เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 967 ความโกลาหลในเมืองหลวง
บทที่ 967 ความโกลาหลในเมืองหลวง
ขุนนางเหล่านี้เชื่อว่าพวกเขาได้รู้ความจริงแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวกระจายออกมาว่า เฉิงกังเกิดคลั่งไคล้นายน้อยของตระกูลฉู่! ในท้ายที่สุดนายน้อยฉู่ผู้นี้เองที่ทำให้เขาพิการ
“เฉิงกังชอบผู้ชายด้วยกันเหรอ?!!”
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกพวกเจ้าแล้วไงว่าเฉิงซยงมักแอบมองก้นข้าบ่อย ๆ! ดูเหมือนว่าทั้งตระกูลของพวกเขาจะเป็นแบบนี้!”
“ถุย! เจ้าส่องกระจกดูหน้าเจ้าบ้าง ใครกันจะเชื่อคำเจ้า! แต่ว่านายน้อยฉู่รูปงามขนาดนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เฉิงกังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้…”
“คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ถูกร่ำลือว่างดงามปานเทพธิดา และน้องชายของนางก็ ‘โดดเด่น’ เช่นกัน หากมีใครสามารถครอบครองพี่น้องทั้งสองได้ คน ๆ นั้นคงเปรียบเสมือนได้ขึ้นสวรรค์ทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ?!!”
…
ฉู่โหยวเจาไม่เคยคิดว่านางจะโด่งดังด้วยวิธีนี้ ในอดีตมีเพียงรุ่นเยาว์ในเมืองหลวงเท่านั้นที่รู้ถึงเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจของนาง แต่ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็สงสัยว่านางหน้าตาของนางเป็นอย่างไร พวกเขาอยากรู้ว่า ใครกันที่ทำให้เฉิงกังเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและพยายามอยากจะเล่นไม้ป่าเดียวกัน?!
ในตอนนี้ ‘ความน่าดึงดูด’ ของนางตามข่าวลือเหนือกว่าพี่สาวของนางด้วยซ้ำ
“มันเป็นความผิดของพี่เขยโง่ทั้งนั้น! จากนี้ไปข้าจะออกไปข้างนอกได้อย่างไร!” ฉู่โหยวเจากล่าวพลางกระทืบเท้าด้วยความรำคาญ นางอับอายมากกับข่าวลือเหล่านี้
ฉู่ชูเหยียนกลั้นหัวเราะและกล่าวว่า “เป็นความผิดของเจ้าที่ไปที่นั่น มันไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรจะอยู่ ถ้าพี่เขยของเจ้าไม่ได้ช่วยเจ้าไว้ เจ้าคงอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้มาก”
ใบหน้าของฉู่โหยวเจาแดง “ท่านพี่พูดถูก แต่…ต่อไปข้าจะมีหน้าไปพบใครได้อย่างไร…?”
เสียงเล่าลือของสังคมส่งผลต่อนางเป็นอย่างมาก!
แม้แต่มู่หรงชิงเหอก็ยังมองนางแปลก ๆ จนนางทนไม่ไหว “โอ๊ย!!! นี่มันน่ารำคาญชะมัด!”
ฉู่โหยวเจากระโดดขึ้นเตียงและดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองราวกับว่าการซ่อนตัวอยู่ในนั้นเป็นวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงความอับอายได้
ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นน้องสาวม้วนตัวอยู่บนเตียง นางมองออกไปนอกหน้าต่าง อยากรู้ว่าซูอันจะทำอะไรต่อจากนี้
แน่นอนว่า อีกไม่นานนักนางก็ได้รู้…
เมื่อราชสำนักรับรู้เรื่องนี้แล้ว จึงได้ส่งเจ้าเมืองมาดูแลคดี ด้วยสถานะพิเศษของเหยื่อ เรื่องนี้จึงต้องการคำอธิบายที่เหมาะสม
เจ้าเมืองอยู่ในจุดที่ยากลำบากอย่างแท้จริง ด้านหนึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้าย ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นลูกหลานของผู้บัญชาการทัพด่านหน้ารวมไปถึงแม่ทัพใหญ่รักษามาตุภูมิและอ๋องจันทร์กระจ่าง เขาควรจะทำอย่างไรดี?
อย่างไรก็ตาม เขาอยู่ในสถานที่เช่นเมืองหลวงซึ่งเต็มไปด้วยขั้วอำนาจ มานาน เขารีบคิดอะไรบางอย่าง
ถ้าเขาไม่สามารถที่จะรุกรานทั้งตระกูลฉินหรือตระกูลฉู่ แล้วเขาจะทำอะไรเกี่ยวกับหอคณิกาหลวงได้หรือไม่?
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสั่งให้ทหารจับกุมคณิกาอันดับหนึ่งและหญิงคนอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งใจจะโยนความผิดให้พวกนาง ด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถปิดคดีนี้ได้ และมีทางออกด้วยกันทุกฝ่าย
สำหรับหญิงสาวจากหอคณิกาหลวง ความไร้เดียงสาหรือความผิดของพวกนางไม่มีความสำคัญต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้
ต้องมารับใช้ในหอคณิกาหลวงก็น่าสงสารพอแล้ว การส่งพวกนางไปรับโทษประหารเพื่อจบชีวิตนี้ และใช้ชีวิตอย่างถูกต้องในชีวิตหน้า น่าจะถือว่าเป็นความเมตตาด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่แผนนี้เหมือนจะฟังดูดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
เมื่อทหารมาจับกุมคณิกาอันดับหนึ่ง เล้งส่วงเยว่กลับหายไป แม้แต่เด็กสาวที่รับใช้ในที่พักนั้นก็หายไปด้วย
ที่แปลกกว่านั้นคือ ความจริงที่ว่าสิ่งของจำนวนมากภายในที่พักถูกทำลายราวกับว่าพวกนางกำลังพยายามซ่อนความลับบางอย่าง
เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับคดีนี้ในทันที และในที่สุดก็พบเบาะแสในรูปแบบของจดหมายที่ถูกเผา สันนิษฐานได้ว่าคนที่หลบหนีไปนั้นรีบร้อนเกินไป และไม่มีเวลาตรวจสอบว่าทุกอย่างถูกทำลายไปแล้วหรือยัง
เมื่อตรวจสอบเนื้อหา พวกเขาพบว่าคนเหล่านี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับนักฆ่าที่โจมตีพระราชวังเมื่อสองสามวันก่อน พวกเขารีบรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าเมือง
เจ้าเมืองตระหนักในทันทีว่าเขามีคดีใหญ่อยู่ในมือ เขาจึงรีบรายงานสิ่งที่เขาพบไปยังราชสำนัก
ทั้งราชสำนักต่างขุ่นเคืองเมื่อรู้เรื่องนี้ จักรพรรดิโกรธจัดและสั่งให้ทูตยุทธ์เสื้อแพรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง
ทูตยุทธ์เสื้อแพรต่างไม่พอใจที่เฉิงซยงคิดจะเล่นงาน พวกเขาจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?
ทูตยุทธ์เสื้อแพรได้จับกุมเฉิงกังอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเฉิงกังยืนยันว่าเขาไม่รู้อะไรเลย แต่เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเขาสนิทกับคณิกาอันดับหนึ่งส่วงเยว่ และใช้เวลาเกือบทุกคืนเคียงข้างนาง ใครจะเชื่อเมื่อเขาบอกว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง?
ทูตยุทธ์เสื้อแพรจึงทำการทรมาน ซึ่งเป็นความชำนาญยิ่งยวดของพวกเขาเพื่อสอนบทเรียนแก่เฉิงกัง
ภายใต้การทรมาน ‘คำสารภาพ’ ได้รับอย่างรวดเร็วจากเฉิงกัง เขายอมรับว่าข้อมูลรั่วไหลไปยังนักฆ่าซึ่งช่วยให้พวกมันบุกเข้ามาในวังได้อย่างง่ายดาย
จูเซี่ยฉือซินไม่ปล่อยเฉิงกัง แต่ยังคงสอบสวนต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ ‘ค้นพบ’ ว่าเฉิงซยงถูกพวกนักฆ่าซื้อตัวไปตั้งแต่แรก
ซูอันเดาะลิ้นด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ ร้ายกาจจริง ๆ! เฉิงซยงตั้งใจจะเล่นงานทูตยุทธ์เสื้อแพร และตอนนี้เขาถูกแก้แค้นมากกว่าสิบเท่า
การมีพันธมิตรเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด
แน่นอนว่า การมีศัตรูก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน
เฉิงซยงทั้งตกใจและโกรธเคือง แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสืบสวนของทูตยุทธ์เสื้อแพรได้ ดังนั้นเขาจึงติดต่อกับคนรู้จักทั้งหมดในทันที
เฉิงซยงเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มฝ่ายราชันลมปราณ แม้ว่าตระกูลฉินจะค่อนข้างไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหอคณิกาหลวง แต่พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้จูเซี่ยฉือซินทำร้ายฝ่ายราชันลมปราณได้
ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายของราชันลมปราณจึงลุกฮือขึ้นประท้วง หลายคนแสดงความไม่พอใจทูตยุทธ์เสื้อแพร และชี้ให้เห็นว่าการปล่อยให้พวกเขาดำเนินการสอบสวนต่อไปเป็นเรื่องอยุติธรรม
ในการใช้วาจาตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อนภายในราชสำนัก ฝ่ายราชันลมปราณและฝ่ายของรัชทายาทต่างใช้คำพูดรักษามารยาทไว้เป็นฉากหน้า แต่ในใจเห็นได้ชัดว่ากำลังสาปแช่งกันและกันให้ตกนรก มันเป็นฉากที่น่าขบขันจริง ๆ
ในท้ายที่สุด แม้แต่จักรพรรดิก็ยังไม่พอใจ เขาสั่งให้เสนาบดียุติธรรมและผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์ตรวจสอบเรื่องนี้พร้อมกับทูตยุทธ์เสื้อแพร ส่งผลให้มีสามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวน
เสนาบดียุติธรรมเป็นหนึ่งในเก้าเสนาบดีที่รับผิดชอบในการลงโทษและควบคุมคุกหลวง มีอำนาจสูงสุดในการพิจารณาคดีในหมู่เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง คล้ายคลึงกับศาลฎีกาของโลกสมัยใหม่
ผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยสาธารณะและดูแลเจ้าหน้าที่ภายในเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งเทียบเท่ากับกระทรวงความมั่นคงภายใน สำนักงานอัยการ คณะกรรมการตรวจสอบวินัย และองค์กรอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันแห่งโลกสมัยใหม่
ในขณะเดียวกัน ทูตยุทธ์เสื้อแพรเป็นองค์กรข่าวกรองของราชวงศ์ เทียบเท่ากับหน่วยรบพิเศษต่าง ๆ
ทั้งสามกลุ่มนี้กำลังทำงานร่วมกัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…