เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 995 โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
บทที่ 995 โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
บทที่ 995 โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ชิวฮัวเล่ยเต็มไปด้วยคำถาม บางครั้งถึงกับเปล่งเสียงครางออกมา
ซูอันตอบคำถามของนางและแนะนำนางตลอดกระบวนการ เขาต้องยอมรับว่านางมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้ ในตอนแรกถึงจะไม่ชำนาญ แต่นางก็เรียนรู้อย่างรวดเร็ว
มือที่บอบบางของนางค่อย ๆ นุ่มนวลและอ่อนโยนขึ้น เขารู้สึกราวกับกำลังเพลิดเพลินกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่บางเบา หรือแสงแดดอันอบอุ่นในฤดูหนาว
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดชิวฮัวเล่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าจะให้ข้าทำแบบนี้อีกนานแค่ไหน? ข้อมือข้าเริ่มเจ็บแล้ว”
ศีรษะของนางลดลงเล็กน้อยขณะที่พูด ลมหายใจของนางสัมผัสกับเนื้อตัวเขา ได้กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้อ่อนจาง ซูอันเริ่มอ่อนไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดหนึ่งเกิดขึ้น เขาค่อย ๆ กดมือลงบนหัวของนาง
ชิวฮัวเล่ยเคยใช้เวลาอยู่ในหอสุขนิรันดร์ นางรู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร
นางมองเขาอย่างขุ่นเคือง แต่ไม่ได้ปฏิเสธ กรีดผมยุ่ง ๆ รอบขมับของนางจนเรียบ แล้วกดริมฝีปากสีแดงอ่อนของนางลง
ซูอันสูดหายใจเข้าอย่างแรง
…
ผ่านไปครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดออก มีเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างดุดัน “พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกัน!?” เห็นได้ชัดว่ามีบางคนโกรธเคืองกับสิ่งที่เห็น
ชิวฮัวเล่ยกระเด้งโหยงเหมือนกระต่ายตกใจ ยกมือขึ้นปิดปากขณะที่มองสาวงามผมยาวที่ยืนอยู่ตรงประตู “อ… อาจารย์” นางพูดตะกุกตะกักด้วยความเขินอาย
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอวิ้นเจียนเยว่ที่บุกเข้ามา เมื่อมีข่าวถึงนางว่าซูอันได้มาเยี่ยมหอคณิกา นางรีบมาอย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นทั้งหมดของนางหายไปทันทีเมื่อนางเปิดประตูเข้ามา
นางรู้สึกผิดหวังในตัวศิษย์ที่เลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างแท้จริง
ไม่เพียงแค่นั้น ซูอันคนนี้ยังเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง! เขาทำให้ลูกศิษย์ของนางมีมลทิน!
—
ท่านยั่วยุอวิ้นเจียนเยว่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +888… +888… +888…
—
อวิ้นเจียนเยว่จ้องเขม็งไปที่ชิวฮัวเล่ย “ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าอาจารย์อีกเหรอ? ข้าไม่มีลูกศิษย์อย่างเจ้า!”
แม้ว่าชิวฮัวเล่ยจะเคยเป็นคณิกาอันดับหนึ่งมาก่อน แต่ความบริสุทธิ์ของนางยังคงอยู่ การถูกจับได้ทำให้นางอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
หลังจากที่ถูกอาจารย์ตำหนิ นางวิ่งออกไปโดยที่มือทั้งสองปิดหน้าที่แดงก่ำไว้
ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงซูอันและอวิ้นเจียนเยว่
ซูอันดึงกางเกงขึ้นด้วยความเขินอาย “พี่สาวเจ้าสำนัก อย่างน้อยท่านเคาะประตูก่อนไม่ได้เหรอ?” เขาถาม
ความเย็นชาของอวิ้นเจียนเยว่สามารถแช่แข็งได้กระทั่งลาวาเดือด “งั้นข้าควรจะรอจนเจ้าทำให้ศิษย์ของข้าเป็นมลทินสินะ!?”
—
ท่านยั่วยุอวิ้นเจียนเยว่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444… +444… +444…
—
ซูอันพยายามอธิบายตัวเองอย่างรวดเร็ว “ก็เราเป็นคู่รักกัน! สิ่งนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เติบโตจากความรักที่มีให้กันจะเรียกว่ามลทินได้อย่างไร?”
“เจ้าบอกว่ามันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ?” อวิ้นเจียนเยว่เย้ยหยัน “แล้วทำไมเจ้าถึงต้องกดหัวฮัวเล่ยลงไปด้วย?”
ซูอันรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนขึ้น “ข้าไม่ได้ใช้กำลังมากขนาดนั้น ถ้าฮัวเล่ยไม่ต้องการทำ ข้าก็ไม่มีวันบังคับนาง!”
“ก็ได้ อะไรก็ได้ ข้าไม่สนใจข้อแก้ตัวไร้สาระของเจ้า” ด้วยเหตุผลบางอย่างอวิ้นเจียนเยว่รู้สึกรำคาญเขาอย่างแท้จริง “เอาเป็นว่า ต่อไปเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับฮัวเล่ยอีก!”
“ทำไมล่ะ?!” ซูอันร้อง
ใบหน้าของอวิ้นเจียนเยว่มืดราวกับเมฆฝนฟ้าคะนอง “เจ้าก็รู้ว่าฮัวเล่ยบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชาพิเศษ นางไม่สามารถสูญเสียความบริสุทธิ์ได้ก่อนที่จะสำเร็จถึงระดับที่กำหนด!”
“ข้ารู้” ซูอันพึมพำ “นั่นเป็นเหตุผลที่เราสองคนรู้ว่าไม่ควรไปไกลขนาดนั้น”
อวิ้นเจียนเยว่เลิกคิ้วสูง นางเกือบจะอารมณ์เสียจริง ๆ แต่จำได้ว่าซูอันได้ช่วยเหลือพวกนางมามากเพียงใด จึงบังคับตัวเองให้ระงับความโกรธ “เฮอะ เจ้าคิดว่าเจ้าทำดีแล้วเหรอ? เจ้าสามารถปลดปล่อยความต้องการออกมาได้ทั้งหมด แล้วฮัวเล่ยล่ะ? ผู้ชายไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่มีความต้องการทางเพศ แต่ผู้หญิงก็เช่นกัน! หากเจ้ายังปลุกเร้านางแบบนี้ต่อไป นางจะถึงจุดที่ไม่สามารถรั้งตัวเองได้อีกและถูกแผดเผาด้วยไฟราคะ!”
ซูอันไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
“พวกท่านบ่มเพาะวิชาขยะประเภทไหนเนี่ย?” เขาสบถ
“ขยะ?” ดวงตาของอวิ้นเจียนเยว่แฝงไปด้วยแววอันตราย “เคล็ดวิชาขยะที่เจ้าว่า ทำให้ข้ามาถึงระดับปราชญ์! ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้เหมือนมด อยากลองไหมล่ะ?”
“ไม่… ไม่อยาก” ซูอันโบกมือด้วยความอับอาย สาวโสดคนนี้นี่อารมณ์ร้ายเหลือเกิน!
“ตั้งแต่เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นคนรักของฮัวเล่ย เจ้าควรคิดสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของนาง” อวิ้นเจียนเยว่กล่าวต่อ “ถ้าพวกเจ้าสองคนยังทำแบบนี้ต่อไป นางจะถูกทรมานด้วยอารมณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคบนเส้นทางการบ่มเพาะ นางอาจไม่มีวันไปถึงฟากฝั่งแห่งความสำเร็จ และบางทีอาจตกม้าตายได้ระหว่างทาง”
ซูอันตัวสั่น “อันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอน! เจ้าคิดว่าข้าพูดทั้งหมดนี้เพื่อทำให้เจ้ากลัวเหรอ?” สีหน้าของอวิ้นเจียนเยว่เริ่มจริงจัง “คนมากมายในสำนักศักดิ์สิทธิ์เคยพยายามบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้มาก่อน แต่พวกเขาทั้งหมดไม่มีวินัยเพียงพอจึงสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง จนถึงตอนนี้ข้าเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้!”
“ถ้ามันอันตรายขนาดนี้ ทำไมท่านถึงให้ฮัวเล่ยบ่มเพาะมัน?!” ซูอันโพล่งออกมาทันที
อวิ้นเจียนเยว่ถอนหายใจ “ข้าเลี้ยงดูนางมาเหมือนกับลูก นางจะบ่มเพาะเคล็ดวิชาของใครถ้าไม่ใช่ของข้า? ด้วยสายตาที่มองการณ์ไกลและอารมณ์ของนาง ไม่มีผู้ชายคนใดในโลกนี้ที่จะทำให้นางสับสนได้ น่าเสียดายที่นางได้พบกับชายเจ้าสำราญแบบเจ้า!”
ซูอันยืดอก “ข้าทั้งหล่อและรวย ผิดด้วยหรือที่ผู้หญิงจะตกหลุมรักข้า?”
อวิ้นเจียนเยว่พูดไม่ออก
นางต้องการตบศีรษะของชายคนนี้สักผัวะ แล้วตามด้วยตบหน้าอีกสองสามเพี้ยะ
“ก็ได้” ซูอันกล่าว “ข้าไม่ใช่ชายเจ้าสำราญ เดี๋ยวก่อน ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง? ถ้าท่านทำต่อไป ข้าจะโกรธจริง ๆ แล้วนะ! อะแฮ่ม ข้าไม่ต้องการที่จะทำร้ายฮัวเล่ยเช่นกัน ดังนั้นข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ให้นางทำแบบวันนี้อีกต่อไป”
“นั่นยังไม่พอ เจ้าสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้พบกันอีกต่อไป” อวิ้นเจียนเยว่ยืนยัน “ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ข้าสังเกตเห็นว่ารากฐานของนางเริ่มไม่มั่นคง หากนางยังเจอกับเจ้าต่อไป นางอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ข้าจะพานางกลับไปที่สำนักและให้บ่มเพาะอย่างสันโดษ”
“นางจะต้องบ่มเพาะอีกนานแค่ไหน?” ซูอันถามทันที
“จนกว่าข้าคิดว่านางไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว” อวิ้นเจียนเยว่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย ๆ รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง เด็กน้อย… เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะโต้เถียงกับข้า
ซูอันโกรธมาก “เห็นได้ชัดว่าท่านกำลังปั่นหัวข้า ช่างมันเถอะ!”
หญิงเฒ่าคนนี้คงอิจฉาที่เขาสนิทกับฮัวเล่ย เขาอาจต้องรอจนกว่าจะตายจึงจะได้รับอนุญาตจากนาง!