เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 986 คนที่น่าคบหา
บทที่ 986 คนที่น่าคบหา
ซูอันตบหน้าอกของตัวเองอย่างมั่นใจ “แน่นอนอยู่แล้ว! ฟ้าดินเป็นพยานได้”
“ดีแล้ว ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า” ราชันลมปราณจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา “วิชาวัฏจักรหงส์อมตะให้ชีวิตนิรันดร์ได้จริงไหม?”
ซูอันฝืนยิ้ม “องค์จักรพรรดิทรงแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ราชันลมปราณไม่จำเป็นต้องถามข้า”
ราชันลมปราณกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าถามเจ้าตรงนี้! เดี๋ยวนี้!”
ซูอันตอบกลับทันที “เคล็ดวิชานี้ไม่สามารถให้ชีวิตนิรันดร์แก่องค์จักรพรรดิได้แน่นอน!”
ข้าไม่ได้บอกนะว่าข้าจะสามารถบรรลุความเป็นอมตะได้หรือไม่…?
ราชันลมปราณรู้สึกประหลาดใจกับความสัตย์จริงในน้ำเสียงของซูอัน “เจ้ารู้ไหมว่าหากคำพูดนี้รู้ไปถึงหูของฝ่าบาท พระองค์อาจถือว่าเจ้าหมิ่นเบื้องสูงร้ายแรง”
ซูอันยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ราชันลมปราณเป็นปราชญ์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องคุณธรรมสูงส่ง ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำให้ข้ามีปัญหา”
ราชันลมปราณหัวเราะและตบไหล่ของเขาเบา ๆ “เจ้านี่ซื่อตรงจริง ๆ ข้าชักจะชอบเจ้าบ้างแล้ว”
ซูอันตกใจ เหล่ตามองไปที่มือของราชันลมปราณซึ่งกำลังตบไหล่ของตัวเอง อย่าบอกนะว่าไอ้คนผู้นี้กำลังลอบใช้เคล็ดวิชาพิสดารคล้ายฝ่ามือสลายกระดูกหรืออะไรทำนองนั้นกับข้า?? บัดซบแล้วไง! เดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจะตายเพราะผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ลอบสังหารข้าโดยการทิ้งพลังร้ายเอาไว้ในร่างของข้าใช่ไหม?
“รีบกลับไปเถอะ หลิงหลงคงเริ่มไม่สบายใจแล้ว” ราชันลมปราณกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบพระทัย ราชันลมปราณ” ซูอันรีบออกไป เมื่ออยู่ใกล้คน ๆ นี้เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันมากเกินไป
เมื่อซูอันเดินห่างออกไป มีร่างเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังราชันลมปราณ
รอยยิ้มของราชันลมปราณหายไปทันที “ช่วยข้าพิจารณาสองเรื่อง เรื่องแรกคือ เหตุผลที่จักรพรรดิเรียกพบหลิวเฉิงอวี้ และเรื่องที่สองคือ จับตาดูทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ด ข้ารู้สึกว่าทูตยุทธ์คนใหม่และซูอันน่าจะเป็นคนเดียวกัน ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนปรากฏตัวดูเหมือนจะบังเอิญเกินไป”
“รับทราบนายท่าน!” ร่างเงาตอบ
ราชันลมปราณมองดูร่างที่ห่างออกไปของซูอัน ทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ดปรากฏตัวขึ้นทันทีที่ชายคนนี้มาถึงเมืองหลวง จากหลายปีที่ผ่านมา ในบรรดาทูตยุทธ์เสื้อแพรมีทูตยุทธ์เสื้อแพรทองเพียงสิบคนเท่านั้นที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ดดูเหมือนจะปรากฏขึ้นมาจากอากาศที่ว่างเปล่า ข้อมูลประวัติที่เกี่ยวข้องไม่มีเลยแม้แต่น้อยกับตัวตนปริศนานี้
หลังจากเรื่องของเฉิงซยง ราชันลมปราณได้ตรวจสอบเรื่องนี้และพบว่าเฉิงซยงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ด และหลังจากซูอันเข้าไปในคุกหลวง นักฆ่าต่างยินยอมสารภาพทันที ซึ่งก็คือตะปูตอกฝาโลงตัวสุดท้ายของเฉิงซยง
แม้ว่าจะดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่จับตาดูไว้ย่อมดีกว่า…
วิชาวัฏจักรหงส์อมตะก็เป็นที่ต้องการของเขาเช่นกัน แม้ซูอันจะบอกว่ามันไม่สามารถทำให้เป็นอมตะได้ แต่เขาก็ไม่อาจจะไว้ใจอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ วิธีเดียวที่เขาสามารถแน่ใจได้คือการได้เห็นมันกับตาตัวเองเสียก่อน
สาเหตุหลักที่เขาต้องการพาตัวซูอันไปคุยกันเงียบ ๆ เป็นเพราะต้องการรู้วิชาวัฏจักรหงส์อมตะจากตัวของชายผู้นี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้พบปะกันหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กซูอันนั่นไม่ง่ายที่จะรับมือ โดยเฉพาะตอนนี้ที่องค์หญิงรัชทายาทกำลังปกป้องอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้า เขาจึงยิ่งไม่สามารถกดดันได้มากนัก เพราะเกรงว่าจะได้รับความพิโรธจากจักรพรรดิในท้ายที่สุด
เขาจะล้วงเอาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจากซูอันได้อย่างไร?!
ราชันลมปราณเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาและเขาก็ฟื้นคืนสู่ความสงบตามปกติ
…
ในขณะเดียวกัน องค์หญิงรัชทายาทสังเกตเห็นว่าซูอันกลับมาแล้ว นางจึงรีบเดินเข้ามาถามเบา ๆ “ราชันลมปราณทำอะไรกับเจ้าหรือไม่?”
ซูอันทำหน้ามุ่ย “องหญิงรัชทายาท กระหม่อมอยากทราบเรื่องหนึ่ง ราชันลมปราณแข็งแกร่งถึงขนาดที่ตบไหล่ใครบางคนสักสองสามทีอย่างเป็นกันเอง แต่ไม่กี่วันต่อมาเส้นลมปราณและเส้นเลือดทั่วร่างของคนผู้นั้นระเบิดสิ้นได้หรือไม่?”
องค์หญิงรัชทายาทชะงัก “เขาเป็นปราชญ์.. เขาอาจจะทำอย่างนั้นได้…” นางตอบโดยไม่รู้ตัว
คำพูดของนางทำให้ซูอันยิ่งกังวลใจมากขึ้นไปอีก
“ราชันลมปราณทำให้เจ้าลำบากใจงั้นเหรอ?” องค์หญิงรัชทายาทเริ่มกังวล
ซูอันส่ายหัว “เขาแค่ถามคำถามบางอย่างกับกระหม่อมพะย่ะค่ะ”
มันจะไม่เป็นประโยชน์ที่จะเปิดเผยทุกอย่างกับนาง เพราะนางไม่สามารถตอบโต้อะไรราชันลมปราณได้
อย่างไรก็ตาม เขายังคงแสดงความขอบคุณ “ขอบพระทัยองค์หญิงรัชทายาทที่ช่วยกระหม่อมไว้ ถ้าพระองค์ไม่ปรากฏตัว กระหม่อมอาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว”
ไม่ว่าจะเป็นนักฆ่าของสำนักมารที่ถูกเปิดโปง หรือการซักถามของราชันลมปราณ ก็อาจนำไปสู่จุดจบที่ไม่ดี
องค์หญิงรัชทายาทพยักหน้า “อย่ายึดติดกับมันมากเกินไป ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าเป็นพิเศษ ข้าจะทำเช่นนี้กับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่ภักดีต่อองค์รัชทายาท”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คำพูดก่อนหน้านี้ของราชันลมปราณได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้กลัวว่าเขาจะเกิดความคาดหวังผิด ๆ ในตัวนาง
“องค์หญิงรัชทายาททรงเห็นอกเห็นใจพวกเรา” เขาตอบ “เราทุกคนเข้าใจ”
องค์หญิงรัชทายาทพยักหน้า “กลับไปที่วังตะวันออกก่อนที่ราชันลมปราณจะพบเจ้าและจับตัวไว้อีกครั้ง”
ซูอันพบว่าตัวเองยังมีเรื่องต้องจัดการ “กระหม่อมยังไม่กลับไปพร้อมกับพระองค์พะย่ะค่ะ กระหม่อมยังมีเรื่องต้องจัดการ”
เขายังต้องกลบเกลื่อนสถานการณ์ภายในคุกหลวง ก่อนที่ใครจะสงสัยได้
“เจ้าต้องจัดการอะไรอีก?” องค์หญิงรัชทายาทถามด้วยความสงสัย
ซูอันครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิได้มอบภารกิจหนึ่งให้กระหม่อมทำ…” แน่นอนเขาไม่ได้โกหกนาง จักรพรรดิได้สั่งให้เขาแทรกซึมเข้าไปในสำนักมารใช่ไหม? แม้ว่าจักรพรรดิจะทราบเรื่องทุกอย่างนี้ในภายหลัง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
องค์หญิงรัชทายาทค่อนข้างแปลกใจ นางมองเขาด้วยดวงตาที่สดใส แปลกใจที่เขาได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิเช่นกัน
ใช่เลย ข้าต้องพยายามให้มากที่สุดที่จะดึงเขามาเป็นพวก
…
เมื่อผู้ติดตามขององค์หญิงรัชทายาทเริ่มออกเดิน ซูอันดึงเผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนออกมา “ข้าจะไม่ขอบคุณพวกเจ้า เพราะเราเป็นพี่น้องกัน ไว้วันหลังเราค่อยไปหอคณิกาหลวงด้วยกัน ข้าเลี้ยงเอง!”
ดวงตาที่มีวงรอบสีคล้ำของเผี่ยวตวนเตียวสว่างขึ้น “เป็นความคิดที่ดี!” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ
แม้ว่าหลังของเขาแทบจะหักจากความถี่ที่เขาไปเยือนหอคณิกาหลวง เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อผู้อื่นเป็นคนจ่ายเงิน เขายิ่งสนุกได้อย่างเต็มที่
เจียวซือกุนรู้สึกขัดแย้งและโพล่งออกมาว่า “ไม่ถูกต้อง… ในเมื่อเจ้าบอกมาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ แล้วทำไมเจ้าถึงเชิญพวกเราไป…”
เผี่ยวตวนเตียวตัดบทก่อนที่สหายคู่ขัดตัวเองจะพูดจบ “บอกมาคำเดียวว่าอยากไปหรือไม่อยากไป!”
เจียวซือกุนดูเหมือนจะรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถต้านทานความอยากของเขาได้ “ข้า…อยากไป!”
“ถ้าอยากก็หุบปากไป!” เผี่ยวตวนเตียวตบอีกฝ่ายที่ด้านหลังศีรษะแล้วยิ้มให้ซูอัน “ตามนี้! ไว้เจอกันเมื่อมีเวลาว่าง”
ซูอันหัวเราะ เขารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางเพื่อนจากโลกก่อนหน้าของเขา…
ว่าแต่ตอนนั้นข้าเป็นคนแบบนี้ด้วยเหรอ?