เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 959 หอคณิกาหลวง
บทที่ 959 หอคณิกาหลวง
อวิ้นเจียนเยว่เห็นด้วยกับเหตุผลของเขาและไม่พูดอะไรอีก นางตรวจสอบหีบและอุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีโชคกับผู้หญิงจริง ๆ ทั้งองค์หญิงรัชทายาทและสนมไป่ต่างกระตือรือร้นที่จะมอบของล้ำค่าให้เจ้า”
“นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนพิเศษ” ซูอันกล่าว “อ้อ ข้าต้องออกไปนอกวัง ข้าปล่อยให้เฉิงซยงรังควานข้าแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ข้าต้องจัดการกับเขา”
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ” อวิ้นเจียนเยว่พยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก นางกระโดดกลับขึ้นไปนอนบนริบบิ้นผ้าไหมและหลับตาลง
ซูอันพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ติดภาพลักษณ์คือเซียวเหล่งนึ่งกลับชาติมาเกิดหรือไง ทำไมต้องทำตัวคล้ายกันด้วย?
…
ซูอันพบทูตยุทธ์เสื้อแพรทันทีที่เขาเดินออกมา
“ท่านสิบเอ็ด นี่คือข้อมูลที่ผู้บัญชาการจูเซี่ยสั่งให้ข้ามาส่ง”
ซูอันหยิบรายงานมาเปิดดู มันเป็นรายงานของเฉิงซยง เขาตกใจ “ทำไมได้ข้อมูลมาเร็วขนาดนี้?”
ตั้งแต่เขาพูดกับจูเซี่ยฉือซิน เวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน
ทูตยุทธ์เสื้อแพรยิ้ม “ตำหนักถักแพรมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับขุนนางทุกคน โปรดสละเวลาของท่านพิจารณาดู ผู้น้อยขอลา”
“ขอบคุณ!” ซูอันจำได้ว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรเป็นสายข่าวกรองของจักรพรรดิ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีทรัพยากรข้อมูลมากมายมหาศาล
เขาเริ่มอ่านข้อมูลอย่างละเอียด
เฉิงซยงมาจากครอบครัวที่ยากจน และได้เลื่อนยศในสนามรบ ต่อมาเขาได้รับความโปรดปรานจากแม่ทัพฉินเสอและได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็กลายเป็นแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายและเป็นสมาชิกคนสำคัญของฝ่ายราชันลมปราณ
ซูอันปวดหัวเมื่อเห็นชื่อฉินเสอ เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอชื่อท่านตาใหญ่ของชูเหยียนในตอนท้ายเรื่องทั้งหมดนี้…
ขณะที่ชายหนุ่มอ่านต่อไป คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวด
เมื่อเฉิงซยงมีตำแหน่งใหญ่โต เขาก็หลงลืมตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง จมปลักอยู่กับชีวิตที่โกงกินและหาช่องว่างละเมิดกฎหมายบ้านเมือง
ทูตยุทธ์เสื้อแพรได้บันทึกเหตุการณ์หลายครั้งว่าเขาใช้กำลังยึดทรัพย์สินของประชาชนทั่วไป ครั้งหนึ่งถึงกับเคยช่วงชิงภรรยาของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง!
เฉิงกัง ลูกชายของเฉิงซยงจัดเป็นชายโฉดในเมืองหลวง หลายครั้งที่เขากดขี่ประชาชนเช่นกัน
เปลือกตาของซูอันกระตุกเมื่อเขาอ่านข้อมูล ท้ายที่สุด เขาส่งเสียงคำรามอย่างโกรธจัด “บัดซบ!”
ที่ด้านล่างสุดมีข้อความสีแดงบรรทัดเล็ก ๆ ลายมือมีความสง่างาม เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นลายมือของจูเซี่ยฉือซิน
อาชญากรรมเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะเอาผิดแม่ทัพระดับสูง อย่าเปลืองแรง
ซูอันขมวดคิ้วและตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าการกระทำที่กดขี่เหล่านี้เป็นเรื่องปกติในหมู่ขุนนางและเจ้าหน้าที่ระดับสูง และไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก
ในสายตาของจักรพรรดิและขุนนางในราชสำนัก เรื่องเหล่านี้ไม่เป็นภัย อย่างมาก เฉิงซยงจะถูกประณามด้วยวาจา แต่คงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาออกจากตำแหน่ง
ซูอันรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง แม้ว่าผู้คนในโลกนี้อาจจะเคยชินกับมัน แต่ในฐานะที่เขาเคยเป็นพลเมืองของโลกสมัยใหม่ ไม่มีทางที่เขาจะเห็นด้วยกับเรื่องเหล่านี้
จู่ ๆ ซูอันก็อ่านเจอเรื่องหนึ่งในรายงาน มีคนกล่าวไว้ว่า เฉิงกังเพิ่งติดใจคณิกาอันดับหนึ่งในหอคณิกาหลวง
ต่างจากที่หอสุขนิรันทร์ในเมืองจันทร์กระจ่าง หอคณิกาหลวงดำเนินการโดยราชสำนัก ผู้หญิงที่อยู่ข้างในเป็นสมาชิกตระกูลของขุนนางที่ต้องโทษหรือเชลยศึก แน่นอนว่ามีคณิกาทั่วไปในนั้นด้วย ส่วนมากเป็นเด็กสาวที่ถูกครอบครัวยากจนของนางขายทิ้ง…
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว เด็กผู้หญิงในหอคณิกาหลวงเหล่านี้ถือว่ามีคุณภาพดีกว่าหอคณิกาทั่วไปที่ดำเนินกิจการโดยธุรกิจสามัญ
คณิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ล้วนมาจากสถานที่ดังกล่าว
ในสถานที่เช่นเมืองจันทร์กระจ่างหรือหอสุขนิรันดร์เป็นหนึ่งในหอคณิกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเมืองหลวง คณิกาที่ดีที่สุดมักจะมาจากหอคณิกาหลวง
“หอคณิกาหลวง…” ซูอันมีความคิด ข้อมูลระบุว่าเฉิงกังจะไปเยี่ยมที่นั่นในคืนนี้
…
เดิมทีซูอันวางแผนที่จะไปหาฉู่ชูเหยียนเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของพวกเขา อย่างไรก็ตาม นางยังคงไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนอย่างแน่นอน
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขามีภารกิจที่สำคัญกว่า นอกจากนี้ นางอาจจะยังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ และมันจะดีกว่าถ้าจะให้เวลานางผ่อนคลายลง
ซูอันมาถึงหอคณิกาหลวงตอนค่ำ ไม่มีผู้หญิงยืนพิงระเบียงชั้นสองและร้องเรียกผู้ชายเหมือนในหอคณิกาทั่วไป
เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ดำเนินงานโดยทางการและทุกคนมีความภาคภูมิใจในตัวเอง
คนงานที่ทางเข้าสังเกตเห็นว่าซูอันแต่งกายสุภาพเรียบร้อยและประพฤติตัวเหมาะสม จึงทักทายซูอันด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “นายน้อย ท่านสนใจคนใดเป็นพิเศษหรือไม่?”
“ข้าชื่นชมความงดงามของแม่นางส่วงเยว่มาระยะหนึ่งแล้ว นางเป็นเหตุผลที่ข้ามาเยี่ยมวันนี้” ซูอันตอบ แม่นางส่วงเยว่เป็นคณิกาอันดับหนึ่งที่เฉิงกังสนใจ
ชื่อนี้ฟังดูคุ้นเคย เขาเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน?
สีหน้าของพนักงานคนนั้นเปลี่ยนไปในทันที “ขออภัยด้วยนายน้อย เรือนของแม่นางส่วงเยว่ถูกจองแล้ว นางจะไม่รับลูกค้ารายอื่นอีก”
หอคณิกาหลวงไม่ใช่อาคารเดี่ยว แต่ประกอบด้วยหลายลานบ้านและเรือนอีกหลายหลัง คณิกาธรรมดาจะพักอาศัยในอาคารเดียวกัน แต่คณิกาอันดับหนึ่งจะมีเรือนส่วนตัวของตัวเอง
หอคณิกาหลวงมีคณิกาอันดับหนึ่งมากกว่าหนึ่งคน และมันง่ายที่จะจินตนาการว่าสถานที่นั้นใหญ่แค่ไหน
“เรือนของนางถูกจองแล้ว?” ซูอันขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าจะเจอปัญหาแบบนี้
เขาโยนเหรียญเงินให้พนักงาน “ช่วยข้าคิดอะไรหน่อย มันไม่ง่ายเลยสำหรับข้าที่จะมาแบบนี้”
เขาต้องสอบสวนเฉิงกังและคณิกาอันดับหนึ่งคนนั้นเพื่อดูว่าเขาจะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้หรือไม่
ตาของพนักงานเป็นประกายเมื่อเห็นเหรียญเงิน เขาส่งยิ้มกว้างให้ซูอันทันที “นายน้อย กรุณาเข้ามา ให้ข้าดูว่าท่านหญิงส่วงเยว่มีเวลาว่างบ้างหรือไม่”
ซูอันเดินเข้าไปในที่ดิน คนงานพาเขาผ่านบริเวณรอบ ๆ ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงเรือนเล็ก ๆ มันค่อนข้างประณีตโดยไม่ฉูดฉาดเกินไป มันไม่รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของหอคณิกา แต่มีบรรยากาศเหมือนห้องของหญิงสาว
ซูอันได้รับชาและขอให้รอที่นอกเรือน ขณะที่คนงานเข้าไปรายงาน
ส่วงเยว่อยู่หน้ากระจกแต่งตัว ข้าง ๆ นางมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างที่เย้ายวนมีเสน่ห์เพียงพอที่จะมีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้ชายคนใดก็ตาม
“ส่วงเยว่ เจ้าสวยขึ้นเรื่อย ๆ” ผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้า เสียงของนางอ่อนหวานจนสามารถละลายกระดูกให้นิ่มได้
คณิกาอันดับหนึ่งที่นั่งหน้ากระจกกลอกตาไปมา “ท่านหญิง หยุดล้อเลียนข้าได้ไหม? รูปลักษณ์ของข้าจะเปรียบเทียบกับท่านได้อย่างไร? คนเมืองหลวงค่อนข้างโลกแคบ หากพวกเขาเคยไปเยือนเมืองจันทร์กระจ่างและพบท่าน พวกเขาจะไม่แตะต้องคณิกาหลวงอย่างข้าอีก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวอีกคนกว้างขึ้น “มาเร็ว ไม่จำเป็นต้องดูหมิ่นตัวเองแบบนั้น ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจ้าได้หลายอย่างเช่นเจ้าที่เป็นเผ่าแมว มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเจ้าได้”
คณิกาอันดับหนึ่งสะดุ้ง “ท่านกำลังล้อเลียนข้า!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่คนงานจะรายงาน “ท่านหญิง มีนายน้อยผู้หนึ่งประสงค์จะพบท่าน เขากำลังรออยู่ด้านนอก!”