เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 935 ทักษะหดร่าง
บทที่ 935 ทักษะหดร่าง
บทที่ 935 ทักษะหดร่าง
หลังจากลังเลเล็กน้อย อวิ้นเจียนเยว่ก็ห่มผ้าห่มและขยับร่างขึ้นไปอยู่บนเตียงเช่นกัน
ความสับสนของซูอันยังคงเพิ่มขึ้น
ผมยาวของนางไล้ไปตามร่างกายของเขา มันอ่อนนุ่มราวกับเส้นไหม
ขณะที่เขาได้กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนและสัมผัสได้ถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มของนาง ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา “ข้ารู้แล้ว ท่านกำลังเกิดตัณหากับร่างกายของข้า!”
“หุบปาก!” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอวิ้นเจียนเยว่หน้าแดงอย่างโกรธจัด อย่างไรก็ตามรอยแดงหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาสัมผัสได้ว่านางดูเหมือนกำลังใช้ทักษะบางอย่างทำให้ร่างของนางความยืดหยุ่น นางบิดตัวไปมาในผ้าห่ม ร่างกายของนางดูราวกับไม่มีกระดูกแถมยังหดเล็กลง มองภายนอกเหมือนไม่มีใครซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม!
ซูอันตกตะลึง เขาเคยเห็นสาวโยคะจากโลกก่อนหน้านี้บิดตัวเป็นท่าทางแปลก ๆ มาก่อน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอวิ้นเจียนเยว่ ผู้หญิงพวกนั้นดูเหมือนมือสมัครเล่นไปเลย!
ใครก็ตามที่แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้จะต้องได้รับพรอย่างยิ่ง!
“เจ้าอยากตายเหรอ?” อวิ้นเจียนเยว่กล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะที่ยังคงอยู่ใต้ผ้าห่ม
—
ท่านยั่วยุอวิ้นเจียนเยว่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้น ขาที่สามของเขากระตุกอย่างผิดปกติ “มันเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ! ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้!”
อวิ้นเจียนเยว่ไม่ตอบเขา
นางเบือนหน้าไปทางอื่น ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจ ข้าจะตัดมันทิ้งทันที!
ไม่มีทางที่นางจะยอมตกอยู่ในสถานการณ์นี้หากมีทางเลือกอื่น
นางรู้ดีว่าถ้ามีใครเข้ามาค้นหาที่นี่ การซ่อนตัวอยู่หลังม่านเหมือนครั้งที่แล้วคงไม่ได้ผล
จูเซี่ยฉือซินไม่ได้ทำการค้นหาอย่างละเอียดเพราะไม่ได้สงสัยซูอันตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ด้านนอกในตอนนี้แตกต่างอย่างชัดเจน พวกเขาจะต้องค้นทุกซอกทุกมุมของห้องอย่างแน่นอน ดังนั้นการซ่อนหลังม่านจึงไร้ประโยชน์ ซูอันยังกล่าวอีกว่ากลุ่มทหารได้ล้อมสถานที่นี้ไว้ นางจะถูกจับได้ทันทีหากพยายามกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ นางจึงยอมปล่อยให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ฉวยโอกาสจากนาง!
—
ท่านยั่วยุอวิ้นเจียนเยว่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233…233…233…
—
ในฐานะเจ้าสำนัก อวิ้นเจียนเยว่สามารถควบคุมอารมณ์ของนางและสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
เสียงไม่อดทนของเฉิงซยงมาจากข้างนอก “ท่านสิบเอ็ด ถ้ายังคงปฏิเสธที่จะเปิดประตู ข้าจะมีเหตุผลให้สงสัยว่าท่านกำลังซ่อนนักฆ่าอยู่ข้างใน อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้กำลังบุกเข้าไป!”
แม้ว่าจะมีค่ายกลป้องกันอยู่รอบเรือนพัก แต่การป้องกันนั้นไม่มีทางที่จะต้านทานการโจมตีของแม่ทัพที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดพร้อมด้วยกองทหารได้
ซูอันโคจรพลังปลดกุญแจเรือนและจากนั้นประตูเรือนจึงเปิดออกเอง “งั้นเข้ามาค้นเลย…ข้าเพิ่งย้ายมาวันนี้ เลยไม่มีข้าวของอะไร ดังนั้นการค้นหาของพวกเจ้าไม่ควรใช้เวลานาน!”
เฉิงซยงรู้สึกประหลาดใจที่ซูอันปล่อยให้พวกเขาเข้ามา นี่ข้าเข้าใจชายคนนี้ผิดไปหรือไม่? ทำไมดูเหมือนข้าทำผิดต่อเขาซะเอง?
เขาโบกมือสั่งลูกน้องให้เริ่มการค้นหา พวกเขาได้รับฝึกฝนเป็นพิเศษสำหรับงานแบบนี้ ดังนั้นแม้แต่ห้องใต้ดินที่ซ่อนอยู่ก็ไม่พ้นจากการตรวจสอบ
ตัวของเฉิงซยงมุ่งหน้ามายังห้องนอนหลัก “ท่านสิบเอ็ด โปรดยกโทษให้กับความหยาบคายของข้า ข้าต้องทำหน้าที่ของข้า”
แม้ว่าเขาจะยังสงสัยอยู่ แต่ก็แสดงท่าทีสุภาพ ท้ายที่สุดพวกเขาเคยเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิพร้อมกันมาแล้ว ตัวเองก็ยังคงต้องแสดงมารยาทกับอีกฝ่ายบ้าง
ซูอันพยายามที่จะนั่งครึ่งตัวบนเตียงราวกับเพิ่งถูกปลุกให้ตื่น “ไม่มีปัญหา ท่านหาอะไรก็หาไป แต่ถ้าเมื่อไรที่เสร็จแล้ว ข้าคงไม่ขอส่งท่านออกไป เพราะข้าเองก็ต้องพักผ่อนดูแลอาการบาดเจ็บจากเมื่อคืนที่ผ่านมา!”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ ว่าแต่ท่านสิบเอ็ด ก่อนหน้านี้ท่านอยู่ที่โรงแพทย์ไม่ใช่เหรอ?” เฉิงซยงจ้องมองอีกฝ่าย เขาต้องการหาพิรุธจากปฏิกิริยาของซูอัน แต่ซูอันสวมหน้ากาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพบพิรุจอันใดได้
ซูอันหัวเราะ “แม่ทัพเฉิงช่างเชี่ยวชาญจริง ๆ การค้นหาของท่านละเอียดมาก”
เฉิงซยงไม่ได้ปฏิเสธ “ช่วยไม่ได้ องค์จักรพรรดิทรงมอบหมายคดีนี้ให้ข้า ข้าจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ ไม่สามารถปล่อยให้เบาะแสใด ๆ หลุดมือได้”
“แล้วท่านพบสิ่งใดหรือไม่?” ซูอันสาปแช่งในใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมุ่งเป้ามาที่เขา ทั้งสองคนไม่มีความขัดแย้งต่อกัน และยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทอง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ชายคนนี้จะก้าวร้าวกับเขาขนาดนี้
“นักฆ่าพวกนั้นฉลาดแกมโกง เรายังไม่พบเบาะแสอะไรเลย แต่ข้าเชื่อว่านักฆ่าบางคนยังคงซ่อนตัวอยู่ในวัง แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าพวกมันซ่อนอยู่ที่ไหนก็ตาม ข้าคิดว่าเราจะพบพวกมันทั้งหมดในไม่ช้านี้” เฉิงซยงกล่าว
“ขอให้ประสบความสำเร็จท่านแม่ทัพเฉิง” ซูอันต้องยอมรับว่าชายคนนี้มีไหวพริบมากพอที่จะสามารถสรุปความจริงได้
เฉิงซยงหัวเราะออกมาอีกครั้ง แล้วจู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า “ว่าแต่ ข้าได้ยินจากที่โรงแพทย์ว่าท่านสิบเอ็ดได้รับบาดเจ็บ แต่จากสิ่งที่ข้าเห็นเมื่อตอนเราอยู่ในห้องหนังสือส่วนพระองค์ ท่านสิบเอ็ดไม่ได้ดูเหมือนคนบาดเจ็บ ท่านได้ปะทะกับนักฆ่าผู้ใดหลังจากออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์อีกอย่างนั้นหรือ?”
หัวใจของซูอันเริ่มเต้นแรง ชายคนนี้รู้เรื่องของเขาแล้วงั้นเหรอ?
แน่นอนว่าซูอันไม่มีทางยอมรับ “ข้าได้รับบาดเจ็บจากกระบี่บินของนักฆ่าหญิงในวังตะวันออก แต่ข้ารู้ดีถึงความสำคัญของการเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ดังนั้นข้าจึงฝืนกำลังไปที่นั่น หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาส ข้าจึงไปโรงแพทย์เพื่อขอรับยา”
“ข้าได้ยินมาว่าโรงแพทย์ไม่ได้ให้ยาที่ท่านร้องขอ และพวกเขาก็ได้มอบมันให้กับองค์หญิงรัชทายาทแทน” เฉิงซยงขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น “ข้าขอเสนอความช่วยเหลือได้ไหมท่านสิบเอ็ด? แม้ว่าข้าจะอยู่ในระดับแปดเท่านั้น แต่ข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้”
“ไม่จำเป็นเลยท่านแม่ทัพ องค์หญิงรัชทายาทได้มอบยานั้นให้แก่ข้าแล้ว และอาการของข้าก็ดีขึ้นมาก ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือการพักผ่อนอีกสองสามวัน” ซูอันจงใจยกชื่อองค์หญิงรัชทายาทขึ้นมาโดยหวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายยอมถอย
เมื่อเฉิงซยงได้ยินประโยคนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดเลยว่าฑูตยุทธ์เสื้อแพรคนที่สิบเอ็ดผู้นี้จะสนิทสนมกับองค์หญิงรัชทายาท
ทว่าเมื่อรู้เช่นนี้ ด้วยเป็นคนที่นิสัยโหดเหี้ยมแต่เดิม การที่เขาทำให้ฑูตยุทธ์เสื้อแพรคนที่สิบเอ็ดนี้ขุ่นเคืองแล้ว เขาจะไม่รอจนกว่าอีกฝ่ายจะแก้แค้นด้วยอิทธิพลจากกลุ่มทูตยุทธ์เสื้อแพรและองค์หญิงรัชทายาท เขาจะต้องไล่ซูอันให้จนมุมที่นี่และเดี๋ยวนี้
“พูดตามตรง ข้ายังรู้สึกอดสูแทนเมื่อนึกถึงนักฆ่าหญิงคนนั้น นางเป็นถึงปราชญ์ แต่กลับมาทำงานต่ำต้อยอย่างการลอบสังหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับสถานะของนางโดยสิ้นเชิง ช่างน่าอับอายจริง ๆ” เฉิงซยงกล่าว
ซูอันรู้สึกว่าร่างกายของอวิ้นเจียนเยว่ตึงขึ้น คำพูดเหล่านี้ทำให้นางโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยความกังวลว่านางจะไม่สามารถระงับความโกรธได้ เขาจึงตบนางเบา ๆ ให้นางสงบลง
อวิ้นเจียนเยว่เกือบจะถีบเขา
ข้าควรสับซูอันผู้นี้ให้หมากินหลังจากที่ข้าหายดีแล้วหรือไม่?
ซูอันพูดไปตามน้ำกับเฉิงซยง “ข้าแน่ใจว่านักฆ่าหญิงคนนั้นงดงามมากแต่น่าเสียดายที่นางดุร้ายเหลือเกิน กระบี่บินของนางเกือบเอาชีวิตข้าได้”
“ความจริงที่ว่าท่านสิบเอ็ดสามารถหลบการโจมตีของปราชญ์ได้นั้นน่ายกย่องยิ่งนัก” เฉิงซยงกล่าวชมเชย “ว่าแต่ท่านบ่มเพาะทักษะอะไรหรือท่านสิบเอ็ด? เป็นเคล็ดวิชาธาตุไฟหรือไม่ที่ท่านบ่มเพาะ?”
ซูอันขมวดคิ้วภายใต้หน้ากาก ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเริ่มสงสัย เฉิงซยงพยายามเชื่อมโยงวิชาดาบอัคคีที่ช่วยชิวฮัวเล่ยไว้กับตัวเขา
“เคล็ดวิชาบ่มเพาะเป็นความลับส่วนตัวของผู้บ่มเพาะทั้งหลายอย่างเรา” ซูอันตอบอย่างเย็นชา “ดูเหมือนไม่สมควรที่แม่ทัพเฉิงจะถามเรื่องนี้ ว่าไหม?”
เฉิงซยงตัวสั่น “ข้ารู้สึกชื่นชมท่านสิบเอ็ดมากเกินไปหน่อยจึงพูดจาเลอะเลือน ขออภัยด้วย”
ขณะที่พูด ดวงตาของเฉิงซยงค่อย ๆ เคลื่อนไปบนผ้าห่มที่คลุมตัวซูอันไว้