เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 942 พบกันอีกครั้ง
บทที่ 942 พบกันอีกครั้ง
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงก่ำ น้องสาวของนางอาจต้องตาค้างถ้าซูอันสูญเสียการควบคุม
ฉู่ชูเหยียนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนโดยไม่รู้ตัว และใบหน้าของนางก็ร้อนยิ่งขึ้นไปอีก
“หืม? พี่ใหญ่ ทำไมท่านหน้าแดงไปอีกคนแล้ว? วันนี้อากาศร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉู่โหยวเจางุนงง นางไม่เห็นรู้สึกร้อนเลย! ว่าแต่พี่สาวคนโตของนางบ่มเพาะกระบี่เกล็ดหิมะ ทำไมถึงได้รับผลกระทบจากความร้อนไปด้วยล่ะ?
ฉู่ชูเหยียนจ้องน้องสาวคนเล็กของนางซึ่งกำลังมีสีหน้างุนงง นางไอเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมที่นี่ไม่มีคนรับใช้หรือสาวใช้ซักคน?”
ซูอันชี้ไปที่พระราชวัง “ข้ากลัวว่าจะมีสายลับของทางการแทรกซึมเข้ามาสอดส่องข้า ข้าจึงตัดสินใจปฏิเสธคนรับใช้ที่พวกเขาจัดหามาให้ อีกอย่างนึง ข้าชินกับการอยู่คนเดียวอยู่แล้ว”
ฉู่ชูเหยียนส่ายหัว “ที่นี่ใหญ่ขนาดนี้ เจ้าจะดูแลทุกอย่างคนเดียวได้อย่างไร? หากเรื่องราวเผยแพร่ไป เจ้าจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง คนอื่นจะคิดว่าเจ้ายากจนเกินกว่าจะมีคนรับใช้”
ซูอันหัวเราะ “ปากของใครก็เป็นของคนนั้น ถ้าใครอยากพูดก็ปล่อยให้พูดไป”
ฉู่โหยวเจากลอกตา “เจ้าควรหาใครซักคนมาทำความสะอาดที่นี่เป็นประจำ ไม่อย่างนั้นที่นี่จะมีกลิ่นแปลก ๆ อยู่เสมอ” น้ำเสียงของนางรังเกียจ
ซูอันไม่รู้จะพูดอะไร
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาฉู่ชูเหยียนก็อดยิ้มไม่ได้ “เอาอย่างนี้ไหมล่ะ? ข้าจะจัดคนรับใช้ให้เจ้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อใจผู้คนในเมืองหลวง ข้าจะหาคนที่ข้ารู้จักจากเมืองจันทร์กระจ่างมาให้”
“นั่นเป็นความคิดที่ดีเลย” ซูอันเห็นด้วยกับความคิดนี้ นี่ไม่ใช่อพาร์ตเมนต์แคบ ๆ จากโลกที่แล้วของตัวเอง เขาคงเหนื่อยตายถ้าต้องทำความสะอาดเรือนทั้งหลังด้วยตัวเอง
ฉู่ชูเหยียนมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย วันนี้ซูอันทำตัวแปลกเกินไป “ว่าแต่ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้มีกลุ่มนักฆ่าปรากฏตัวในวังตะวันออก เจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรที่ข้าจัดการไม่ได้” ซูอันจับมือเล็ก ๆ ที่เนียนนุ่มของนาง เขายังไม่มีโอกาสบอกนางว่าตอนนี้เขาเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพร ตัวแสบฉู่โหยวเจาตามติดภรรยาของเขาตลอดเวลา
แม้ว่าเขาจะเชื่อใจฉู่ชูเหยียน แต่เขาไม่ไว้ใจเด็กเหลือขอคนนี้ ฉู่โหยวเจาดูไม่ใช่คนที่เก็บความลับเก่งเลย
นอกจากนี้ ตระกูลฉินยังเป็นกำลังสำคัญของฝ่ายของราชันลมปราณ การบอกเรื่องนี้กับชูเหยียนมีแต่จะทำให้นางมีปัญหา
“ข้าสงสัยว่าพวกนักฆ่ามาจากไหน?” ฉู่โหยวเจากล่าว “ไม่สิ ต้องมีคนวางแผนป้ายสีความผิดให้ราชันลมปราณในเรื่องไร้สาระนี่แน่นอน!”
ซูอันมองไปที่นาง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่ฝีมือของราชันลมปราณ?”
ฉู่โหยวเจาพ่นลมหายใจ “แน่นอนว่าไม่ใช่เขา ราชันลมปราณมีชื่อเสียงในด้านสติปัญญาและคุณธรรม ทำไมเขาถึงจะทำอะไรที่ทั้งโง่และขาดคุณธรรมแบบนี้? เขาถูกใส่ร้ายแน่ ๆ! นักฆ่าพวกนั้นไร้ยางอายที่สุด!”
ชิวฮัวเล่ยยังคงนวดข้อมือที่บาดเจ็บอยู่หลังฉากไม้ นางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เด็กเหลือขอคนนี้สาปแช่งพวกนาง!
ฉู่ชูเหยียนหันไปในทันที “นั่นใคร? ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ฉู่ชูเหยียนได้รับอนุญาตให้ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉินโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะนางบอกพวกเขาว่านางจะออกไปสอบถามเกี่ยวกับเหตุการลอบสังหารในพระราชวังหลวง
ซูอันเป็นราชเลขาของรัชทายาท สามารถเข้าถึงข้อมูลวงในได้ นี่คือเหตุผลที่ตระกูลฉินปล่อยให้นางจากมา
แน่นอนว่าฉู่ชูเหยียนและพ่อแม่ของนางมีใจเดียวกันคือ ปรารถนาที่จะรักษาความเป็นกลาง และไม่ต้องการเข้าร่วมสงครามความขัดแย้งในราชบัลลังก์ เพียงแต่ฉู่โหยวเจาถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลฉินตั้งแต่ยังเล็ก และประสบการณ์ของนางที่เติบโตขึ้นท่ามกลางฝ่ายที่เทิดทูนราชันลมปราณนั้นลึกซึ้ง เป็นเหตุผลที่นางพูดแทนราชันลมปราณโดยจิตสำนึก
ตระกูลฉินได้รับข่าวว่านักฆ่าที่ถูกจับได้ปฏิเสธที่จะคายข้อมูล แต่หลังจากถูกส่งตัวไปทรมาน ทั้งหมดก็สารภาพว่าทำตามคำสั่งของราชันลมปราณ
เรื่องนี้ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นมาก ทุกคนในฝ่ายของราชันลมปราณโกรธเคือง หากปัญหานี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ฝ่ายของพวกเขาอาจจะแตกสลาย
ฉู่โหยวเจามีอารมณ์ร่วมไปด้วย นางสาปแช่งพวกนักฆ่า เรียกพวกมันว่าไร้ยางอายและน่ารังเกียจ
คำพูดเหล่านี้สะดุดหูของชิวฮัวเล่ยที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉากไม้ อารมณ์เชิงลบรบกวนนางมากพอที่เสี้ยวคลื่นพลังของนางจะรั่วไหลออกมา
ฉู่ชูเหยียนเป็นผู้บ่มเพาะระดับเจ็ด ดังนั้นจึงรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางไม่ได้สงสัยซูอันเลย ความคิดแรกของนางคือมีคนซุ่มรอโจมตีเขา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าซูอันครอบครองวิชาวัฏจักรหงส์อมตะและเป็นราชเลขาของรัชทายาท นางยังได้ยินมาว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายน้อยตระกูลซือ และมีโอกาสที่คนผู้นี้จะเป็นนักฆ่าที่ส่งมาจากตระกูลซือซึ่งต้องการแก้แค้น
เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ นางจึงพุ่งไปยังจุดที่คลื่นพลังรั่วไหล และส่งกระบี่พลังชี่กวาดออกไปทางฉากไม้ทันที
ฉากไม้ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที และร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ทั้งสองผลัดกันรุกรับอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าหลายครั้ง
ชิวฮัวเล่ยเป็นบุตรีสวรรค์แห่งสำนักมาร และนางก็เก่งที่สุดในกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน นางเป็นคู่ประมือที่เหมาะสมกับฉู่ชูเหยียน
ฉู่โหยวเจาม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างตื่นเต้น เตรียมเข้าร่วมการต่อสู้ “พี่ใหญ่ ให้ข้าช่วยนะ!”
โอกาสดี ๆ ที่จะได้วิวาทดุเดือดแบบนี้ไม่มีอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีใครกล้าต่อสู้กับนาง ถึงแม้มู่หรงชิงเหอจะเป็นคู่ฝึกยุทธ์ให้นางบ้าง แต่สาวน้อยผู้นั้นก็ยอมจำนนก่อนถึงจุดจบเสมอ ชีวิตของนางนั้นช่างน่าเบื่อมานาน
นางเคยตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ ก็แค่ตอนได้เผชิญหน้ากับเหล่านักฆ่าที่ถูกส่งตัวมาสังหารพี่เขยของนางก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับต่างไปจากเดิม นางมีทั้งพี่สาวคนโตและพี่เขยคอยปกป้อง นางมีความสุขที่จะได้อาละวาดฆ่าฟันอย่างปลอดภัย
แต่แล้วซูอันวางมือบนหัวนาง… “อย่าคิดสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป เจ้าจะทำให้เรื่องมันยุ่งขึ้นเท่านั้น!”
“อย่าจับหัวข้า!” ฉู่โหยวเจาที่ถูกฝ่ามือกดศีรษะไว้ไม่สามารถแม้แต่จะขยับได้ นางพยายามดิ้นรนแต่ไร้ผล
—
ท่านยั่วยุฉู่โหยวเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233…233…233…
—
ขณะเดียวกันนั้น ฉู่ชูเหยียนหยุดการโจมตีลงอย่างกะทันหัน “เป็นเจ้า?”
นางไม่แน่ใจในตอนแรก แต่ในที่สุดนางก็รู้ว่าใครคือคู่ต่อสู้ของนาง หญิงสาวคนนี้เป็นคณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอสุขนิรันดร์ในเมืองจันทร์กระจ่าง! พวกนางเคยพบและมีเรื่องราวติดค้างกันมาก่อน ซ้ำยังได้ต่อสู้เคียงข้างกันระหว่างทางมาเมืองหลวง นางจะจำอีกฝ่ายไม่ได้ได้อย่างไร?
ชิวฮัวเล่ยตอบรับ “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง คุณหนูฉู่”