เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 974 มรสุมตั้งเค้า
บทที่ 974 มรสุมตั้งเค้า
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อราชสำนักประชุมกัน คนสนิทขององค์หญิงรัชทายาทยกคดีของเฉิงกังขึ้นมา แน่นอนว่าเฉิงซยงก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน คนของราชันลมปราณยืนกรานที่จะปกป้องเฉิงซยงจนถึงจุดที่พวกเขาเต็มใจที่จะละทิ้งเฉิงกัง
โดยปกติทั้งสองฝ่ายจะเถียงกันอย่างไร้จุดหมายชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยให้เรื่องไม่ได้รับการแก้ไข
แต่คราวนี้ฝ่ายของรัชทายาทก็ได้นำหลักฐานออกมา คำสารภาพของนักฆ่าที่ถูกจับได้ พวกเขาเปิดเผยว่านักฆ่าใช้หอคณิกาหลวงเป็นสถานที่นัดพบอย่างไร ตลอดจนแนวทางการสื่อสารระหว่างกลุ่มนักฆ่ากับคู่พ่อลูกของตระกูลเฉิง รายละเอียดทั้งหมดถูกจัดวางชัดเจนอย่างยิ่ง
ฝ่ายของราชันลมปราณยืนกรานปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขาก็เริ่มหมดความน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
สาเหตุเพราะเหล่านักฆ่าถูกจับได้ก่อนที่เหตุการณ์เกี่ยวกับเฉิงกังจะเกิดขึ้น ยกเว้นเสียแต่ว่าแม่ทัพกองทหารฝ่ายขวาโกวซือจะเปิดเผยข้อมูลนี้แก่เหล่านักฆ่า ไม่งั้นแล้วไม่มีทางเลยที่คำสารภาพของนักฆ่าจะสอดคล้องกับเรื่องราวล่าสุดที่เกิดขึ้นในหอคณิกาหลวง
ทุกคนรู้ว่าโกวซือขึ้นตรงต่อจักรพรรดิ หากพวกเขาสงสัยในตัวโกวซือเท่ากับว่าพวกเขาสงสัยว่าตัวจักรพรรดิเองใส่ร้ายเฉิงซยงไปด้วย
ใครจะกล้าทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น?
นี่ยังไม่รวมความจริงที่ว่านักฆ่าเป็นเหมือนคนตายไปแล้ว ทำไมพวกเขาถึงจะเชื่อฟังโกวซือ?
สิ่งนี้อธิบายได้ว่า ทำไมฝ่ายของราชันลมปราณจึงถอยกลับในที่สุด เนื่องจากไม่สามารถช่วยชีวิตเฉิงซยงได้ พวกเขาจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมา ซึ่งก็คือการตัดความสัมพันธ์ของเฉิงซยงกับราชันลมปราณเพื่อที่จะได้ไม่ต้องลากราชันลมปราณลงไปในโคลนตมด้วย
เป็นที่ชัดเจนว่าจักรพรรดิไม่ได้วางแผนที่จะใช้วิธีนี้เพื่อโจมตีราชันลมปราณโดยตรง ดังนั้นราชสำนักจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว…
เฉิงซยงและลูกชายของเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่าในการโจมตีจักรพรรดินีและรัชทายาท การลงโทษคือการประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร
โชคดีที่นอกจากพ่อและลูกชายแล้ว ตระกูลเฉิงก็ไม่ใหญ่มาก
ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาต้องถูกประหารชีวิตหรือเนรเทศไปยังชายแดน
…
ขณะนี้ซูอันและอวิ้นเจียนเยว่กำลังนั่งสนทนาพลางจิบชาด้วยกัน อวิ้นเจียนเยว่มองเขาและเอ่ยถาม “ทำไม? เจ้าทนผลลัพธ์เรื่องนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ข้ารู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย” ซูอันเงียบไป ในฐานะที่เป็นคนจากโลกสมัยใหม่ การฆ่าล้างตระกูลอย่างง่ายดายยังคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับได้
อวิ้นเจียนเยว่รินชาให้เขา “โลกก็เป็นเช่นนี้ มันเป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หากเฉิงซยงประสบความสำเร็จในการใส่ร้ายเจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าและตระกูลของเจ้าจะถูกประหารเก้าชั่วโคตรเช่นกัน”
ซูอันหัวเราะอย่างขมขื่น “ในทางใดทางหนึ่ง เขาไม่ได้ใส่ร้ายข้าหรอก เพราะข้า ‘ร่วมมือ’ กับพวกท่านจริง ๆ”
อวิ้นเจียนเยว่มองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีวิธีคิดที่แปลก เฉิงซยงไม่ได้ติดตามเจ้า เพราะเขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้ากับเราจริง ๆ เขาแค่ต้องการแพะรับบาป แม้ว่าเจ้าจะบริสุทธิ์ เขาก็จะยังคงเลือกเจ้า ในท้ายที่สุด เจ้าทั้งคู่เป็นเพียงหมากในการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิและราชันลมปราณ เจ้าเป็นผู้ต่อสู้ที่จะอยู่หรือตาย เจ้าควรหาวิธีรักษาชีวิตตัวเองบนกระดานหมากรุกนี้ และไม่ต้องกังวลกับการตายของตัวหมากรุกตัวอื่น”
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไป “ข้าควรคิดเช่นนั้นจริง ๆ ขอบคุณ”
อวิ้นเจียนเยว่ยิ้ม “เจ้ารู้วิธีแสดงความขอบคุณต่อข้าในช่วงเวลาเหล่านี้เท่านั้น”
ซูอันหัวเราะคิกคักและกำลังจะตอบ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของขันทีเหวิน
“ท่านสิบเอ็ด ฝ่าบาททรงเรียกท่านไปเข้าเฝ้าที่ห้องหนังสือส่วนพระองค์”
ซูอันและอวิ้นเจียนเยว่แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นเขาจึงรีบเดินออกไป
ระหว่างทางเขาถามขันทีเหวิน “ขันทีเหวิน ทำไมจู่ ๆ องค์จักรพรรดิทรงเรียกข้าไป?”
ท่าทีของขันทีเหวินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้น้อยไม่รู้”
ซูอันรู้สึกไม่พอใจกับความเย็นชาของอีกฝ่าย คนผู้นี้รับสินบนจากเขาไป แต่เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงกลับเย็นชาต่อเขาได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ก็เกิดความคิดขึ้น วิธีช่วยเหลือของอีกฝ่ายหนึ่งคือการบอกใบ้ไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่าขันทีเหวินที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเปิดปากเล็กน้อย “จักรพรรดิดูเหมือนจะมีอารมณ์ไม่ดีในวันนี้ ระวังนะท่านสิบเอ็ด…”
จิตใจของซูอันว่างเปล่า การที่จักรพรรดิเรียกหาเขาในเวลาเช่นนี้…มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
เขาไม่ได้กดดันขันทีเหวินเพิ่มเติมให้บอกเขาถึงสิ่งที่จักรพรรดิต้องการ เขาซาบซึ้งแล้วที่อีกฝ่ายเตือนและมันก็ไม่เหมาะที่จะสร้างปัญหาให้ขันทีผู้นี้อีกต่อไป
นอกจากนี้ เขาอาจจะไม่ได้ล่วงรู้ความคิดที่แท้จริงของจักรพรรดิ
ทั้งสองคนมาถึงห้องหนังสือส่วนพระองค์ ขันทีเหวินเดินหน้าประกาศการมาถึงของเขา ก่อนจะรีบกลับออกมาและบอกซูอันว่า “ฝ่าบาทเชิญท่านซูเข้าไปข้างใน”
หลังจากพูดจบ ขันทีเหวินมองซูอันอย่างมีนัยแฝงและอวยพรให้เขาโชคดี ซูอันหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่มีอะไรจะทำนอกจากบังคับตัวเองให้เดินเข้าไป
เมื่อชายหนุ่มเข้าสู่ห้องหนังสือส่วนพระองค์ กระจกบานเดิมก็ได้หายไป แล้ว ส่วนจักรพรรดิเองกำลังนั่งอ่านฎีกาอยู่ที่โต๊ะ
จักรพรรดิไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เมื่อซูอันเข้ามา ราวกับว่าเขาเป็นอากาศที่ว่างเปล่า
ซูอันโค้งคำนับ “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี!”
จักรพรรดิยังไม่ตอบ ซูอันกลืนน้ำลาย ข้าเสร็จแน่! ชายคนนี้คงจะไม่พอใจอะไรข้าสักอย่าง!
เขามองลงต่ำโดยไม่พูดอะไร นิ่งเงียบเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ครู่ต่อมา จักรพรรดิก็เหลือบมองเขา เมื่อสังเกตพฤติกรรมของเขา จักรพรรดิก็โกรธมากจนหัวเราะออกมา “ปกติแล้ว พวกขุนนางจะยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้นด้วยความกลัว แต่เจ้ากลับยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“กระหม่อมกลัวว่าจะรบกวนสมาธิของฝ่าบาท” ซูอันตอบ
“ลิ้นของเจ้าลื่นไหลเหมือนเช่นเคย” จักรพรรดิพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจ “การสอบสวนที่ข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซูอันครุ่นคิดชั่วครู่แล้วค่อย ๆ พูด “กระหม่อมได้ค้นพบบางอย่างแล้วพะย่ะค่ะ แม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายเฉิงซยงสมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่า โดยใช้เฉิงกังลูกชายของเขาเป็นตัวกลาง พวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในหอคณิกาหลวง…”
จักรพรรดิยังคงนิ่งเฉยหลังจากได้ยินคำอธิบายของเขา “แล้วแรงจูงใจล่ะ?”
ซูอันตอบว่า “เฉิงซยงเป็นสมาชิกคนสำคัญของฝ่ายราชันลมปราณกระหม่อมเชื่อว่าเขาวางแผนกำจัดองค์รัชทายาท เพื่อให้ราชันลมปราณสืบราชบัลลังก์ได้โดยสะดวก”
จักรพรรดิจ้องเขาด้วยแววตาเยือกเย็น “เจ้ากำลังกล่าวหาน้องชายของข้า ช่างกล้าเหิมเกริมยิ่งนัก!”
—
ท่านยั่วยุจ้าวฮั่นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
ซูอันสูดลมหายใจ จักรพรรดิจะแสร้งทำเป็นไม่พอใจเช่นนี้จริงหรือ?
ทุกคนในโลกนี้รู้ว่าเจ้ากับราชันลมปราณเป็นเหมือนไฟและน้ำ เจ้าอยากกำจัดเขา ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคนในห้อง เจ้าจะเล่นละครฉากนี้เพื่อใคร?
แน่นอนว่าเป็นการรนหาที่ตายถ้าเขาพูดความในใจนี้ออกไปดัง ๆ เขาทำได้เพียงอธิบายไปตามน้ำ
“กระหม่อมไม่กล้ากล่าวโทษราชันลมปราณโดยไร้มูลความจริง แต่นี่เป็นการสันนิษฐานที่เหมาะสมที่สุดพะย่ะค่ะ”