เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 969 เกลี้ยกล่อมด้วยเสน่ห์ชาย
บทที่ 969 เกลี้ยกล่อมด้วยเสน่ห์ชาย
แม้จะมีความคิดภายในใจ ซูอันยังคงถามว่า “ทำไมคนเหล่านั้นถึงจะเชื่อฟังข้า? ข้าไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราได้”
หลังจากที่ตกเป็นเป้าหมายของเฉิงซยง ชายหนุ่มก็เข้าใจดีว่าเมืองหลวงเต็มไปด้วยคนฉลาด
จุดอ่อนเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้เขาต้องพินาศ!
จักรพรรดิและจูเซี่ยฉือซินกำลังตามล่าหาอวิ้นเจียนเยว่ เขาไม่ต้องการที่จะนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเอง…
นอกจากนี้ เขาไม่กล้าไปเยี่ยมนักโทษของสำนักมารในฐานะทูตยุทธ์เสื้อแพร คนเดียวที่รู้เกี่ยวกับตัวตนนี้คืออวิ้นเจียนเยว่และชิวฮัวเล่ย เขาสามารถไว้วางใจพวกนางได้ แต่ไม่พร้อมที่จะไว้วางใจสมาชิกคนอื่น ๆ ของสำนักมาร
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยความสัมพันธ์ของเรา” อวิ้นเจียนเยว่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เจ้าสามารถแสดงเป็นตัวเจ้าเองได้ บอกพวกเขาว่าฮัวเล่ยมอบหมายงานให้เจ้าช่วยพวกเขา พวกเขาจะเชื่อเจ้า”
ซูอันตกใจเล็กน้อย “ทำไมพวกเขาถึงจะเชื่อข้า?”
“มีบางคนในหมู่นักโทษที่จะจำเจ้าได้” อวิ้นเจียนเยว่กล่าว “ตัวอย่างเช่น เพลิงเดียวดาย ครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเชลยของเขาระหว่างทางมายังเมืองหลวง”
“ข้าจำผู้ชายคนนั้นได้” ซูอันมีความทรงจำคลุมเครือเกี่ยวกับแปดเดียวดาย เขานึกถึงน้ำแข็งเดียวดายที่ถูกแม่ชียุงสังหาร และตอนนี้แม้แต่เพลิงเดียวดายก็ยังกลายเป็นนักโทษ เขาไม่รู้ว่าคนอื่นในกลุ่มแปดเดียวดายเป็นอย่างไรบ้าง
อวิ้นเจียนเยว่กล่าวต่อว่า “มีอีกคนหนึ่งที่เจ้าอาจเคยพบมาก่อนในเมืองจันทร์กระจ่าง กู่เยว่อี ศิษย์พี่ของฮัวเล่ย ดูเหมือนว่าเขาจะถูกจับได้เช่นกัน”
“เอ่อ ข้าจำเขาได้” ซูอันจำได้ว่ากู่เยว่อีคนนี้เคยพยายามปลอมตัวเป็นเฉินเซวียน ทว่าท้ายที่สุด ตัวปลอมกลับบังเอิญเจอกับตัวจริงและพ่ายแพ้อย่างชอกช้ำ…
“เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านด้วยเหรอ? เจ้าดูไม่ค่อยเก่งในการเลือกศิษย์” ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูอันรู้สึกขัดใจมากกว่า ทำไมคนสวยถึงรับลูกศิษย์ชายอย่างนี้?
อวิ้นเจียนเยว่กลอกตา “ข้ามีศิษย์ไม่กี่คน มีกลุ่มต่าง ๆ มากมายภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะขยายอิทธิพลของตัวเองเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของข้า การรับศิษย์เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการโน้มน้าวผู้อื่นให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของข้า ทำไมข้าจะไม่ทำล่ะ?”
ซูอันถอนหายใจ “เฮ้อ…การเป็นลูกศิษย์ของท่านถือเป็นชะตากรรมที่น่าสังเวชอย่างแท้จริง ท่านรับพวกเขาไว้เพื่อใช้งานเท่านั้น ฮัวเล่ยของข้าช่างน่าสงสาร”
อวิ้นเจียนเยว่มุมปากกระตุก “การเป็นศิษย์ของข้าทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่พวกเขาไม่เคยเข้าถึงมาก่อน ทำไมถึงต้องสงสารพวกเขาที่ทำหน้าที่ของตัวเอง? นอกจากนี้ ฮัวเล่ยแตกต่างจากคนอื่น ๆ นางเป็นศิษย์หลักของข้า นางคนเดียวเท่านั้นที่ฝึกฝนทักษะวิชาบ่มเพาะลับที่แท้จริงของข้า!”
จู่ ๆ เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง อวิ้นเจียนเยว่บ่มเพาะเคล็ดวิชาหลุมพรางมารสวรรค์ ซึ่งดูคล้ายกับทักษะอย่างหนึ่งของต๋าจี่ พวกนางมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่?
ทั้งสองเป็นทักษะเสน่ห์ ดังนั้นพวกมันจึงอาจคล้ายกัน
“อะไร! ทำให้! เจ้า! พูด! แบบนี้!?” เมื่อนางได้ยินคำว่า ‘วิชาโง่ ๆ ของสาวโสด’ เปลือกตาของอวิ้นเจียนเยว่กระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
—
ท่านยั่วยุอวิ้นเจียนเยว่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999…+999…+999…
—
เห็นได้ชัดว่า คำว่าสาวโสด มีพลังทำลายล้างมหาศาลเมื่อใช้กับนาง
ซูอันรีบเปลี่ยนเรื่อง “ตอนที่ข้าช่วยฮัวเล่ย ข้าเห็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะจากสำนักของท่านถูกเฉิงซยงจับตัวไป ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ต่อสู้กับอาจารย์ของรัชทายาทในวังตะวันออก”
อวิ้นเจียนเยว่รู้สึกว่าความโกรธของนางลดลงเมื่อซูอันหยิบยกเรื่องสำคัญขึ้นมาพูด นางจึงตอบกลับ “เขาคือซุนหลูเจิ้น ผู้อาวุโสในสำนักของข้า เขาเป็นคนซื่อตรงและภักดีต่อข้าด้วย”
“ข้าเชื่อ” ซูอันจำได้ว่าซุนหลูเจิ้นมีโอกาสที่จะหลบหนีได้ แต่กลับเสียสละตัวเองเพื่อให้ชิวฮัวเล่ยหลบหนีไปได้แทน
“จากที่ข้ารู้มา มีตัวตนเก่งกาจมากมายในสำนักมารของท่าน แต่เหตุใดจึงมีเพียงไม่กี่คนเข้าร่วมในการบุกวังครั้งนี้?”
ซูอันได้ว่าชิวฮัวเล่ยเคยกล่าวว่ามีรองเจ้าสำนัก ทูตซ้ายและขวา เหล่าผู้อาวุโส และแปดเดียวดาย
แต่เขาไม่เคยเห็นคนเหล่านี้เลยในระหว่างการโจมตีครั้งนี้
อวิ้นเจียนเยว่ถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าสำนักของข้ามีหลายกลุ่ม แม้ว่าข้าจะเป็นเจ้าสำนัก แต่คำพูดของข้าเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีน้ำหนักมากขนาดนั้น แผนลอบสังหารภายในพระราชวังถูกทัดทานโดยคนจำนวนมาก แม้ว่าข้าจะใช้อำนาจในฐานะเจ้าสำนัก แต่กลุ่มอื่น ๆ ไม่ได้กระตือรือร้นมากนัก ข้าทำได้เพียงทำให้พวกเขาสนับสนุนกำลังเสริม ข้าและคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาส่วนตัวของข้ามีหน้าที่ปฏิบัติการหลัก”
ซูอันพ่นลมหายใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่า แม้แต่ปราชญ์อย่างท่านก็ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมาย”
เสียงของอวิ้นเจียนเยว่เต็มไปด้วยขุ่นเคือง “จักรพรรดิเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำอะไรตามที่ต้องการไม่ได้ทุกอย่าง ใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้จะได้ทุกอย่างดังที่หวังทั้งหมดได้ยังไง?”
ซูอันเริ่มกังวล “ตามที่ท่านพูด ท่านสูญเสียผู้คนจำนวนมากที่ภักดีต่อท่านในระหว่างการโจมตีครั้งนี้ และท่านก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แล้วแบบนี้ท่านจะรักษาตำแหน่งในฐานะเจ้าสำนักได้ยังไง?”
“ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ สมาชิกที่เหลือจะไม่มีโอกาสก้าวข้ามข้าไปได้!” อวิ้นเจียนเยว่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
จะมัวภาคภูมิใจอะไร!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทั้งสำนักต่อต้านเจ้าเมื่อเจ้ากลับไปและไม่เหลืออะไรเลย? ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นหรอกนะ!
ทว่าหลังจากที่คิดวิเคราะห์อีกรอบ ซูอันก็ตระหนักว่าความกลัวของเขาไม่มีมูล ท้ายที่สุดแล้วนางยังคงเป็นผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ ใครจะต่อต้านนางได้
เขาหันความสนใจไปที่เรื่องอื่น “มีอุปสรรคที่น่ารำคาญใจอยู่บ้าง นักโทษที่ถูกจับกุมอยู่ในความดูแลของแม่ทัพโกวซือแห่งกองทหารฝ่ายขวา ข้าอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกับพวกเขา”
อวิ้นเจียนเยว่พ่นลม “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับองค์หญิงรัชทายาทนับว่าดีไม่ใช่หรือไง? เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการเกลี้ยกล่อมนาง เฉิงซยงเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายราชันลมปราณ ดังนั้นเจ้าจึงไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการกำจัดเขา”
ซูอันตกตะลึง เขาหัวเราะและพูดว่า “พี่สาวเจ้าสำนัก ด้วยสติปัญญาของท่าน ข้าไม่คิดว่าผู้ชายคนไหนที่แต่งงานกับท่านจะกล้ามองหาผู้หญิงคนอื่น!”
“เอาเถอะ! ข้าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว” อวิ้นเจียนเยว่ไล่เขาออกไปด้วยความรำคาญ ถ้าเป็นคนอื่นนางคงถีบตกนรกไปแล้ว
น่าเสียดายที่นางค่อย ๆ คุ้นเคยกับมุกตลกของเด็กเหลือขอคนนี้ หลังจากที่อยู่กับเขามาสองสามวันแล้ว
ในฐานะผู้อาวุโส นางมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถฆ่าเขาได้ สิ่งเดียวที่นางทำได้คือไล่เขาออกไป