เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 999 ผลข้างเคียงอื่น
บทที่ 999 ผลข้างเคียงอื่น
ไหนบอกว่าท่านไม่ได้สนใจร่างกายของข้าไง!
นี่เป็นความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวของซูอัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อวัยวะสำคัญที่สุดของเขาเองขึ้นอยู่กับความเมตตาของอีกฝ่าย ถ้าเขาพูดคำเหล่านี้ในหัวออกไป นางอาจจะโกรธและทำลายกล่องดวงใจของเขาทิ้ง!
ลมหายใจของอวิ้นเจียนเยว่ติดขัด สมองของนางว่างเปล่าไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร…
ในสมองเต็มไปด้วยความคิดที่โลดโผน แม้ว่าหัวใจจะเต้นแรง แต่นางก็ยังต้องรักษาเกียรติของปราชญ์ นางจงใจพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าจะเชื่อไหม ถ้าข้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ?”
“แน่นอน! ข้าเชื่อ!” ซูอันพยักหน้ารวดเร็ว “แต่ท่านช่วยปล่อยก่อนได้ไหม? มือท่านกำแน่นมาก ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิด…”
เส้นเลือดที่คอของเขาปูดโปน เห็นได้ชัดว่ากำลังเจ็บปวดขณะที่เอ่ยคำขออย่างระมัดระวัง
เมื่อเทียบกับมือที่เล็กและบอบบางของชิวฮัวเล่ย มือของผู้หญิงคนนี้แข็งเหมือนคีมเหล็ก กำมือของปราชญ์สามารถบดขยี้หินได้เหมือนเต้าหู้ ซูอันน้อยคงไม่มีโอกาสได้ยืนหยัดอีกครั้งแน่หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
ในที่สุดอวิ้นเจียนเยว่ก็ตั้งสติได้และชักมือกลับมาด้วยความเร็วราวสายฟ้า ใบหน้าของนางซึ่งมักจะเต็มไปด้วยความมั่นใจไร้กังวลกลับมีสีแดงก่ำผิดปกติ
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ที่โกรธจัดแล้วพูดด้วยสีหน้าสงบที่แสร้งทำว่า “ข้าได้ปลดผนึกส่วนใหญ่ให้แล้ว ส่วนที่เหลือถูกดูดซับโดยพลังลึกลับในร่างกายของเจ้า ฮึ่ม เจ้ายังดูดเอาพลังชี่ที่ข้าใส่เข้าไปในร่างกายของเจ้าเข้าไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะฮัวเล่ย ข้าคงทุบตีเจ้าจนตายไปแล้ว!”
“ขอบคุณมาก พี่สาวเจ้าสำนัก” ซูอันกล่าวด้วยความขอบคุณอย่างจริงใจ เขาไม่ได้หมดสติไปโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจึงยังมีความทรงจำที่คลุมเครือว่ากระบวนการนี้อันตรายเพียงใด ในช่วงเวลาวิกฤต วิชาเทพยุทธ์กลืนสวรรค์ภายในตัวเขาได้ดูดเอาพลังชี่บางส่วนของนางมา เขารู้สึกเสียใจสำหรับเรื่องนั้น
“พลังชี่ของทั้งเซียนปฐพีและปราชญ์จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมากเมื่อได้รับการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์” อวิ้นเจียนเยว่หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม อย่าลืมกลบเกลื่อนผนึกของจักรพรรดิ อย่างน้อยเจ้าควรเหลือเปลือกที่ว่างเปล่าของผนึกไว้ ไม่อย่างนั้นจักรพรรดิจะสามารถบอกได้ว่าเจ้าปลดผนึกออกแล้ว ข้าจะสอนวิธีตบตาให้เจ้า ต้องทำแบบนี้…”
ซูอันประหลาดใจกับความเฉลียวฉลาดของนาง “ท่านทั้งแก่และฉลาดจริง ๆ พี่สาวเจ้าสำนัก! ถ้าท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าคงแย่ไปแล้ว”
จากสิ่งที่รู้เกี่ยวกับจักรพรรดิ ถ้าเขาพบว่าผนึกที่วางไว้ในร่างกายของซูอันถูกปลดออก เขาจะใช้วิธีที่ชั่วร้ายกว่านี้อย่างแน่นอน
“แก่?” คิ้วของอวิ้นเจียนเยว่เลิกขึ้น นางอ่อนไหวต่อคำนี้มาก “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเรียนรู้เคล็ดวิชาการดูดกลืนอันชั่วร้ายนี่มาจากที่ไหน แต่จำไว้ว่าอย่าใช้มัน หรือปิดปากทุกคนที่เห็นว่าเจ้าใช้มัน หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเจ้าจะกลายเป็นศัตรูของคนทั้งโลก”
“ขอบคุณที่เตือน พี่สาวเจ้าสำนัก” ซูอันรู้ดีว่านางหมายถึงอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือระดับการบ่มเพาะ บุคคลที่สามารถดูดกลืนการบ่มเพาะของผู้อื่นและใช้มันเพื่อเสริมกำลังตนเองได้ จัดเป็นภัยคุกคามที่น่าสะพรึงกลัว และโลกจะร่วมมือกันเพื่อกำจัดบุคคลนั้น
อวิ้นเจียนเยว่พยักหน้าพอใจกับความจริงจังของเขา ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการการเตือนความจำมากนัก
จู่ ๆ นางก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ “เจ้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับสำนักศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า?”
ซูอันรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ นางถึงถามอะไรแบบนี้ “เอ่อ… ความสัมพันธ์ของข้ากับฮัวเล่ยนี่นับไหม?”
เดิมทีเขาต้องการจะบอกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์พิเศษร่วมกัน แต่ด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัยของซูอันน้อย เขาจึงตัดสินใจไม่พูดถึงเรื่องนี้
อวิ้นเจียนเยว่หรี่ตาลง
“ข้าขอถามว่า เจ้าเคยบ่มเพาะเคล็ดวิชาหลุมพรางมารสวรรค์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหรือไม่? หรือว่าผู้อาวุโสของเจ้าคนใดคนหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
นางนึกถึงแหล่งพลังที่คุ้นเคยซึ่งปรากฏขึ้นในขณะที่กำลังต่อสู้กับผนึกของจักรพรรดิ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจกับรูปแบบของพลังนั้น นางอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกมันคืออะไร?
ซูอันส่ายหัว “ข้าไม่รู้ แต่ข้าหล่ออยู่แล้ว แค่ยืนเฉย ๆ ก็เพียงพอที่จะดึงดูดผู้หญิงคนไหนก็ได้ ทำไมข้าจึงต้องบ่มเพาะเคล็ดวิชาการล่อลวงของท่าน”
อวิ้นเจียนเยว่ต่อต้านแรงกระตุ้นให้ตบเขา
เหมือนเช่นเคย ไอ้เด็กคนนี้ต้องการการเฆี่ยนตี…
แต่มันก็จริง… ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะบ่มเพาะเคล็ดวิชาหลุมพรางมารสวรรค์ เพราะปกติทุกคนที่บ่มเพาะคือผู้หญิง และภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดวิชาถูกส่งต่อไปยังสมาชิกโดยตรงเสมอ ไม่มีทางที่เคล็ดวิชาจะรั่วไหลออกไปยังคนนอก ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ที่บ่มเพาะเคล็ดวิชานี้จะต้องรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ แต่คนตรงหน้านาง…
ฮึ่ม! ใครจะรู้ว่าเขาทำเรื่องน่าขยะแขยงมากี่ครั้งแล้ว?
ขณะที่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู่ ๆ แรงสั่นสะเทือนลึกลับได้พุ่งออกมาจากภายในจิตวิญญาณของนาง ส่งผลให้มีกระแสความอบอุ่นไหลผ่านทั่วร่างกาย นางหุบขาเข้ามาชิดกันโดยไม่รู้ตัว
“มีอะไรเหรอ?” ซูอันถามอย่างกังวลเพราะสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ
อวิ้นเจียนเยว่กระโดดโหยงเหมือนกระต่ายตกใจ “ไม่มีอะไร!” นางกระโจนออกจากเขา ราวกับกลัวว่าเขาจะพยายามเข้ามาใกล้มากขึ้น
ซูอันรู้สึกสับสน ทำไมท่านมองข้าเหมือนเป็นหมาป่า? ข้าควรจะเป็นคนที่รู้สึกอับอาย! นอกจากนี้ ด้วยความแตกต่างในระดับการบ่มเพาะของเรา ข้าจะทำอะไรท่านได้บ้าง? ถ้าท่านเป็นฝ่ายทำอะไรข้า ข้าต่างหากที่ต้องไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร!
เฮ้อ… ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนั้นจริง ๆ ข้าขอแค่อย่างเดียว… ได้โปรดอ่อนโยนกับข้าด้วย…
แววตาของอวิ้นเจียนเยว่สั่นไหวหลายครั้งราวกับกำลังประสบกับความวุ่นวายภายในใจครั้งใหญ่
ใช้เวลาสักครู่ก่อนที่นางจะยืดร่างกายที่สั่นเทาให้ตรงในที่สุด “เจ้าควรปรับแต่งพลังชี่ที่เจ้าเพิ่งดูดซับ ข้าจะไปพักผ่อนก่อน”
จากนั้นร่างของนางก็หายไปจากห้อง อย่างไรก็ตาม อึดใจต่อมานางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ทางเข้า “อย่าเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ใครฟัง ถ้าข้าได้ยินแม้แต่ข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
นางหนีไปโดยไม่สนใจรอคำตอบ
ซูอันมองทางที่นางจากไปด้วยจิตใจสับสน ทำไมเสียงของนางฟังดูแปลก ๆ? นางไม่ได้ดูเย็นชา เสียงของนางสั่นเหมือนกับลูกแมวตัวน้อย… เห็นได้ชัดว่านางกำลังข่มขู่เขา แต่เขาไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามเลย…
อะแฮ่ม! เป็นไปได้อย่างไร? การบ่มเพาะของสาวโสดนั้นสูงมาก มันจะเป็นอย่างที่ข้าคิดได้อย่างไร?
นางอาจได้รับบาดเจ็บขณะช่วยข้าปลดผนึก และต้องการพักผ่อน
เขาโยนความคิดทิ้งไปและเริ่มปรับแต่งพลังชี่ในตัวเอง