เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 931 ผูกมิตร
บทที่ 931 ผูกมิตร
บทที่ 931 ผูกมิตร
“แน่นอนว่าไม่! มีศัตรูอยู่ทุกที่ ข้าต้องตื่นตัวตลอดเวลา” ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตายืดอก แววตาชื่นชมจากคนรอบข้างทำให้เขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ทหารร่างสูงผอมพูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่กะพริบตาเลย แล้วตาเจ้าไม่แห้งเหรอ?”
ทหารที่มีรอยคล้ำใต้ตาหยุดยิ้ม “ข้ากำลังเล่าวีรกรรมอันอาจหาญของข้าในการสังหารพวกนักฆ่าตัวร้าย แต่เจ้ากลับสนใจแค่ว่าตาของข้าจะแห้งหรือไม่แห้งเนี่ยนะ? เจ้าบ้าหรือเปล่า?!”
“ก็ข้าสงสัยนี่นา” ทหารร่างสูงผอมกล่าว “ว่าแต่สรุปแล้วเจ้าสังหารนักฆ่าไปสามศพหรือว่าเจ้าถอยหลังสามก้าวนะ?”
ทหารที่มีรอยคล้ำตอบ “โธ่โว้ย!! ข้ารุกพุ่งไปข้างหน้าและถอยกลับตั้งหลักไปมาสามจังหวะ!”
“เจ้าบอกว่าศพของศัตรูของเจ้าเกลื่อนพื้น สรุปแล้วเจ้าฆ่าพวกนักฆ่าไปจริง ๆ กี่คน?”
“ในช่วงเวลาเป็นตายข้าจะไปนั่งนับละเอียดได้อย่างไร?”
“แต่ข้าได้ยินอยู่ที่เจ้าบอกว่าเจ้าฆ่านักฆ่าไปสามคน!”
ทหารโดยรอบเงียบลงอย่างช้า ๆ… เมื่อพิจารณาจากจำนวนที่มากกว่า และจำนวนนักฆ่าที่รายล้อมพวกเขา การสังหารไปสามศพเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ถึงกระนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เจ้าคนนี้ขี้โม้จริง ๆ ศพเกลื่อนพื้นตั้งสามศพ!
ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตาไม่มีความสุข “เจียวซีกุน เจ้าเอาแต่ถามข้าแล้วเจ้าล่ะฆ่าไปกี่คน?!” เขาถามด้วยความโกรธ
ทหารสูงผอมราวกับเสาดูเหมือนจะรอคำถามนี้อยู่ เขายกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงพอใจ “ข้าก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากมายหรอกแต่ข้าแค่บังเอิญฆ่ามากกว่าเจ้าไปหนึ่งคน!”
ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตามองเขาโดยไม่พูดอะไร ทหารโดยรอบเริ่มชื่นชมทหารที่สูงผอมคนนั้น
ทหารที่ทีรอยคล้ำรอบดวงตาไม่พอใจที่ความสนใจของฝูงชนถูกทหารร่างผอมสูงฉกชิงไป “จริง ๆ แล้วทั้งผลงานของเจ้าและข้าไม่ได้พิเศษเลยเมื่อเทียบกับท่านสิบเอ็ด!”
“ใครคือท่านสิบเอ็ด?” เหล่าทหารสับสน พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
ซูอันซึ่งกำลังจะมุ่งหน้าไปยังส่วนอื่นของโรงแพทย์ อดไม่ได้ที่จะหยุดฟัง
ทหารผู้มีรอยคล้ำรอบดวงตากล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทองลำดับสิบเอ็ด!”
“ไร้สาระ! มีทูตยุทธ์เสื้อแพรทองเพียงสิบคนเท่านั้น” ทหารคนหนึ่งโต้กลับ
“ก่อนหน้านี้พวกเราก็คิดว่ามีเพียงสิบคนเท่านั้น แต่วันนี้เราเพิ่งได้รู้ว่ามีสิบเอ็ดคน!” ทหารผู้มีรอยคล้ำรอบดวงตาเล่าต่อ “ในยามที่พวกนักฆ่ามีจำนวนมากกว่าและแม้แต่องค์หญิงรัชทายาทก็ยังต้องเข้าร่วมการต่อสู้ เมื่อองค์หญิงรัชทายาทตกอยู่ในอันตราย ท่านสิบเอ็ดก็ปรากฏตัวขึ้นและอุ้ม…แค่ก ๆ…ยกกระบี่ขึ้นและสังหารนักฆ่าระดับสูงหลายคน”
แม้ว่านี่จะเป็นวงสนทนากันเองตามประสาหมู่สหาย แต่เขารู้ว่าการเอ่ยถึงการอุ้มองค์หญิงรัชทายาทเป็นเรื่องต้องห้าม
ทหารร่างสูงผอมแก้ไขอย่างรวดเร็ว “จริง ๆ แล้วท่านสิบเอ็ดไม่ได้ฆ่านักฆ่าเหล่านั้น เขาเพียงแค่เอาชนะพวกมันด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวไม่ได้เอาชีวิตพวกมันแม้แต่หนึ่งคน”
“ทำไมเจ้าถึงคอยแก้ไขคำพูดข้าอยู่เรื่อย!” ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตาพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูดกวนอารมณ์ข้า ข้าจะไม่เล่นลูกเต๋ากับเจ้าอีก!”
“แค่ก ๆ…” ในที่สุดทหารร่างสูงผอมหุบปากไปในที่สุด
ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตากล่าวต่อ “เมื่อท่านสิบเอ็ดมาถึง สถานการณ์ลดความตึงเครียดลงมาก เขาปกป้ององค์รัชทายาทและองค์หญิงรัชทายาทด้วยหอกยาวในมือ นักฆ่านับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เขา แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้”
เนื่องจากการโอ้อวดของเขาถูกเปิดโปงก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกท่านสิบเอ็ดขึ้นมาเพื่อปกปิดคำพูดไร้สาระของเขาเอง ดวงตาที่เป็นประกายของเหล่าสหายรอบตัวเขาทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
ทหารร่างสูงผอมแสดงสีหน้าขัดแย้ง เขาอยากจะพูดอยู่หลายหนแต่ก็หยุดตัวเองทุกครั้ง ทว่าท้ายที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูด “ท่านสิบเอ็ด ไม่ได้ใช้หอก…”
“หุบปาก!” ทหารผู้มีรอยคล้ำรอบดวงตากำลังจะท้าดวลกับสหายร่างสูงผอมให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ทหารอีกคนถามขึ้นก่อนด้วยความสงสัย “ข้าได้ยินมาว่าหนึ่งในนักฆ่าเป็นผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ ท่านสิบเอ็ดเอาชนะได้แม้แต่ปราชญ์เลยหรือเปล่า?”
ทหารผู้มีรอยคล้ำรอบดวงตาอธิบายว่า “แม้ท่านสิบเอ็ดไม่ใช่ปราชญ์ แต่กระบี่บินของปราชญ์ผู้นั้นกลับไม่สามารถทำร้ายท่านสิบเอ็ดได้ ทุกคนในวังตะวันออกสามารถเป็นพยานได้ในเรื่องนี้ว่ากระบี่บินนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด พวกเจ้าทุกคนสามารถเยาะเย้ยข้าได้ แต่พลังของกระบี่นั้นน่ากลัวจนข้าเกือบจะฉี่ราดด้วยซ้ำในตอนนั้น!”
“แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับเก้าก็ยังไม่สามารถรับมือกับการโจมตีของผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ได้ไม่ใช่หรือ…?”
ทหารที่อยู่รอบ ๆ ต่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาหันไปมองชายร่างสูงผอม
ทว่าครั้งนี้ทหารร่างสูงผอมไม่ได้แก้ไขคำพูดของสหายตัวเอง “เป็นเรื่องจริง ท่านสิบเอ็ดสามารถหลบหลีกกระบี่บินนั้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย”
ทหารราชองครักษ์ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะ พวกเขารู้สึกเคารพท่านสิบเอ็ดผู้ลึกลับนี้อย่างมาก
ซูอันเลือกช่วงเวลานี้เพื่อกระแอมเบา ๆ “อันที่จริง ข้าได้รับบาดเจ็บ” เขาพูดแทรก “ข้าได้รับบาดเจ็บภายในจากการโจมตีของปราชญ์ผู้นั้น ฟังนะ ข้ามาที่นี่เพื่อรับยาเช่นกัน”
เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะหายาได้อย่างไร โชคดีที่ทหารเหล่านี้ได้ให้ข้อแก้ตัวที่สมบูรณ์แบบแก่เขา
กลุ่มของทหารหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงของซูอัน
ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตาและสหายร่างผอมบางจำซูอันได้ในทันที
“ท่านสิบเอ็ด!” ทหารทั้งสองทรุดตัวลงคารวะ
ทหารคนอื่น ๆ มองทูตยุทธ์เสื้อแพรทองคนนี้อย่างสนใจ นี่คือท่านสิบเอ็ดผู้ลึกลับ?
ซูอันสังเกตเห็นว่าทหารทั้งสองพันผ้าพันแผลไปแทบทั้งตัว ดังนั้นเขาจึงรีบพยุงทั้งสองให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไร? ลุกขึ้นเถอะ”
ทหารทั้งสองไม่สามารถซ่อนอารมณ์ได้ “ถ้าไม่ใช่ท่านสิบเอ็ด พวกเราสองคนคงอาจไม่รอดชีวิตมาได้ เราจะลืมความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณได้อย่างไร?”
ซูอันจำไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร เนื่องจากวังตะวันออกขณะนั้นวุ่นวายอย่างมาก แม้ว่าเขาได้ช่วยทหารไว้บ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถจำสองคนนี้ได้
“สุภาพเกินไปแล้ว ข้าควรเรียกเจ้าสองคนว่าอะไรดี?”
ในฐานะราชเลขาของรัชทายาท จำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องรู้จักทหารเหล่านี้เอาไว้บ้าง
“เป็นเรื่องปกติที่เราจะแสดงความสุภาพต่อท่าน ข้าชื่อเผี่ยวตวนเตียว” ทหารที่มีรอยคล้ำรอบดวงตากล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ข้าคือเจียวซีกุน” ทหารผอมสูงพยายามยิ้ม แต่มันกลับออกมาน่าอึดอัดมาก
ทหารทั้งหมดล้อมเขาไว้ ยิงคำถามเกี่ยวกับการสู้รบใส่เขา ทั้งหมดมองดูซูอันอย่างชื่นชม
ซูอันรู้สึกปลาบปลื้ม โรงแพทย์นี้เป็นสวรรค์ส่วนตัวของข้า! ผู้คนที่นี่ช่างเป็นมิตรจริง ๆ
ทว่าเขาไม่ได้ลืมวัตถุประสงค์การมาที่นี่ของเขา ซูอันจงใจกระแอมไอสองสามครั้งแล้วพูดว่า “ข้ามีอาการบาดเจ็บหลายอย่างที่ต้องรักษา ข้าคงต้องขอตัวไปเบิกยาก่อน…”