เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 965 เป็นเจ้า?
บทที่ 965 เป็นเจ้า?
ซูอันวิ่งไปที่เตียง “โหยวเจา? โหยวเจา?”
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของนางยังสวมอยู่อย่างเรียบร้อย
ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้มองนางอย่างพิจารณา ผิวของนางขาวเนียน ขนตายาวงอน นางดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้องชั้นดี ริมฝีปากสีแดงชื้นที่เผยอออกเล็กน้อยขณะที่นางหายใจเข้าและออก ดูเหมือนว่าพวกมันจะล่อลวงเขาอย่างเงียบๆ
เขาไม่สามารถตำหนิเฉิงกังที่บ้าคลั่งไปแล้วได้ ผู้ชายแบบไหนจะสวยได้ขนาดนี้?
ขณะที่เขาเยาะเย้ยเฉิงกังในใจ ฉู่โหยวเจาก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ นางมองซูอันด้วยความสับสน “พี่เขย?” เสียงของนางอ่อนหวานน่ารัก
ส่วงเยว่รู้สึกขนลุกทั่วร่างกาย เสียงผู้ชายคนนี้ช่างไพเราะเสียยิ่งกว่านางงามในหอคณิกาหลวงเสียอีก! นี่มันบ้าอะไรกัน?
ซูอันได้กลิ่นหอมหวานมาจากลมหายใจของนาง เขาขมวดคิ้วแล้วมองส่วงเยว่ “เจ้าให้อะไรพวกเขากิน”
“มียาปลุกกำหนัดผสมอยู่ในสุรา” ส่วงเยว่อธิบาย “แต่ว่ามันเป็นปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งไม่ควรส่งผลกระทบต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตนเอง สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือ เฉิงกังจะกล้าทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน…”
จะไปว่าอะไรเฉิงกังได้… แม้แต่ผู้หญิงก็ยังอยากจะเป็นฝ่ายกระโจนใส่หนุ่มน้อยคนนี้…!
ซูอันได้ตระหนักว่านี่คือยาที่ชิวฮัวเล่ยได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ยาที่สามารถหลอกผู้ชายให้เชื่อว่าส่วงเยว่ได้หลับนอนกับพวกเขา
ส่วงเยว่ดูกังวล “นายน้อยเฉิงกังเป็นบุคคลสำคัญในเมืองหลวง ท่านจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล” ซูอันกล่าว ทว่าน้ำเสียงของเขามืดหม่น “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเจ้าไปแจ้งฮัวเล่ยก่อน”
“เข้าใจแล้ว” ส่วงเยว่ตั้งใจจะทำอย่างนั้นเช่นกัน นางรีบเดินออกไป
“พี่…เขย…ท่านมาที่นี่ทำไม? ข้าฝันไปหรือเปล่า?” ฉู่โหยวเจายังเมาสุราอยู่
“ฝัน?… เจ้าเกือบถูกคนอื่นล่วงเกินอยู่แล้ว เจ้ายังเลอะเลือนอยู่อีก!” ซูอันกล่าวอย่างท้อแท้เขาพยายามที่จะพยุงนางขึ้น
ร่างกายของนางอ่อนแรงทั้งหมด และนางก็ฟุบไปในอ้อมแขนของเขาทันทีที่เขาพยายามจะพยุงนางขึ้น
“พี่เขย ท่านทำอย่างนี้กับข้าได้อย่างไร? ข้า…ข้าจะบอกพี่ใหญ่…อย่านะ…อย่า…” ฉู่โหยวเจาซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา ดวงตาของนางล่องลอยไปรอบ ๆ แก้มของนางแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก
ปากของซูอันอ้าค้าง…
เขาสับสนอย่างมาก นี่นางกำลังฝันอะไรแปลก ๆ อยู่หรือเปล่า?
เขาฟาดมือลงไปที่ก้นของนางอย่างไม่อดทน “เจ้าเด็กนี่! เจ้าไปเอาความคิดพวกนี้มาจากไหน? ฝันบ้าบออะไรเนี่ย!”
เขาคิดว่าการตบของเขาจะทำให้นางตื่น แต่นางเพียงยิ้มอย่างโง่เขลาและพูดว่า “พี่เขย ตีก้นข้าทำไม? หรือว่าท่านชอบทำอย่างนี้กับพี่ใหญ่ของข้าด้วย?”
ซูอันพูดไม่ออกจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้ยังคิดว่านางกำลังฝันอยู่ใช่ไหม?
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ซูอันจึงหยิบถ้วยชาที่อยู่ด้านข้าง เขากำลังจะสาดน้ำชาบนใบหน้าของนางเพื่อปลุกให้ตื่น แต่เมื่อเขามองใบหน้าที่งดงามของนาง เขารู้สึกว่าความมุ่งมั่นของเขาหมดไป
จากนั้นเขาก็จุ่มนิ้วลงในชาแล้วดีดพรมที่ใบหน้าของนาง
“ฮะ…ฮะ?” ในที่สุดฉู่โหยวเจาดูเหมือนจะได้สติ “พี่เขย ใช่ท่านจริง ๆ เหรอ?!”
ซูอันขมวดคิ้ว “เจ้าควรจะขอบคุณที่ข้าอยู่ที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องราวเลวร้ายสุดขีดคงเกิดกับเจ้าไปแล้ว!”
“แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?” ฉู่โหยวเจามองไม่เห็นเฉิงกัง ทันใดนั้นนางก็รู้ตัวว่าแขนของนางโอบรอบคอของพี่เขย นางดีดตัวถอยด้วยความตกใจพร้อมกับผลักซูอันออกไป “ลามก! ปล่อยข้านะ!”
ซูอันตกตะลึง อะไรของเจ้า!
เขาเกือบจะหัวเราะออกมา เขากำลังจะสอนบทเรียนให้เด็กเหลือขอคนนี้ แต่ทันใดนั้นหน้าต่างถูกกระแทกเปิดออกและปราณกระบี่หนึ่งพุ่งเข้ามาข้างใน อุณหภูมิของห้องลดลงจนหนาวเย็นทันที
เขาตื่นตระหนก หันกลับมาและใช้ทักษะดัชนีเจิดจรัสเพื่อคีบหนีบกระบี่ยาวของผู้โจมตีอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรก เขาไม่รู้ว่าผู้โจมตีเป็นใคร แต่ขณะที่เขากำลังจะตอบโต้ เขาได้สังเกตเห็นว่าผู้โจมตีสวมเสื้อสีขาวราวหิมะ ผมยาวของนางเงางาม นางดูเหมือนเทพธิดาบนสวรรค์
ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกัน
“เป็นเจ้า?”
“เป็นเจ้า!”
“พี่ใหญ่!” ฉู่โหยวเจารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของพี่สาวและซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง นางมองไปที่ซูอันอย่างระมัดระวัง “พี่ใหญ่! ไอ้…ไอ้โรคจิตนี่กำลังรังแกข้าอยู่!”
นางกำลังจะเรียกเขาว่าพี่เขยอีกครั้ง แต่จู่ ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งเอาเปรียบนาง ทำไมนางถึงต้องเรียกเขาอย่างให้เกียรติแบบนั้น?
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่ชูเหยียนมองซูอันอย่างงงงวย แม้ว่านางจะยังอารมณ์เสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนั้น แต่นางก็ยังไม่อยากเชื่อว่าซูอันจะทำแบบนี้
เมื่อเห็นว่านางไม่ได้กล่าวหาอะไรเขาในทันที ซูอันก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาอ่อนลง ภรรยาของข้ายังคงไว้ใจข้า
เขากลอกตาและชี้ไปที่เฉิงกังอย่างใจร้อน “ไอ้เจ้าบ้านี่…คือน้องสาวเจ้านอนอยู่บนเตียงเหมือนหมูตาย แม้ว่าการปลอมตัวของนางจะดีแค่ไหน ใบหน้าของนางก็ยังคงสามารถล่อลวงผู้คนได้ เขาแอบเข้ามาคิดจะลักหลับนาง แต่ข้าหยุดเขาไว้ทัน เด็กเหลือขอ! เจ้านี่ช่างไร้ยางอายจริง ๆ กล้าใส่ร้ายผู้มีพระคุณอย่างข้า!”
“เฉิง…เฉิงกัง?” ในที่สุดฉู่โหยวเจาก็สังเกตเห็นคนที่นอนอยู่บนพื้น สีหน้าของนางซีดลง
ฉู่ชูเหยียนสังเกตเห็นเลือดรอบ ๆ เป้ากางเกงของเฉิงกังและสามารถปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้ นางหันไปต่อว่าน้องสาว “แล้วเจ้ามาทำบ้าอะไรที่หอคณิกาหลวง?”
ใบหน้าของฉู่โหยวเจาซีดเผือด เมื่อต้องเผชิญกับความโกรธของพี่สาว นางพึมพำ “พี่ฉินทั้งสองเชิญข้ามา พวกเขาบอกว่าเราผู้ชายที่มีหน้ามีตาต้องมาผ่อนคลายที่หอคณิกาหลวง ข้ากลัวว่าพวกเขาอาจจะสงสัย ข้าเลยมาด้วยเพื่อหาประสบการณ์ เมื่อคนอื่นพูดถึงหอคณิกาหลวง ข้าจะได้พูดคุยกับพวกเขาได้”
ซูอันมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำไมพี่น้องฉินถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยหลังจากเกิดเรื่องโกลาหลทั้งหมด?
ฉู่ชูเหยียนโกรธมากจนหัวเราะ “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่ควรมาหอคณิกาหลวง! เจ้าไม่รู้เหรอว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบไหน!? ตั้งแต่ข้าได้ยินว่าเจ้าตามลูกพี่ลูกน้องมาที่นี่ ข้าก็รีบตามมาทันที แต่น่าเสียดายที่ข้าก็ยังช้าเกินไป ขอบคุณสวรรค์ที่พี่เขยของเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น…”
ทันใดนั้น นางก็มองซูอันอย่างสงสัย “ว่าแต่ ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
ซูอันหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “ข้ากำลังสืบสวนคดีอยู่ ก็เลยติดตามเฉิงกังมาที่นี่ เจ้าคิดสิว่า ทำไมผู้ชายที่ซื่อตรงและโดดเด่นอย่างข้าถึงมาอยู่ในที่อย่างหอคณิกาหลวงล่ะ?”
ฉู่ชูเหยียนยิ้มเมื่อได้ยินว่าเขาไม่ได้มาเพื่อความสำราญ อย่างไรก็ตาม นางยังคงพูดด้วยเสียงแข็ง “ฮึ่ม! ใครกันที่เคยไปเที่ยวหอสุขนิรันดร์และได้พบรักกับคณิกาอันดับหนึ่งชื่อชิวฮัวเล่ย?”