เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 977 ไร้เดียงสาในเรื่องชายหญิง
บทที่ 977 ไร้เดียงสาในเรื่องชายหญิง
ในขณะที่ซูอันหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง อวิ้นเจียนเยว่ก็กังวลกับเรื่องนี้เช่นกัน
หลังจากลังเลอยู่บ้าง นางก็กล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามีปัญหามากไปกว่านี้”
ซูอันตกตะลึง “ท่านกำลังพูดอะไร? ถ้าข้ากลัวว่าจะถูกท่านลากลงไปในโคลนตม ตอนนั้นข้าจะไม่ช่วยท่านหรอก!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นชายที่กล้าหาญ แต่นี่มันต่างออกไป ข้าวางแผนที่จะไปเยือนคุกหลวง เจ้าช่วยข้ามามากพอแล้ว และข้าจะไม่เป็นภาระให้เจ้าอีก” อวิ้นเจียนเยว่มองเขาอย่างเพ่งพินิจ แม้ว่าชายผู้นี้มักจะพูดจาใหญ่โต แต่เขามีความน่าเชื่อถือมากกว่าสมาชิกในสำนักของนางที่ชอบคุยโอ้อวดอยู่เสมอว่ามีความภักดีเสียอีก มันจะไม่น่าอับอายถ้าท้ายที่สุดฮัวเล่ยลงเอยกับผู้ชายคนนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งสองไม่สามารถทำกิจกรรมรักร่วมกันได้เพราะเคล็ดวิชาที่ศิษย์ของนางบ่มเพาะ
ซูอันรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อได้ยินนางเรียกเขาว่าชายที่กล้าหาญ
เฮ้อ…พูดตามตรงนะ ข้าจะไม่พยายามหรอก ถ้าเจ้าไม่ใช่หญิงงาม
อย่างน้อยเขาก็มีความตระหนักในตนเอง…
แต่ประโยคที่นางเพิ่งพูดทำให้ชายหนุ่มตกตะลึง “ท่านกำลังจะไปคุกหลวง? อย่าบอกนะว่าท่านยังต้องการช่วยชีวิตคนของท่านอยู่? ท่านอยากตายอย่างนั้นเหรอ?”
อวิ้นเจียนเยว่ส่ายหัว ผมยาวของนางพลิ้วไหวอยู่ข้างหลัง “ข้าไม่ได้จะช่วยพวกเขา แต่จะฆ่าพวกเขาเพื่อให้พ้นทุกข์”
ซูอันพูดไม่ออก
ชาวสำนักมารทุกคนมีความคิดที่ก้าวกระโดดเช่นนี้หรือไม่? ข้าไม่สามารถตามทันได้เลย
อวิ้นเจียนเยว่อธิบายตัวเอง “อย่ากังวลไป ข้ารู้ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหน ตอนนี้จิตสัมผัสของจักรพรรดิครอบคลุมทั่ววังแล้ว ข้าคงช่วยพวกเขาไม่ได้ ต่อให้ข้าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ข้ายังคงบาดเจ็บ ข้าเพียงปรารถนาจะดับทุกข์ของพวกเขา เจ้าเป็นคนบอกข้าเองว่าพวกเขาถูกทรมานมากแค่ไหน ในฐานะเจ้าสำนัก ถ้าข้าไม่สามารถปลดปล่อยพวกเขาได้ อย่างน้อยข้าก็ควรจะยุติความทุกข์ทรมานให้พวกเขา”
น้ำเสียงของนางเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ นางรู้สึกไร้อำนาจในสถานการณ์นี้ จิตใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธและขัดแย้งอยู่ภายใน
ซูอันมองนางอย่างเหนื่อยใจ
อวิ้นเจียนเยว่คิดว่าเขากำลังจะห้ามปรามนาง นางจึงพูดต่อ “อย่าคิดมาก หากข้าไม่จัดการเรื่องนี้ ดวงใจเต๋าของข้าจะเสียหาย ซึ่งมันจะทำให้ข้าไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีก และยิ่งไปกว่านั้น การทำเช่นนี้จะเป็นการช่วยไม่ให้เจ้าถูกเปิดโปงเช่นกัน”
เวลาผ่านไปสองสามวันแล้วที่ซูอันโน้มน้าวกู่เยว่อีและคนอื่น ๆ ว่าสามารถช่วยพวกเขาได้ แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายวันแล้ว เหล่าคนที่ถูกจับคงจะเริ่มกังวลมากขึ้น และเมื่อพวกเขายอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง พวกเขาอาจจบลงด้วยการทรยศซูอัน
ซูอันรู้สึกละอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ พี่สาวเจ้าสำนักมักจะคิดถึงความเดือดร้อนของเขา แต่เขากลับต้องการเรียกร้องความสนใจจากนาง
ชายหนุ่มกระแอมในลำคอและกล่าวว่า “การรักษาความปลอดภัยรอบคุกหลวงแน่นหนามาก มันจะอันตรายเกินไปถ้าท่านไปที่นั่น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ ข้าจะคอยดูว่าจะหาทางช่วยเหลือพวกเขาได้หรือไม่?”
“เจ้าจะพยายามที่จะช่วยพวกเขา? อย่างไรล่ะ?” อวิ้นเจียนเยว่ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้จากซูอัน
จากมุมมองของนาง การช่วยเหลือนักโทษเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่จักรพรรดิอยู่ในวัง
ซูอันชี้ที่หัวของตัวเองแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ด้วยกำลัง แต่ด้วยปัญญา” เขามองนางอย่างจริงใจและพูดว่า “ข้าเคยไปที่คุกหลวงแล้ว ข้าจึงคุ้นเคยกับผู้คนที่นั่นอยู่บ้าง ทุกอย่างจะราบรื่นขึ้นมากถ้าข้าเป็นคนไปที่คุกหลวง ท่านมักจะเหม่อมองไปทางคุกหลวงอยู่เสมอ ข้าเข้าใจท่านนะ แต่ตอนนี้ท่านมาพูดถึงการเสี่ยงเช่นนี้ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกท่าน”
ขณะที่เขาพูด ทูตสวรรค์ชุดขาวก็ปรากฏขึ้นบนไหล่ของเขา สาปแช่งเขาว่าเป็นชายเจ้าสำราญที่แก้ไขไม่ได้ เขาใช้ความโปรดปรานที่ได้รับจากจักรพรรดิมาโชว์เท่กับหญิงงาม
ปีศาจชุดดำปรากฏตัวบนไหล่อีกข้างของเขาและเยาะเย้ย “เจ้าแค่ล้อเล่นกับความรู้สึกของนาง เจ้าไม่ได้ทำอะไรจริงจังเลย”
อวิ้นเจียนเยว่ตื่นตระหนกเล็กน้อย นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “เจ้า…เจ้าทำเพื่อข้ามามากแล้ว”
ซูอันถอนหายใจ เมื่อเขาเห็นว่านางตกใจแค่ไหน ผู้หญิงคนนี้อาจเป็นปราชญ์ในแง่ของการบ่มเพาะ แต่ในเรื่องระหว่างหญิงชาย นางเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาอย่างสมบูรณ์
“อย่างน้อยก็ถือว่าเราเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาสักระยะหนึ่งแล้วใช่ไหม? ข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไรเมื่อเพื่อนเดือดร้อน?” ซูอันไม่ได้พูดจาเกินเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่ถึงจุดนั้น หากไปไกลกว่านี้ย่อมจะทำลายสิ่งต่าง ๆ
ภารกิจที่จักรพรรดิมอบให้ข้าคือการแทรกซึมเข้าไปในสำนักมาร นี่นับไหม?
“เพื่อน…” ใจที่สั่นไหวของอวิ้นเจียนเยว่เริ่มสงบลงเมื่อได้ยินเขาพูดคำนี้ นางหลบสายตามองไปด้านข้าง “ใคร… ใครกันที่อยู่ด้วยกันกับเจ้า? เจ้าอย่าพูดประโยคชวนให้เข้าใจผิดแบบนั้น…”
นางมักจะดูเย็นชาเย่อหยิ่งและไม่ค่อยแสดงด้านที่ยังไร้เดียงสาของนาง
ซูอันตกตะลึงชั่วขณะ
อวิ้นเจียนเยว่เห็นท่าทางมึนงงของเขาและตระหนักว่านางตื่นตูมมากเกินไป นางรีบกลับสู่ท่าทางที่เย่อหยิ่งตามปกติ “เจ้ากำลังมองอะไร? ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา ถ้าเจ้ายังไม่เลิกมองข้า!”
ในเวลาเดียวกัน นางเตือนตัวเองว่านี่คือผู้ชายของฮัวเล่ย และนางไม่ควรทำอะไรที่น่าอับอายลงไป
“พี่สาวเจ้าสำนักเป็นเทพธิดาจริง ๆ ท่านยังงดงามแม้ในเวลาที่กำลังโกรธ” ซูอันเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นการกระทำของนาง เจ้าไม่สามารถซ่อนอะไรจากข้าได้ อย่าทำเป็นโกรธเพราะข้ายังไม่ได้คะแนนความโกรธแค้นจากเจ้าแม้แต่แต้มเดียว
คำพูดที่ไพเราะของเขาคลายคิ้วที่ขมวดย่นของอวิ้นเจียนเยว่ลง อย่างไรก็ตาม นางยังคงพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ข้าเป็นอาจารย์ของฮัวเล่ย ข้าแนะนำให้เจ้าระมัดระวังการพูดให้มากขึ้น”
ซูอันย่นจมูกใส่นาง “ข้าควรจะฟังคำแนะนำของท่านด้วยเหรอ?”
คิ้วของอวิ้นเจียนเยว่ขมวดขึ้นอีกครั้ง นางกำลังจะอารมณ์เสียเมื่อซูอันพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะไปที่วังตะวันออก ราชเลขาของรัชทายาทไม่ควรขาดงาน”
อวิ้นเจียนเยว่หัวเราะเมื่อเห็นเขาคิดจะหนีด้วยท่าทางที่น่าละอาย “ฮึ่ม ข้าคิดว่าเจ้ากล้าหาญมากจนคิดจะทำอะไรบางอย่างเสียอีก”
รอยยิ้มที่เบ่งบานบนใบหน้าของนางช่างงดงามราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ มันเติมความอบอุ่นให้กับภาพลักษณ์ของเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ที่เย็นชาและโดดเดี่ยว