เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 943 ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
บทที่ 943 ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
“ห้ะ? พวกนางรู้จักกัน?” ฉู่โหยวเจารู้สึกผิดหวัง หมดเรื่องสนุกง่ายเกินไปแล้ว นางตีมือของซูอันอย่างโกรธจัด
ซูอันต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกว่าเขาควรจะหุบปากไว้
“เจ้ามาที่นี่ทำไมหรือแม่นางชิว? หรือว่าเจ้าปรารถนาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของอาซู?” ฉู่ชูเหยียนหรี่ตา นางรู้ว่าคู่ต่อสู้ของนางคือบุตรีสวรรค์ของสำนักมาร และยังจำได้ว่าผู้บ่มเพาะของสำนักมารพยายามลักพาตัวซูอันอย่างไร?
ถ้าชิวฮัวเล่ยไม่ได้เคยแอบช่วยซูอัน นางคงไม่ไว้ไมตรี
ชิวฮัวเล่ยกระแอมเบา ๆ “ข้าบังเอิญมาที่เมืองหลวง ดังนั้นจึงถือโอกาสมาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่า” นางกล่าว
คำตอบของนางฟังดูมีเหตุผลเพียงพอ แต่ฉู่ชูเหยียนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นนางก็จำกลิ่นแปลก ๆ ที่คละคลุ้งตอนที่นางเข้ามาในห้องได้ มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของนางจนต้องถามออกไปว่า “เจ้ายังเช็ดสิ่งที่อยู่บนใบหน้าออกไม่หมดเลย”
ชิวฮัวเล่ยสะดุ้งโหยง นางรีบเอามือถูหน้า แต่กลับไม่มีอะไรเปื้อนมือเลย “จ…เจ้าโกหก…”
กลางประโยค นางตระหนักได้ว่าตกหลุมพรางของอีกฝ่ายเข้าแล้ว
ซูอันก็อ้าปากค้างเช่นกัน ฉู่ชูเหยียนผู้ซึ่งเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งอยู่เสมอ จริง ๆ แล้วมีด้านมืดแบบนี้ด้วย!
สีหน้าของฉู่ชูเหยียนกลายเป็นเย็นชา นางถลึงตาใส่ซูอันอย่างเดือดดาล
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +256…256…256…
—
สามีบัดซบนี่!
เมื่อครู่นี้ ข้ายังกังวลเรื่องเขาและถึงกับรู้สึกว่าข้าบกพร่องในหน้าที่ภรรยา แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นว่าเขากำลังสนุกอยู่กับผู้หญิงคนอื่น!
ซูอันหัวเราะแห้ง ๆ ด้วยความกระอักกระอ่วนอับอาย “ชูเหยียน…”
ฉู่ชูเหยียนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังคำอธิบาย นางหันกลับไปจ้องเขม็งที่ชิวฮัวเล่ย “ถ้าข้าจำไม่ผิด แม่นางชิวยังไม่แต่งงาน การมาที่บ้านของชายที่แต่งงานแล้วและ…ทำเรื่องเหล่านี้…ดูเหมือนว่าสำนักมารจะทำสิ่งต่าง ๆ ที่น่าอดสูได้สมชื่ออย่างแท้จริง!”
ฉู่โหยวเจาตระหนักได้คร่าว ๆ แม้ว่านางจะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางก็เดาได้ไม่มากก็น้อยว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นมารความรักของพี่สาวคนโต อืม…นางดูเหมือนสาวคณิกา…ข้าว่าแล้วว่านางต้องไม่ใช่คนดี…
ฉู่โหยวเจาเอ่ยขึ้นสนับสนุน “พี่ใหญ่ ท่านเพิ่งรู้เรื่องนี้ตอนนี้เหรอ? สมาชิกของสำนักมารแต่ละคนล้วนไร้ยางอายและน่ารังเกียจ!”
ปกติแล้วนางไม่ค่อยจะกล้าพูดแทรกพี่สาวคนโตของนาง แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าต้องยืนหยัดเพื่อพี่น้อง
ชิวฮัวเล่ยโกรธจัด แต่นางฝืนยิ้ม “ก็จริงที่สำนักมารของเราไร้ยางอายและน่ารังเกียจไม่มีทางเทียบได้กับความชอบธรรมของตระกูลที่ยิ่งใหญ่! หากเจ้ามีค่าสำหรับพวกเขา เจ้าจะต้องทำงานหนักถึงกระดูก เมื่อเจ้าไร้ประโยชน์ เจ้าจะถูกโยนออกจากประตูทันทีเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของตระกูลด่างพร้อย สำนักมารอย่างเราจึงคอยหาวิธีช่วยชีวิตคนเหล่านั้น อาซู เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”
ซูอันสะดุ้งโหยงพร้อมกับหลั่งเหงื่อเย็น “อ่า…เอ่อ…จริง ๆ แล้วเรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนั้น การแยกตัวจากตระกูลฉู่เป็นสิ่งที่เราตกลงกันไว้ล่วงหน้า เนื่องจากข้าไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับพวกเขา นอกจากนี้ชูเหยียนนางยัง…”
ชิวฮัวเล่ยตัดบทเขาและมุ่งเป้าไปที่ฉู่ชูเหยียนทันที “โอ้ เจ้าพูดถูก ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่อีกต่อไป แต่เมื่อครู่นี้กลับมีใครบางคนพยายามที่จะอ้างความเป็นเจ้าของทั้งที่ไม่มีสิทธิ์แล้ว!”
ฉู่ชูเหยียนเกือบสำลัก การตัดสินใจของตระกูลฉู่ที่จะทำลายพันธะกับซูอันนั้นเป็นหนามในใจนางมาโดยตลอด ตอนนั้นนางไม่ได้อยู่ที่เมืองจันทร์กระจ่างและเมื่อถึงเวลาที่นางรู้ มันก็สายเกินไปแล้ว
ทั้งสองคนตกลงกันเงียบ ๆ ที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ นางกำลังเผชิญกับผลที่ตามมา
ถูกต้อง…นางและเขาไม่ใช่สามีภรรยากันอีกต่อไป!
ฉู่โหยวเจาโกรธมาก “นังจิ้งจอกตัวนี้มาจากไหน? เจ้ากำลังขโมยผู้ชายของคนอื่น พูดบิดเบือนกลับดำเป็นขาวกลับขาวเป็นดำ! ข้าจะฟ้องทางการให้มาจับเศษขยะสำนักมารอย่างเจ้า!”
ทว่าแทนที่จะเถียงอย่างรีบร้อน ชิวฮัวเล่ยเดินไปแนบอิงร่างกับซูอันอย่างเย้ายวน “ข้าเป็นเพื่อนที่ดีของอาซูและอาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าด่าข้า เจ้าจะไม่ทำให้เขาอึดอัดใจเหรอ? อาซูทำหน้าที่ต่อตระกูลฉู่อย่างดีมาตลอดใช่ไหม? นี่เป็นวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณของเจ้าเหรอ?”
“เจ้า…!” ฉู่โหยวเจาพูดไม่ออก นางจะสามารถประชันฝีปากกับชิวฮัวเล่ยบุตรีสวรรค์แห่งสำนักมารที่เคยใช้เวลาอยู่ในหอสุขนิรันดร์ได้อย่างไร?
เปลือกตาของฉู่ชูเหยียนกระตุกอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาตัวอิงแอบซูอัน ฮึ่ม! ตอนนั้นข้าควรจะปล่อยให้จูเซี่ยฉือซินจับนางแทนที่จะปล่อยนางไป!
นางหันกลับไปสีหน้าไร้อารมณ์ “โหยวเจา! พวกเรากลับ!”
ฉู่โหยวเจาไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้ พี่ใหญ่! ท่านเป็นคนรักตัวจริงของเขา! จะปล่อยให้นังจิ้งจอกตัวนี้คาบไปได้อย่างไร?
ทว่าฉู่ชูเหยียนเดินจากไปอย่างรวดเร็วจนนางต้องเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจ
ซูอันกำลังจะอธิบายตัวเอง แต่ชิวฮัวเล่ยคว้าแขนเขาไว้ “อาซู ช่วยเอาน้ำมาให้ข้าล้างหน้าสักหน่อยได้ไหม? ข้ารู้สึกเหมือนอะไรที่เปื้อนหน้าข้าจนมันกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว”
ฉู่ชูเหยียนซึ่งเพิ่งไปถึงทางเข้า ตัวแข็งค้าง นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมา
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนของชิวฮัวเล่ย ซูอันก็ถอนหายใจ หลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น การทิ้งนางไว้คนเดียวตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องไร้หัวใจเกินไป “ก็ได้ ข้าจะเอาน้ำมาให้เจ้า…”
ในที่สุดหัวใจที่วิตกกังวลของชิวฮัวเล่ยก็สงบลง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ฮัวเล่ย เราทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ ทำไมเจ้าต้องพูดจารุนแรงอย่างนั้น?” ซูอันกล่าวอย่างเศร้าโศกขณะที่ช่วยนางล้างหน้า
ชิวฮัวเล่ยพ่นลมหายใจด้วยความโกรธ “ข้าทนไม่ไหวกับทัศนคติที่คิดว่าตัวเองเต็มไปด้วยความชอบธรรมของนาง! สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ข้าไปเยือนคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ตอนนั้นนางเป็นภรรยาของเจ้าอย่างแท้จริง แต่ว่าตอนนี้ตระกูลฉู่ได้ละทิ้งเจ้าเพื่อเอาตัวรอด ข้าจะปล่อยให้นางยกเรื่องความชอบธรรมมาสั่งสอนข้าได้อย่างไร?”
ซูอันถอนหายใจ “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้น และตระกูลฉู่ก็คอยช่วยเหลือข้าในภายหลัง”
ชิวฮัวเล่ยหน้าบึ้ง “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่าไร ข้าก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาทิ้งเจ้าอยู่ดี!”
ซูอันเงียบ เขาเข้าใจดีว่าการตัดสินใจใด ๆ ที่ทำโดยตระกูลต้องทำบนพื้นฐานของประโยชน์ส่วนรวม ไม่มีผู้นำตระกูลคนใดที่สามารถตัดสินใจตามความเห็นแก่ตัวของตนเองได้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าทำไมตระกูลฉู่ถึงทำกับเขาแบบนี้ แต่ความเข้าใจเป็นเรื่องหนึ่ง ความรู้สึกที่เขารู้สึกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับมันเช่นกัน ซูอันค้นพบว่าหลังจากที่มาถึงโลกนี้ เขาไม่เคยมีครอบครัวที่แท้จริงเลย
ชิวฮัวเล่ยสังเกตเห็นท่าทางที่หดหู่ใจของเขาและจับมือเขาไว้ “ช่างเถอะ…แรงจูงใจของข้าก็ไม่บริสุทธิ์เช่นกัน ข้าแค่ไม่อยากเห็นนางมีความสุข”
ซูอันยิ้มและดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “เจ้าเป็นคนจากสำนักมารใช่ไหมล่ะ? มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะทำอย่างนี้”
หลังจากมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม พวกเขาก็รู้สึกสนิทใจกันมากขึ้น ชิวฮัวเล่ยโน้มตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างสบาย ๆ กระตือรือร้นที่จะสานต่อกิจกรรมแห่งความรักร่วมกันหลังจากที่ถูกขัดจังหวะ