เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 949 ความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่
บทที่ 949 ความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่
“รับทราบ!” ทหารที่มาทั้งหมดเป็นลูกน้องของเฉิงซยงโดยตรง พวกเขาบุกเข้ามาล้อมซูอันทันที ทุกคนรู้ว่าซูอันเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทอง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าประมาท
อย่างไรก็ตามที่นี่มีทั้งแม่ทัพของพวกเขาและเพื่อนองครักษ์คอยสนับสนุน ชายผู้นี้หัวเดียวกระเทียมลีบจึงต้องตายอย่างแน่นอน
ซูอันเฝ้าระวังอย่างใจจดใจจ่อ
แต่แล้วเสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างหูของเขา “ให้ข้าช่วยไหม?”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ที่แท้อวิ้นเจียนเยว่ให้ความสนใจกับสถานการณ์มาโดยตลอด เขาหัวเราะคิกคักเมื่อคิดภาพนางแอบมองผ่านรอยต่อด้านในประตู
“ไม่จำเป็น ถ้าเจ้าออกมาตอนนี้ข้าคงแย่กว่าเดิม” ซูอันตอบผ่านกระแสพลังชี่
ตลกน่า! หากอวิ้นเจียนเยว่เปิดเผยตัวตนเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ฮึ่ม! เจ้าตายแน่ถ้าข้าไม่ช่วย” เห็นได้ชัดว่าอวิ้นเจียนเยว่ไม่ชอบได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นภาระ
“ใจเย็น ๆ ข้ามีแผน” ซูอันตอบอย่างรวดเร็ว เขาลอบเหลือบมองไปรอบด้านอย่างประหม่า องค์หญิงรัชทายาททำไมเจ้ายังไม่มาที่นี่อีก? ผู้ชายในอนาคตของเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายนะ!
ราวกับว่านางได้ยินคำอธิษฐาน ทันใดนั้นหญิงงามที่แต่งตัวหรูหราเดินเข้ามา
ซูอันแสร้งขึ้นเสียงด้วยความโกรธ “เฉิงซยง ทำไมเจ้าถึงตั้งใจจะกำจัดข้านัก? หรือเป็นเพราะข้าช่วยองค์หญิงรัชทายาทเมื่อคืนนี้และทำลายแผนการของเจ้าหรือเปล่า?”
องค์หญิงรัชทายาทขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตอนแรกที่มาถึง นางสับสนกับทหารองครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ที่พักอาศัยของท่านสิบเอ็ด ทว่าคำพูดของเขาทำให้นางได้ข้อสรุปหลายประการ
จากจุดยืนของนาง นางรู้ว่าเฉิงซยงเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายของราชันลมปราณ ดังนั้นแล้วมันอาจเป็นไปได้ที่แม่ทัพผู้นี้คือหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีเมื่อคืน…
ความขัดแย้งระหว่างรัชทายาทและราชันลมปราณได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ณ จุดนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเกินไป
เฉิงซยงกำลังจะออกคำสั่งโจมตี แต่การกล่าวหาอย่างกะทันหันนี้ทำให้เขาทั้งตกตะลึงและเดือดดาล “ไอ้สารเลว กล้าดีอย่างไรถึงกล้าพูดไร้สาระแบบนี้!”
—
ท่านยั่วยุเฉิงซยงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444…444…444…
—
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเพียงพอที่จะส่งเขาไปหาเพชฌฆาต! หากซูอันยังคงพูดต่อและมีคนอื่นเอาไปขยายความ ตระกูลของเขาจะต้องถูกกำจัดจนหมดสิ้น!
ซูอันกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีความลับใดที่เป็นความลับตลอดไป เว้นแต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะตาย ถ้านั่นไม่ใช่แผนของเจ้า แล้วทำไมต้องโจมตีข้าเหมือนว่าเจ้าเสียสติไปแล้ว? เจ้าคิดว่าการกลั่นแกล้งทูตยุทธ์เสื้อแพรทองมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ทหารภายใต้บังคับบัญชาของเฉิงซยงมองไปที่แม้ทัพของพวกเขาอย่างไม่แน่ใจ สถานการณ์นี้ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย พวกเขามักจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทูตยุทธ์เสื้อแพร แค่ไม่มีทูตยุทธ์เสื้อแพรคนใดมาตามหาเจ้าก็ถือเป็นพรจากสวรรค์แล้ว
แต่ตอนนี้เจ้ากำลังยั่วยุหนึ่งในนั้นโดยตั้งใจ แถมเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทองอีกต่างหาก!
เฉิงซยงกำลังจะระเบิดโทสะ เขาเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใส่ร้ายผู้อื่นให้ได้รับการลงโทษ แต่คราวนี้เขามีเหตุผลเหมาะสมที่จะสงสัยว่าซูอันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล่านักฆ่า แต่ทว่าตอนนี้กระดานหมากกลับพลิกกลับตาลปัตรกลายเป็นเขาที่เป็นผู้ต้องสงสัยซะเอง
“ไอ้งูพิษ! เจ้ากล้าใส่ร้ายข้างั้นเหรอ? ตายซะ!” เขากวัดแกว่งกระบี่ส่งคลื่นกระบี่เข้าหาซูอัน
เขามีอีกเหตุผลในการโจมตีก่อน เขาต้องการเห็นทักษะการต่อสู้ของซูอัน หากอีกฝ่ายเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไฟและมีทักษะกระบี่เพลิงเหมือนที่เขาถูกโจมตีเมื่อคืนก่อน เขาย่อมจะพิสูจน์ความจริงทุกอย่างได้
ขณะเดียวกันซูอันสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะซัดฝ่ามือต้านรับ เขาโคจรวิชาเทพยุทธ์กลืนสวรรค์ร่วมด้วยเพื่อดูดกลืนคลื่นพลังกระบี่ของเฉิงซยงให้หายลับไป
“นั่นมันทักษะบ้าอะไรกัน?” เฉิงซยงอุทานอย่างสับสน การที่ถูกคู่ต่อสู้อีกฝ่ายคลี่คลายการโจมตีของตนเองได้ง่ายขนาดนี้ เขาตระหนักว่าตัวเองอาจไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายแบบตัวต่อตัวได้แน่นอน “พวกเจ้ามองอะไรกัน? จัดการเขาสิ!”
เหล่าทหารราชองครักษ์ได้รับการฝึกฝนอย่างดีเยี่ยมในการประสานต่อสู้ เมื่อพวกเขาต่อสู้ร่วมกัน คู่ต่อสู้เพียงคนเดียวย่อมไม่มีโอกาสเอาชนะพวกเขาได้
ทหารเหล่านั้นจัดกระบวนรบแล้ว พวกเขายกคันธนูขึ้นเพื่อเตรียมยิงใส่ซูอัน
แต่ทันใดนั้น เสียงไพเราะอันสูงส่งก็ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?!”
ทุกสายตาหันไปทางต้นเสียง เมื่อรู้ว่าเป็นใคร ทุกคนต่างรีบโค้งคำนับทันที “คารวะองค์หญิงรัชทายาท!”
เฉิงซยงรู้สึกประหลาดใจ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมาที่นี่ตอนนี้! แม้จะมีความคิดนี้ เขาก็โค้งคำนับทันทีเช่นกัน ไม่กล้าแสดงท่าทีไม่สุภาพใด ๆ
องค์หญิงรัชทายาทกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกเจ้าทุกคนนี่ช่างแปลกประหลาดนัก! ทำไมข้าไม่เห็นพวกเจ้าทำอะไรได้ตอนที่กลุ่มนักฆ่าเข้าโจมตีเมื่อวานนี้ แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับดูแข็งแรงและมีชีวิตชีวากันเหลือเกิน!”
ความอัปยศผุดขึ้นในหัวใจของราชองครักษ์ขณะที่พวกเขารับคำวิพากษ์วิจารณ์จากองค์หญิงรัชทายาท
เฉิงซยงค่อนข้างสงบกว่าลูกน้องของเขา “องค์หญิงทรงเข้าใจเราผิดพะย่ะค่ะ” เขาตอบอย่างรวดเร็ว “เรากำลังดำเนินการสอบสวนเท่านั้น”
จากนั้นเขาก็อธิบายว่าทหารรักษาประตูวังสังเกตเห็นผู้ต้องสงสัยใช้เครื่องแบบทูตยุทธ์เสื้อแพรได้อย่างไร
องค์หญิงรัชทายาทตวาด “ถ้าเจ้ารู้ว่าเป็นนักฆ่า ทำไมเจ้าไม่จับตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ!?”
ซูอันเกือบจะระเบิดหัวเราะออกมา นี่สิผู้หญิงของข้า! นางคิดแบบเดียวกับข้า
เฉิงซยงหายใจไม่ออกและพยายามแก้ตัวอย่างรวดเร็ว “ทูลองค์หญิง เราเพิ่งรู้ในภายหลังพะย่ะค่ะ”
องค์หญิงรัชทายาทหันไปมองที่ซูอัน ท่านสิบเอ็ดช่างดูองอาจและน่ายกย่องเหมือนเช่นเคย…ริมฝีปากของนางโค้งเป็นรอยยิ้มละมุนละไม
แต่เมื่อถึงเวลาที่นางหันกลับไปมองเฉิงซยงอีกครั้ง ใบหน้าของนางเปลี่ยนกลับเป็นเย็นชาเหมือนเดิม “ในเมื่อเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งน่าสงสัยในตอนนั้น เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรผู้นี้เป็นนักฆ่า? พวกเจ้ามีหลักฐานอะไรไหม?”
“เอ่อ…” เฉิงซยงพยายามหาคำที่จะตอบนาง แต่ทุกอย่างมันเป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น แม้ว่าทุกอย่างจะสมเหตุสมผล แต่เขาก็ยังขาดข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรม “เรากำลังตรวจสอบเครื่องแบบของทูตยุทธ์เสื้อแพรเพื่อหาหลักฐาน ทูตยุทธ์เสื้อแพรทุกคนควรจะมีเครื่องแบบครบจำนวนทั้งหมดในครอบครอง แต่คนที่ช่วยให้นักฆ่าหลบหนีน่าจะขาดไปชุดหนึ่ง”
องค์หญิงรัชทายาทหันกลับมามองซูอันอีกครั้ง นางสามารถเห็นได้ว่าเฉิงซยงมุ่งมั่นแค่ไหน
ซูอันเย้ยหยัน “ข้าเคยพูดไปแล้ว เจ้าจะเรียกร้องให้ข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าด้วยการกล่าวหาเพียงอย่างเดียวได้อย่างไร? ในอนาคต ข้าสามารถกล่าวหาเจ้ามั่ว ๆ และใช้เป็นข้ออ้างในการปล้นทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้าได้ไหม? แม่ทัพเฉิง เจ้าจะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าหรือไม่?”
องค์หญิงรัชทายาทครุ่นคิดตามคำพูดของซูอันก่อนหน้านี้ นางเริ่มสงสัยว่าฝ่ายของราชันลมปราณกำลังพยายามบ่อนทำลายผู้ที่ภักดีต่อรัชทายาท “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แม่ทัพเฉิง ข้อกล่าวหาของเจ้ายังมีเหตุผลไม่เพียงพอ”