม้จูเซี่ยฉือซินจะรู้ว่าซูอันจงใจประจบประแจง แต่คำพูดนี้ช่างหวานหูเหลือเกินสำหรับเขา “ข้าเป็นคนที่ยึดถือในมโนธรรมอย่างชัดเจน ข้ารู้สึกยินดีจากก้นบึ้งหัวใจที่ได้รับความเชื่อใจจากน้องชาย”
ในเวลาเดียวกัน เขาลอบถอนหายใจ แม้แต่ซูอันผู้นี้ซึ่งเขารู้จักเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ยังเชื่อใจเขา แต่จักรพรรดิซึ่งเขาจงรักภักดีต่อพระองค์มาเป็นเวลานาน กลับกลายเป็นคนที่สงสัยเขาเข้าแล้ว
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ คำเยินยอเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังจริง ๆ!
เมื่อครู่นี้ ผู้ชายคนนี้ยังเรียกเขาว่าสิบเอ็ดอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเรียกเขาว่าน้องชายซะแล้ว!
ข้าต้องพึ่งพิงผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้เอาไว้! คำพูดของเขาอาจถูกมองว่าเป็นการเยินยอ แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิต้องการให้ทุกฝ่ายหวาดระแวงและคอยตรวจสอบกันเอง แต่ข้าไม่ใช่คนที่มีศรัทธาที่มืดบอด ทำไมข้าถึงต้องอุทิศตัวเองให้กับคนที่อาจจะฆ่าข้าได้ทุกเมื่อกัน?
เราควรรวมกลุ่มกันต่อต้าน…อะแฮ่ม! ข้าหมายถึงเราควรมาเป็นมิตรต่อกันดีกว่า…
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ลังเลที่จะบอกจูเซี่ยฉือซินเกี่ยวกับงานของจักรพรรดิ ไม่ว่าข่าวจะรั่วไหลออกไปจากชายผู้นี้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการผูกมิตรกับอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
ถ้าจูเซี่ยฉือซินเป็นคนของสำนักมารจริง ๆ พวกเขาก็ถือว่าอยู่ฝ่ายเดียวกันอยู่ดี
แน่นอนว่าไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะบอกเรื่องนี้กับจูเซี่ยฉือซินได้ มันคงเสี่ยงเกินไปที่จะพูดความลับกับคนแปลกหน้าที่ยังไม่ได้สนิทสนมกันดี
ซูอันกระแอมไอก่อนจะพูดว่า “พี่ชาย ข้าต้องการความคิดเห็นจากผู้มีประสบการณ์มากล้นอย่างท่านว่า ข้าควรเริ่มสืบจากอะไรตรงไหนบ้าง?”
อวิ้นเจียนเยว่มีสีหน้าแปลก ๆ เด็กหนุ่มคนนี้ช่างเป็นคนที่ใจกล้าหน้าด้านจริง ๆ! เขาน่าจะเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่กล้าเรียกจูเซี่ยฉือซินว่า ‘พี่ชาย’ แบบนี้!
ฮัวเล่ยหลงกลคนหน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองหลวงคนนี้ได้อย่างไร?
จูเซี่ยฉือซินเคาะนิ้วเบา ๆ ที่โต๊ะ “เนื่องจากจักรพรรดิทรงมอบหมายให้เจ้ารับผิดชอบการสอบสวนนี้ พระองค์จึงไม่ประสงค์ให้ข้าเข้าไปยุ่งอย่างแน่นอน หากข้าบอกวิธีการของข้า ฝ่าบาทต้องรู้อย่างไม่ต้องสงสัย เอาเป็นว่าเจ้าติดขัดอะไรค่อยมาบอกข้าก็แล้วกัน”
การพัฒนามิตรภาพเป็นกระบวนการที่ยาวนาน… ข้าคิดว่าข้าต้องหาโอกาสที่จะเชิญจูเซี่ยฉือซินผู้นี้ไปเที่ยวหอคณิกาบ้าง ตามสุภาษิตที่ว่า ผู้ชายควรเดินไปด้วยกัน ต่อสู้ด้วยกัน หนีไปด้วยกัน และ…ไปด้วยกัน!
แต่ผู้ชายคนนี้หน้าขาวซีดมาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าเขามีอะไรผิดปกติตรงส่วนนั้น การชักชวนไปหอคณิกาคงเป็นการทุ่มหินใส่เท้าตัวข้าเองมากว่าไหม?
จูเซี่ยฉือซินถอนหายใจ “ข้าเคร่งเครียดเกินไป เราเป็นสหายกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เจ้าว่างานของเจ้ายากแล้ว แต่ข้าก็ปวดหัวไม่แพ้กัน จักรพรรดิทรงต้องการให้ข้าสืบว่านักฆ่าหญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่ข้าไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะหายตัวไปเฉย ๆ”
จูเซี่ยฉือซินรู้สึกท้อแท้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสนทนากับซูอันอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งปกติเขาจะไม่ทำอย่างนี้
“ท่านบอกว่านักฆ่าคนนั้นเป็นผู้หญิงผมยาวชื่ออวิ้นเจียนเยว่ หรือว่านางเป็นเจ้าสำนักมาร?”
“ถูกต้อง” จูเซี่ยฉือซินพยักหน้า “ข้ามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองมาโดยตลอด ข้าเชื่อว่านอกจากฝ่าบาทแล้ว ไม่มีใครสามารถต่อกรกับข้าได้ แต่สุดท้าย ข้าก็พ่ายแพ้แก่ผู้หญิงนางนั้น”
ซูอันรีบปลอบเขา “ไม่จำเป็นต้องรู้สึกหดหู่ใจขนาดนั้นพี่ชาย นางเป็นเจ้าสำนักมารซึ่งอาจมีอายุมากกว่าท่านหลายสิบปีก็ได้ มันไม่ผิดแปลกไปหรอกกับการที่ท่านจะพ่ายแพ้ให้กับแม่เฒ่าหนังเหนียวไม่ยอมตายผู้นั้น”
หลังม่าน อวิ้นเจียนเยว่เลิกคิ้วขึ้น สีหน้าของนางเปลี่ยนแปลง
—
ท่านยั่วยุอวิ้นเจียนเยว่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 333!
—
ไอ้เด็กปากสุนัข!
แม้ว่านางจะสงบสติอารมณ์ได้ แต่นางก็ยังขุ่นเคือง
จูเซี่ยฉือซินดูงุนงง “แม่เฒ่าหนังเหนียว? แม้ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเจ้าสำนักมาร แต่จากข้อมูลที่ข้ามี นางไม่น่าจะอายุเยอะไปกว่าข้าแน่นอน ดังนั้นนางจะเป็นแม่เฒ่าได้อย่างไร? แต่ถ้านางแก่กว่าข้าจริง ๆ ข้าก็คงรู้สึกดีเช่นกัน…”
ริมฝีปากของอวิ้นเจียนเยว่ขดขึ้น นางพอใจกับคำพูดของจูเซี่ยฉือซินมากกว่า
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขารู้ว่าอวิ้นเจียนเยว่ไม่ใช่แม่เฒ่า…ก็ดี…นั่นก็ดี…!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ละทิ้งโอกาสที่สมบูรณ์แบบนี้ในการรวบรวมข้อมูล “ว่าแต่ท่านบอกว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนี้คนรักของนางจะมาแก้แค้นหรือเปล่า? พี่ชาย ท่านต้องระวังตัวเอาไว้ให้มากรู้ไหม”
คนรัก?
อวิ้นเจียนเยว่รู้สึกว่ามือของนางคันคะเยอ อยากทุบหัวใครสักคนให้กระโหลกบุบ
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่จริงจังของจูเซี่ยฉือซิน “สตรีที่ดุร้ายเช่นนั้นจะมีคนรักได้อย่างไร? ผู้ชายคนไหนในโลกจะกล้ารับนางเป็นคนรัก?”
อวิ้นเจียนเยว่หายใจถี่ทำให้หน้าอกขนาดพอดีของนางสั่นกระเพื่อม ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของนางในการใช้วิชาบังบดเร้นซ่อนนั้นสมบูรณ์แบบ นางอาจจะถูกจูเซี่ยฉือซินสัมผัสได้ถึงตัวตนไปแล้ว
“ถ้าอวิ้นเจียนเยว่ได้ยินท่านพูดถึงนางลับหลังแบบนี้ นางอาจจะบิดคอท่านจนขาด”
จูเซี่ยฉือซินพ่นลมหายใจ “แม้ว่าข้าจะอ่อนแอกว่านางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ง่ายที่นางจะสามารถสังหารข้าได้ นอกจากนี้ ฝ่าบาทเองทรงทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหลบหนีไป ใครจะสนล่ะถ้านางได้ยิน?”
ใบหน้าของอวิ้นเจียนเยว่ยังคงไร้ความรู้สึก นางไม่ใช่คนประเภทที่จะหุนหันพลันแล่นตามอารมณ์
ฮึ่ม! ข้าจะจำหนี้นี้ไว้!