เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 941 หายนะที่กำลังจะเกิด
บทที่ 941 หายนะที่กำลังจะเกิด
ไอ้คนไร้ยางอายคนนั้นล่อลวงพี่ใหญ่ของข้าได้จริง ๆ!
นางถึงกับรีบมาที่นี่แต่เช้าตรู่! หนุ่มน้อยนึกไม่ออกว่าชายอื่นจะทำให้พี่สาวที่เย็นชาและเย่อหยิ่งของนางเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
พี่ชายและน้องสาวคู่นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่โหยวเจาและฉู่ชูเหยียน ไม่สิ ต้องเรียกว่าพี่สาวน้องสาวถึงจะถูกต้อง!
“เจ้าจำที่อยู่ถูกต้องใช่ไหม? ทำไมเรายังไม่ถึงซะที!” ฉู่ชูเหยียน ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ฉู่โหยวเจาไม่คุ้นเคยกับพี่ใหญ่ของนางที่ทำตัวเหมือนเด็กหญิงที่นิสัยเสียแบบนี้ “เขาได้ครอบครองที่ดินของตระกูลติง มันควรจะอยู่ตรงนั้น”
ฉู่ชูเหยียนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฉู่โหยวเจาเบ้ริมฝีปากด้วยความขัดใจแต่ยังคงเดินตามพี่สาวของนางไป
ในที่สุดพวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่หน้าเรือนหลังใหญ่ ฉู่ชูเหยียนรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อสายตาของเหลือบไปเห็นแผ่นโลหะที่สลักด้วยคำว่า ‘บุรุษหงส์’ ทุกคนบอกว่าเขาเป็นเพียงเขยขยะจากตระกูลฉู่ แต่บัดนี้เขาได้รับตำแหน่งขุนนางแล้ว!
แม้ว่าจะเป็นขุนนางระดับต่ำแต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ตอนนี้ซูอันถูกมองว่าเป็นขุนนางที่แท้จริงและสามารถเพลิดเพลินกับสถานะและความมั่งคั่งที่คนทั่วไปไม่สามารถหาได้
นางสงสัยว่าปฏิกิริยาของพ่อแม่นางจะเป็นอย่างไร หลังจากที่รู้ว่าซูอันกลายเป็นขุนนาง!
ริมฝีปากของฉู่ชูเหยียนโค้งขึ้นราวกับกำลังนึกถึงสิ่งที่น่าสนใจ
ฉู่โหยวเจาผู้ซึ่งเฝ้าดูพี่สาวตลอดเวลาพลางย่นจมูกของนาง ไอ้คนเลวทรามผู้นั้นเป็นเพียงขุนนางระดับต่ำ แต่ทำไมพี่สาวของนางถึงดูปลื้มอกปลิ้มใจนัก?!
ความอดทนก่อนหน้านี้ของฉู่ชูเหยียนหายไป นางเอะอะกับเสื้อผ้าและผมที่หน้าประตู ดูไม่เหลือความเยือกเย็นตามปกติของนาง “ช่วยเคาะประตูหน่อย”
ฉู่โหยวเจากลอกตา อย่างไรก็ตาม การเชื่อฟังพี่สาวของนางฝังแน่นอยู่ในใต้จิตสำนึก นางเดินไปที่ประตูด้วยใบหน้ามุ่ยแล้วเคาะประตู “พี่เขยอยู่ไหม? พี่สาวของข้ามาหา! หืม? ดูเหมือนประตูจะไม่ได้ลงกลอน…”
เมื่อได้ยินเสียงของฉู่โหยวเจา ชายหญิงที่อยู่ข้างในซึ่งกำลังมีความสุขกันอยู่นั้นเกือบขาดใจตายด้วยความตกใจ
ซูอันลุกขึ้นนั่งทันที ทว่าการกระตุ้นอย่างกะทันหันมากเกินไปทำให้น้ำในกายของเขาปะทุราวกับภูเขาไฟระเบิด
ชิวฮัวเล่ยผู้ซึ่งล้อเลียนเขาด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของนาง ไม่สามารถหลบได้ทันเวลา นางตกตะลึงในทันที
แม้ว่านางจะมีเสน่ห์และดูเจ้าชู้อยู่เสมอ แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นนางเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ซึ่งทำให้นางมีกลิ่นอายความบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์
มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของคุณสมบัติที่ทำให้ขุนนางจำนวนมากในเมืองจันทร์กระจ่างหมกมุ่นอยู่กับนาง บางคนถึงกับบูชานางในฐานะเทพธิดาที่สมบูรณ์แบบและไม่อาจแตะต้องได้
ใบหน้าที่งดงามของนางตอนนี้ถูก ‘ประดับ’ ด้วยน้ำในกายของซูอันแล้ว มันเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ นางไม่ใช่เทพธิดาที่ไม่อาจแตะต้องอีกต่อไป!
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้นาง “เช็ดหน้าเจ้าเร็ว!”
ชิวฮัวเล่ยรับผ้าเช็ดหน้ามาอย่างขุ่นเคืองเช็ดของเหลวขาวขุ่นบนแก้ม นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองจึงทำให้นางยอมเขาขนาดนี้
แม้ว่านางจะชอบเขามาก แต่ความสัมพันธ์นี้ไม่ควรจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในรูปแบบนี้เลย…
หรือเป็นเพราะเมื่อวานนี้หลังจากที่เขายอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยอาจารย์ของนางหรือเปล่า? นางรู้สึกอยากตอบแทนเขาจึงยอมทำเรื่องน่าละอายลงไปใช่ไหม?
มันดูไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นชายอื่น พวกเขาคงจะเป็นฝ่ายเสนอตัวช่วยนางซะมากกว่า
ใช่แล้ว! ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายเกินไป! จริง ๆ แล้วนางแค่พูดล้อเล่นกับเขาเท่านั้น การอยู่ในหอสุขนิรันดร์มานานกว่าหนึ่งปีทำให้นางได้เรียนรู้วิธีหยอกล้อให้ผู้ชายมีความสุข แต่นางไม่คิดว่าสุดท้ายเขาจะเอาจริง!
และด้วยเหตุผลบางอย่าง นางดันเต็มใจปล่อยให้เขานำทางนาง ราวกับอยู่ในภวังค์ ในตอนแรกนางเขินอายเล็กน้อย แต่นางก็ค่อย ๆ โลมเลียอย่างกระหายมากขึ้น จิตใจของนางหมกมุ่นอยู่กับวิธีการเอาใจคนรักของนางให้ดีขึ้น…
บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างกระอักกระอ่วน แต่เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นมันดึงนางออกจากภวังค์ทันที นางรู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง นางไม่นึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปจนกระทั่งลาวาจากภูเขาไฟนั่นปะทุมาเปื้อนหน้านาง
“ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี?” ชิวฮัวเล่ยอารมณ์เสียเล็กน้อย นางไม่สามารถแม้แต่จะเช็ดลาวาสีขาวขุ่นออกจากใบหน้าได้หมด
“เจ้าไปซ่อนข้างหลังก่อน” ซูอันพูดอย่างรวดเร็ว ชี้ไปที่ฉากไม้ด้านใน
สิ่งสุดท้ายที่ชิวฮัวเล่ยต้องการคือไม่ให้คนอื่นเห็นนางในสภาพนี้ นางพยักหน้าตกลงและเข้าไปแอบด้านหลัง
ซูอันรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะออกไปทักทายผู้มาเยือน
“เจ้าก็อยู่ข้างในนี่! ทำไมถึงออกมาช้า?” ฉู่โหยวเจาโล่งใจขึ้นเมื่อในที่สุดซูอันก็ปรากฏตัว พี่ใหญ่อาจจะบีบคอนาง ถ้าพวกนางมาแล้วพบกับเรือนที่ว่างเปล่า
“เมื่อกี้ข้าทำอย่างอื่นอยู่จึงเสียเวลานิดหน่อย” ซูอันกล่าวพร้อมกับหัวเราะปกปิดความผิด เขาหันไปหาฉู่ชูเหยียน “ชูเหยียน เจ้าก็มาด้วยเหรอ?”
“ใช่ ข้าเอง ข้ามาดูบ้านใหม่ของเจ้า ข้ายังไม่ได้มาเยี่ยมเจ้าเลย” ฉู่ชูเหยียนยิ้ม แต่แล้วจู่ ๆ ก็จ้องไปที่แก้มของเขา “เอ๊ะ? ทำไมหน้าเจ้าถึงแดงขนาดนี้?”
“คงเป็นเพราะข้างในนี้มันร้อนเกินไป ฮ่า ๆ” ซูอันตบหน้าผากตัวเอง
“วันนี้อากาศถือว่าร้อนเหรอ?” ฉู่โหยวเจาถามอย่างสับสน
ซูอันไม่สนใจนาง เขายังไม่ต้องการให้พวกนางเข้าไปข้างใน ไม่เช่นนั้นพวกนางอาจจะสังเกตเห็นชิวฮัวเล่ยได้
แต่เขาจะห้ามพวกนางได้อย่างไร? มันจะยิ่งดูน่าสงสัยในทันทีถ้าเขาไม่ต้อนรับพวกนางเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกนางเดินทางมาถึงแล้ว
ในที่สุด สองพี่น้องก็เข้ามาในเรือน ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วทันทีเมื่อนางก้าวเข้ามา ฉู่โหยวเจาถามออกมาตรง ๆ ด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว “นี่มันกลิ่นอะไร?”
ใบหน้าของซูอันแข็งค้าง “ข้าเพิ่งย้ายเข้ามาและยังไม่มีเวลาทำความสะอาด มันอาจจะเป็นกลิ่นอะไรซักอย่างของเจ้าของคนสุดท้าย” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ
“อ้อ…” ฉู่โหยวเจาพึงพอใจกับคำตอบของเขา
แต่สีหน้าของฉู่ชูเหยียนยังคงไม่ปกติ น้องสาวคนสุดท้องของนางยังเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา ดังนั้นอาจจะไม่รู้จักกลิ่นนี้ แต่ทำไมนางถึงจะไม่รู้ล่ะ?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายคนนี้หน้าแดงแถมเสื้อผ้าของเขาก็ดูไม่ค่อยเรียบร้อย! เขากำลังทำอะไรอยู่ก่อนหน้านี้กัน?!
หรือว่าบางทีเขาอาจจะทนไม่ไหวจนช่วยตัวเอง? ข้าจะทำอย่างไรดี? ที่นี่ไม่ได้มีเพียงเราสองคน…!