เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 966 ข่าวอันน่าตะลึง
บทที่ 966 ข่าวอันน่าตะลึง
ซูอันเงียบอย่างชาญฉลาด
เมื่อพิจารณาจากความขมขื่นในน้ำเสียงเมื่อนางพูดถึงชิวฮัวเล่ย เขาก็รู้ว่านางยังคงอารมณ์เสียเกี่ยวกับเรื่องเช้าวันนั้น
ฉู่โหยวเจาเดินเข้ามาหาเขา ใบหน้าของนางแดงด้วยความเขินอาย “ขอบคุณพี่เขย”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ข้าไม่สมควรได้รับคำขอบคุณหรอก ในสายตาของใครบางคน ข้าก็ยังคงเป็นเพียงคนโรคจิตที่ไม่มีประโยชน์”
ฉู่โหยวเจาคว้าแขนของเขาและเริ่มเขย่า “ขอโทษที่ทำผิดต่อพี่เขย ท่านเป็นพี่เขยที่ดีที่สุดในโลก…”
คำพูดที่ไพเราะออกมาจากปากของนาง แม้ว่าเขาจะรู้ว่านางแค่พยายามเอาตัวรอด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ยังรู้สึกดีที่ได้ยิน
ซูอันค่อนข้างประหลาดใจ
เด็กคนนี้มีความพิเศษนะเนี่ย! นางทำให้คนโกรธยาก
เมื่อเทียบกับฉู่ชูเหยียนที่เย็นชาและสาวห้าวอย่างฉู่ฮวนเจา น้องสาวคนที่สามนี้เก่งมากในการประจบประแจงผู้อื่น
แต่เจ้าไม่ควรทำกิริยาเช่นนี้ในคราบชายหนุ่ม…
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “พอแล้ว พอแล้ว! เจ้าอายุเท่าไรแล้ว? หยุดดึงแขนพี่เขยซะ นี่เจ้าไม่อายบ้างเหรอ?”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่มีเสน่ห์ก็ดังขึ้น “โอ้? คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างขี้หึงนะเนี่ย ถึงกับหึงหวงน้องชายตัวเองด้วยซ้ำ”
ไรผมของซูอันชี้ตั้ง แม้ว่าเขาจะดีใจที่มีผู้หญิงมากมาย แต่การอยู่ตรงกลางในระหว่างที่พวกนางทะเลาะกันนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
ฉู่ชูเหยียนถามเสียงขุ่น “ทำไมนางถึงอยู่ที่นี่ด้วย!”
นางเชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ในใจ หรือว่าสามีของนางมาแอบพบชิวฮัวเล่ยที่นี่?
สีหน้าของนางกลายเป็นเย็นชาทันที
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +404…+404…+404…
—
“แน่นอนว่าอาซูนัดเจอกับข้า” ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเอนตัวพิงไหล่ของเขาอย่างอ่อนหวาน
สีหน้าของฉู่ชูเหยียนเริ่มเย็นชาขึ้นไปอีก โดยที่ข้างในใจนางเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุได้ทุกเมื่อ
ซูอันรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาเริ่มชา เขาผลักชิวฮัวเล่ยออกไปอย่างรวดเร็ว “ฮัวเล่ย ทำไมเจ้าต้องล้อเล่นแบบนี้? สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาวิธีเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ไปให้ได้!”
ลูกชายคนเดียวของแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายกลายเป็นหมัน เรื่องนี้ย่อมทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
ชิวฮัวเล่ยรู้ว่าเรื่องนี้จะมีแต่ปัญหา ดังนั้นนางจึงไม่หยอกเย้าอีกต่อไป “เย็นใจก่อน นายน้อยของตระกูลฉินทั้งสองหลับใหลไปแล้ว พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาสักระยะหนึ่ง”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งคู่ไม่รีบมาที่นี่แม้จะมีเสียงอึกทึก ตอนแรกเขาคิดว่าพี่น้องตระกูลฉินกำลังยุ่งกับสาว ๆ ของตัวเองจนไม่มีใจจะสนใจเรื่องอื่น
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว นางสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของนางหลับได้อย่างไร? พวกเขาทั้งคู่เป็นผู้บ่มเพาะที่โดดเด่นในคนรุ่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสิ่งใดที่สำคัญในตอนนี้ นางมองไปที่เฉิงกัง “บอกว่าข้าเป็นคนทำก็ได้” นางกล่าว “ไม่ว่าแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายจะมีอำนาจอิทธิพลมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับตระกูลฉู่ของเราได้”
ตระกูลฉู่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน พวกเขาเป็นขั้วอำนาจใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่างและมีกองทัพเป็นของตัวเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้าย
ซูอันยังคงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ แต่ชิวฮัวเล่ยกล่าวอย่างเย้ยหยันออกมาก่อน “มีข่าวลืออยู่เสมอว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ฉลาดล้ำเลิศ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับข้า”
สีหน้าของฉู่ชูเหยียนมืดหม่นทันที “มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม!”
“คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ลืมสถานที่นี้ไปแล้วล่ะมั้ง?” ชิวฮัวเล่ยกล่าว “ที่นี่คือหอคณิกาหลวง! ถ้ามีข่าวว่าเจ้าทำร้ายเฉิงกังในหอคณิกาหลวงแพร่ออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะไม่ย่อยยับเหรอ?”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนซีดเผือดทันที นางนึกขึ้นได้ว่าถ้าพวกเขาเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ ข่าวลือต่าง ๆ นานาก็จะเริ่มแพร่กระจาย ใครก็ตามที่ไม่รู้เรื่องจริงจะเชื่อว่านางถูกเฉิงกังลวนลามในหอคณิกาหลวง
“ขอบคุณที่เตือน” แม้ว่านางจะพูดอย่างไม่พอใจ แต่นางก็ยังรู้สึกขอบคุณชิวฮัวเล่ยที่ชี้ให้เห็นสิ่งนี้
ชิวฮัวเล่ยหัวเราะเสียงเบา “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าแค่ไม่อยากให้อาซูทุกข์ใจไปด้วย”
ฉู่ชูเหยียนกัดฟันกรอดอย่างขุ่นเคือง ความคิดของนางเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เพิ่งดีขึ้นเล็กน้อย แต่อึดใจถัดมา นังจิ้งจอกตัวนี้ก็ยังน่ารำคาญเหมือนเดิม!
ซูอันไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง “เช่นนั้นก็ให้โหยวเจาเป็นผู้ยอมรับไป เขาเป็น ‘ผู้ชาย’ เราจึงไม่ต้องกลัวข่าวลือบ้า ๆ นอกจากนี้ด้วยสถานะของโหยวเจา ตระกูลฉินย่อมจะปกป้องเขา ดังนั้นเฉิงซยงจะไม่สามารถแก้แค้นได้แน่ ๆ”
มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ซูอันแนะนำแบบนี้ เรื่องนี้จะสร้างความแตกแยกระหว่างเฉิงซยงและตระกูลฉิน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เกิดระยะห่างในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ด้วยวิธีนี้ เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฉิงซยง ตระกูลฉินจะไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือ
ฉู่ชูเหยียนไม่แน่ใจเล็กน้อย แต่นางรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด และนางจะไม่ปล่อยให้ซูอันเป็นเป้าหมายในการล้างแค้นของตระกูลเฉิงจากการช่วยน้องสาวตัวน้อยของนาง
นางพยักหน้า “ตกลง”
เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ฉู่โหยวเจาเกลียดเฉิงกังเข้าไส้ แน่นอนว่าไม่มีการคัดค้านจากนาง
…
หลังจากพูดคุยรายละเอียดกันจนดึกดื่น พวกเขาก็แยกย้ายกันไป แต่ละคนมีเรื่องที่ต้องจัดการ
ซูอันสังเกตว่าฉู่ชูเหยียนต้องการพูดถึงเรื่องอื่นหลายครั้ง แต่ก็ลังเลทุกครั้ง เขาปาดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผาก ขอบคุณสวรรค์ที่ปัญหาของเฉิงกังได้เบี่ยงเบนความสนใจของพวกนาง ไม่อย่างนั้นผู้หญิงสองคนของเขาคงจะทำให้เกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นมา
จากนี้ไป เขาจะต้องระมัดระวังมากขึ้น การมีสาวงามควงแขนข้างละคนให้ความรู้สึกดีอย่างมหัศจรรย์ แต่ต่อไปจะปล่อยให้รถไฟชนกันแบบนี้ไม่ได้!
เมื่อเขากลับไปที่พระราชวัง เขาได้เรียกทูตยุทธ์เสื้อแพรเงินและทองแดงที่จูเซี่ยฉือซินส่งมาช่วยชั่วคราวมามอบหมายคำสั่ง
…
เช้าวันรุ่งขึ้นมีข่าวลือแพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง ถ้ามี Twitter ในโลกนี้ ข่าวนี้จะเป็นแฮชแท็กที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง
‘เฉิงกังลูกชายคนเดียวของแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้าย ถูกซ้อมในหอคณิกาหลวง!’
แม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายเป็นแม่ทัพระดับสูง ไม่เพียงแต่จะดูแลกองทหารราชองครักษ์ภายในวังเท่านั้น แต่ตำแหน่งของเขายังมีความสำคัญอีกด้วย เฉิงกังเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในรุ่นเดียวกัน เมื่อคนเช่นนี้ถูกซ้อมจนพิการจะไม่เกิดความโกลาหลได้อย่างไร?
ทุกคนคิดว่าแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายจะปะทุด้วยความโกรธและจัดการกับคนที่รับผิดชอบอย่างรุนแรง เฉิงกังเป็นลูกชายคนเดียวของเขา ใครก็ตามที่ทำร้ายสายเลือดของเขาในลักษณะนี้จะต้องได้รับผลแห่งความโกรธอย่างเต็มที่
แต่น่าแปลกที่เฉิงซยงกลับนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาอะไร
ขุนนางในราชสำนักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาทั้งหมดเริ่มซุบซิบถึงเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
ภายในโลกแห่งการบ่มเพาะนี้ไม่มีกำแพงใดที่กั้นเสียงได้ ไม่นานพวกเขาก็พบว่าเฉิงกังไม่ได้ไปที่หอคณิกาหลวงเพียงลำพัง เขาไปกับนายน้อยของตระกูลฉิน
“นายน้อยของตระกูลฉิน เป็นผู้ลงมือหรือไม่?”
“เรากำลังพูดถึงหอคณิกา พวกเขาอาจจะทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง”
“ไม่น่าแปลกใจที่เฉิงซยงไม่กล้าแก้แค้น ตระกูลฉินแข็งแกร่งกว่าตระกูลเฉิงมาก ในอดีตเฉิงซยงเป็นลูกน้องของผู้เฒ่าตระกูลฉินด้วยซ้ำ”