เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 983 จัดฉาก
กองทหารราชองครักษ์เกราะทองที่ติดตามหลิวเฉิงอวี้มาต่างตกตะลึงกับฉากที่เห็น แต่ละคนต่างชักกระบี่ออกอย่างแตกตื่นและล้อมซูอันเอาไว้
แต่แล้วทันใดนั้น พวกเขาต่างรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาล พลังชี่ทั้งหมดของพวกเขาดูเหมือนจะระเหยไปในอากาศ
พวกเขาเสียการทรงตัวและทั้งร่างไถลเซเข้าหาซูอันอย่างควบคุมไม่ได้ก่อนที่จะถูกซูอันใช้วิชาดัชนีปลิดชีวิตเรียงตัวอย่างรวดเร็วในพริบตา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปในสายตาผู้อื่น และเมื่อได้สติรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ได้เห็นร่างของทหารชุดเกราะสีทองนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นเสียแล้ว
ผู้เฒ่าซุนหลูเจิ้นตกตะลึง ความแข็งแกร่งและความเด็ดขาดในการลงมือของซูอันนั้นน่าเหลือเชื่อจนเกินไป เขายังสงสัยว่าตัวเองสามารถปลิดชีพทหารราชองครักษ์เหล่านี้ทั้งหมดได้เร็วขนาดนี้หรือไม่?
ดวงตาของเพลิงเดียวดายเบิกกว้าง ระดับการบ่มเพาะของเด็กคนนี้สูงกว่าตอนที่พวกเขาเจอกันก่อนหน้านี้มาก!
เวลามันเพิ่งผ่านไปเท่าไรเอง มันเป็นไปได้อย่างไร?
กู่เยว่อีรู้สึกริษยา ก่อนหน้านี้ซูอันเป็นเพียงลูกเขยแต่งเข้าบ้านภรรยาที่ทุกคนดูถูก แม้ว่าจะเคยแสดงความสามารถในงานประลองระหว่างตระกูล แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ระดับการบ่มเพาะของซูอันกลับมาถึงระดับนี้แล้ว ซึ่งเหนือกว่าตัวเขาเองมาก! ไม่น่าแปลกใจที่ศิษย์น้องจะชอบชายผู้นี้!
ฮึ่ม! ข้าไม่ยอม! ศิษย์น้องจะต้องเป็นของข้าสักวันหนึ่ง!
ผู้คุมที่อยู่รอบ ๆ ต่างชักกระบี่ออกมาเผชิญหน้ากับซูอันราวกับเป็นศัตรูตัวอันตราย “ท…ท่านซู นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” พวกเขาพูดติดอ่าง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็น
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับราชันลมปราณ มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า”
เหล่าผู้คุมต่างสบตากันเงียบ ๆ แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตาม พวกเขาแอบสาปแช่งซูอันในใจ ผู้ชายคนนี้เป็นคนโง่หรือไง? เขากล้าดีอย่างไรที่ทำให้ราชันลมปราณขุ่นเคือง?
ทันทีที่พวกเขาลดความระมัดระวัง ซูอันเรียกใช้นกกระจิบร้อยเสียง และคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นได้กระเพื่อมออกไปทั่วทุกทิศ
เขาขอให้โกวซือย้ายผู้บ่มเพาะทั้งหมดออกจากคุก ดังนั้นผู้คุมเหล่านี้เป็นคนธรรมดาทั้งหมด มีใครสามารถต้านทานพลังดังกล่าวได้? ทั้งหมดล้วนเป็นลมหมดสติ
ทว่าไม่ใช่แค่ผู้คุมที่หมดสติ แต่สมาชิกของสำนักมารก็หมดสติไปเช่นกัน
แม้สมาชิกของสำนักมารล้วนแล้วแต่เป็นผู้บ่มเพาะ แต่สาเหตุที่พวกเขาทานทนกับอำนาจของนกกระจิบร้อยเสียงไม่ได้ เป็นเพราะซุนหลูเจิ้นและคนอื่น ๆ ถูกทูตยุทธ์เสื้อแพรผนึกพลังเอาไว้ และการทรมานที่พวกเขาได้รับมาตลอดก็ทำให้พวกเขาอ่อนแอลงอย่างมาก
ซูอันก้าวไปรอบ ๆ สกัดจุดชีพจรเหล่าผู้คุมอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นอันทรงพลังที่กล้ำกรายเข้าหา
ซูอันหน้าซีด พลังนี้คุ้นเคยอย่างยิ่ง เนื่องจากเขามีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นที่มีพลังเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน ราชันลมปราณที่กำลังเพลิดเพลินกับชาในศาลา ร่างกายของเขาพลันแข็งค้าง เขามองไปทางคุกหลวงกอย่างสงสัยและพึมพำ “เกิดอะไรขึ้นที่นั่น มันถึงกับทำให้พี่ชายของข้าตื่นตัว?”
แต่แล้วอึดใจต่อมา คลื่นพลังกดดันของจักรพรรดิสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ซูอันคิดว่าอาจเป็นเพราะจักรพรรดิเพิ่งรับรู้ว่าเป็นเขาเองที่ลงมือจึงเลิกสนใจ
ซูอันนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนกล่าวว่าจิตสัมผัสของจักรพรรดินั้นปกคลุมไปทั่วทั้งวัง ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่คนอื่นหมายถึง
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิไม่สนใจการสนทนาของคนทั่วไป แต่เขาสามารถตรวจจับได้ทันทีหากพบว่ามีความผันผวนของคลื่นพลังแปลก ๆ เกิดขึ้นภายในวังหรือไม่?
ไม่น่าแปลกใจที่อวิ้นเจียนเยว่เลือกที่จะโจมตีพระราชวังตอนที่จักรพรรดิไม่อยู่ เพราะจักรพรรดิจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้ทันท่วงทีเมื่อพวกนางพยายามทำอะไร
ซูอันมองตรวจสอบไปที่เหล่าผู้คุมอีกครั้ง เขาต้องตรวจอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนหมดสติ และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นก็เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายที่เขาต้องทำ เขาหยิบขวดหนึ่งจากดวงแก้วผู้รอบรู้ แล้วเทของเหลวที่บรรจุลงในกาน้ำชาสองสามหยด จากนั้นเขาก็ป้อนชาให้กับผู้คุมทุกคน
นับตั้งแต่จักรพรรดิได้มอบหมายภารกิจนี้ให้เขา เขาได้คิดแผนไว้แล้ว การพานักโทษออกจากคุกหลวงไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจัดการกับสถานการณ์ที่ตามมาคือปัญหาที่แท้จริง
เขาไม่สามารถทำให้สำนักมารสงสัยในตัวเขา และไม่สามารถทำให้ใครในวังสงสัยเขาได้เช่นกัน
สิ่งที่เขาต้องการคือแพะรับบาป
ในท้ายที่สุด ราชันลมปราณเป็นคนเดียวที่เขาคิดได้ว่า ใครจะมีแรงจูงใจและสามารถช่วยนักโทษแหกคุกออกไปได้
นอกจากนี้ การโยนบาปให้ราชันลมปราณจะทำให้จักรพรรดิสามารถระงับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย เมื่อมีรายงานส่งไปหาพระองค์ในภายหลัง ท้ายที่สุดต่อให้ราชันลมปราณมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ ทั้งสองฝ่ายย่อมจะยังไม่แตกหักกันเร็ว ๆ นี้แน่นอน เว้นแต่จะจำเป็นจริง ๆ
ทั้งโกวซือและคนอื่น ๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยเขา
นี่คือเหตุผลที่ซูอันจงใจยั่วโมโหราชันลมปราณก่อนหน้านี้ เขาต้องการให้ราชันลมปราณส่งคนมาจัดการเขา
แน่นอน มีปัญหาอื่นเกิดขึ้น เขาปล่อยให้ตัวเองถูกเปิดเผยโดยคำสารภาพของผู้คุมไม่ได้
การฆ่าพวกผู้คุมเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่เขาไม่ต้องการฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผล นอกจากนี้ชายหนุ่มเพิ่งขอให้โกวซือย้ายผู้คุมที่เป็นผู้บ่มเพาะออกจากคุกไป หากผู้ที่รั้งอยู่เบื้องหลังถูกพบว่าเสียชีวิต แม้แต่คนโง่ก็สามารถเดาได้ว่าเขาคือผู้กระทำความผิด
นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องการให้ผู้คุมเหล่านี้มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นพยานถึงการมาของทหารฝ่ายราชันลมปราณ
สิ่งที่เขาต้องทำคือ การทำให้ผู้คุมเหล่านี้ลืมเรื่องที่เขาสังหารคนของราชันลมปราณไป
สิ่งที่เขาเติมลงในชาคือ ยา ‘ความกังวลจงหายไป’ ซึ่งเขาได้มันมาจากเมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้งภายในตระกูลฉู่ มันเป็นยาที่ฉู่เทียนเซิงคิดจะใช้กับฉินหว่านหรู ยานี้สามารถทำให้ใครก็ตามที่กินเข้าไปลืมสิ่งที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด!
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการจากเหล่าผู้คุม ซูอันก็หันไปหาทหารองค์รักษ์ที่สวมชุดเกราะทอง จัดการถอดเสื้อผ้าและชุดเกราะออกทำความสะอาดคราบเลือดบนชุดเกราะทั้งหมดก่อนจะวางไว้ข้าง ๆ และเก็บร่างศพของทหารที่ตายไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ เขาได้เปิดห้องขังและปลุกนักโทษที่เป็นคนของสำนักมาร
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?” กู่เยว่อีถามขณะมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
ซุนหลูเจิ้นและเพลิงเดียวดายสัมผัสได้ว่า เมื่อครู่นี้มันเป็นการโจมตีทางวิญญาณ