เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1327
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1327
เวลาค่ำคืน เสียงดนตรีบรรเลงกันอย่างครึกครื้น
บริเวณใจกลางสระเหยา มีการร้องเพลงและร่ายรำ แขนเสื้อนางรำพลิ้วไสวราวกับสายรุ้ง และเต็มไปด้วยหญิงสาวสวยมากมาย
บนที่นั่งสูง ฉินซางต้าตี้กับพวกขุนนางนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่
ตามธรรมเนียมประเพณีของประเทศอู่อาน เก้าอี้ยิ่งมีขนาดใหญ่ สถานะก็ยิ่งสูง โดยฉินซางต้าตี้ที่อยู่ตรงกลางนั้น นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร สีเหลืองทองอร่าม ซึ่งก็แทบจะครองพื้นที่บนแท่นสูงไปว่าครึ่งแล้ว
ขุนนางก็ยึดตามลำดับขั้น จัดไล่เรียงลงมา จนมาถึงบริเวณสองด้านข้างของสระเหยาใส และบริเวณทั้งสี่ด้านยังได้จัดที่นั่งไม้จันทน์โบราณด้วย ซึ่งตรงจุดนี้ได้จัดเตรียมไว้ให้กับแขกผู้เข้าร่วมงานคนอื่น อาทิลูกหลานของสิบตระกูลใหญ่ อาทินักบู๊ที่แสดงออกอย่างโดดเด่น ในการคัดเลือกประลองยุทธ์
ใจกลางสระเหยา มีดอกบัวผลิบานหลากสี ด้านบนยังมีแสงสีทองจาง ๆ เป็นเงาร่างคน ร่ายรำไปตามสายลม
สระเหยามีขนาดใหญ่มาก พูดได้ว่าเป็นทะเลสาบขนาดเล็กก็ยังได้ ด้านบนมีศาลาตั้งอยู่ โดยมีสะพานเชื่อมต่อกัน ด้านล่าง มีปลาคราฟหลากสีว่ายน้ำไปมา แสงสะท้อนบนผิวน้ำส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
“ธิดาเทพมาถึงแล้ว! ”
เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากระยะไกล จากนั้นรถม้าคริสตัลก็ปรากฏขึ้น ในสุดสายตาของทุกคนแล้วก็หยุดจอดลง
แถบลำแสงเจ็ดสีประกอบกันเป็นเส้นทาง ตั้งต้นจากสระเหยาทอดยาวไปถึงด้านหน้าของรถม้า สองฝั่งด้านข้างมีองครักษ์เกราะทองยืนตั้งแถวเรียงกันอยู่ ชุดเกราะทองบนร่างกายนั้น ส่องแสงระยิบระยับ ไปทั่วทั้งสระเหยา ราวกับเป็นช่วงกลางวัน!
ธิดาเทพค่อย ๆ เดินออกมา จากในรถม้า
ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่ท่ามกลางสระเหยา ก็ลุกยืนขึ้น และส่งสายตามองไปที่ธิดาเทพด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ก้าวเดินอย่างช้า ๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
ธิดาเทพเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ลู่ฝานและคนอื่น ๆ ก็เดินตามกันออกมาจากรถม้า ทันใดนั้นภายในที่นั่งของตระกูลหานบริเวณด้านซ้ายของสระเหยา หานอู๋ซวงก็เบิกตาโพลงและพูดว่า: “ไอ้คนพวกนี้ ทำไมถึงได้มาพร้อมกันกับธิดาเทพได้ล่ะ! ”
ขณะนั้น คนกลุ่มหนึ่งต่างก็แอบซุบซิบนินทากันขึ้น
ฉินซางต้าตี้นั่งอยู่บนจุดสูงสุด มองเห็นทุกอย่างชัดเจน ก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า: “คือลู่ฝานอีกแล้ว ไม่นึกว่าเขาจะนั่งรถมาพร้อมกันกับธิดาเทพแห่งประเทศเป่ยเสินด้วย ช่างมีเกียรติไม่เบาเลย ตามที่ฉันมอง ต่อให้เป็นนายฉินฝาน ก็คงจะไม่มีความสามารถเช่นนี้แน่! ”
บริเวณด้านข้าง องค์ชายรองฉินฝานก็เบิกตาโพลงขึ้น โดยที่พูดอะไรไม่ออก
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฝานจะเดินทางมาพร้อมกับธิดาเทพ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่า สองคนนี้รู้จักกันมานานแล้ว
ธิดาเทพเดินไปตามเส้นทางเจ็ดสี มุ่งหน้าตรงไปยังแท่นสูง โดยเดินผ่านสระเหยาไปอย่างช้า ๆ
ลู่ฝานเดินมาได้ครึ่งทาง ก็หยุดฝีเท้าลง
แล้วก็หันไปส่งสัญญาณสายตาให้กับศิษย์พี่หานเฟิงและคนอื่น ๆ เล็กน้อย เพื่อให้พวกเขาเดินไปยังบริเวณด้านข้าง
และในขณะนี้เอง ไม่นึกว่าธิดาเทพจะหันหน้ากลับมามองไปที่พวกเขา ขยับริมฝีปากเล็กน้อย และส่งกระแสจิตให้กับลู่ฝานว่า: “คุณชายลู่ฝาน จดจำการนัดหมายของพวกเราไว้ด้วยนะ! ”
ลู่ฝานไม่พูดอะไร เดินผ่านศาลา เดินผ่านสะพาน มาถึงบริเวณจุดที่นั่งของลูกหลานตระกูลหาน
ทุกคนมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของหานอู๋ซวง จากนั้นก็กำหมัดทำการคารวะต่อฉินซางต้าตี้ เพื่อแสดงความเคารพ แล้วก็ค่อย ๆ นั่งลง
ธิดาเทพเดินขึ้นไปบนบันไดหินแท่นสูง จนมาถึงจุดบริเวณบันไดหินที่ห่างจากฉินซางต้าตี้ประมาณหนึ่งร้อยก้าว แล้วจึงหยุดฝีเท้าลง
ธิดาเทพโค้งคำนับเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า: “หานเยียนธิดาเทพหอเทวาลัย แห่งประเทศเป่ยเสิน แสดงความเคารพต่อจักรพรรดิอู่อาน! ”
ฉินซางต้าตี้พูดขึ้นว่า: “ธิดาเทพเดินทางมาจากแดนไกล ถือเป็นแขกพิเศษ เชิญนั่งลง! ”
เมื่อมีคำสั่ง เก้าอี้ขนาดใหญ่ที่แกะสลักด้วยคริสตัลก็ถูกองครักษ์เกราะทองยกออกมา บนเก้าอี้มีการแกะสลักหกสัตว์อสูรที่คุ้มครองประเทศอู่อาน สลับกับอักษรยันต์ สวยงดงามอย่างที่สุด
ธิดาเทพจึงค่อย ๆ เดินขึ้นมาข้างหน้า และนั่งลงบนเก้าอี้คริสตัลหกสัตว์อสูร เวลานี้เสียงกลองก็ดังขึ้นอย่างตื่นเต้น ฉินซางต้าตี้ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น พร้อมกับยกแก้วเหล้าที่วางอยู่บนแท่นด้านหน้า และพูดขึ้นว่า: “วันนี้ ธิดาเทพเดินทางมาจากทิศเหนือ ถือว่าเป็นเกียรติของอู่อานอย่างมาก ฉันขอดื่มคารวะธิดาเทพหนึ่งจอก”
พวกขุนนางลุกยืนขึ้น ลู่ฝานและคนอื่น ๆ ก็ลุกยืนขึ้นตามด้วย พร้อมกับยกแก้วเหล้า และตะโกนพูดว่า: “พวกเหล่าขุนนาง ก็ขอดื่มคารวะธิดาเทพหนึ่งจอกด้วย! ”
ธิดาเทพยกแก้วเหล้าขึ้น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ดื่มหมดหนึ่งจอก!
ฉินซางต้าตี้หัวเราะฮ่าฮ่า และพูดว่า: “บรรเลงดนตรี เริ่มการร่ายรำ! ”
เมื่อพูดจบ ลำแสงนับไม่ถ้วนที่อยู่กลางอากาศ ก็รวมตัวกันเป็นม่านน้ำสรวงสวรรค์ สะท้อนภาพขึ้น
นักร่ายรำรีบเดินมายังศาลาหลันซินที่อยู่ใจกลางของสระเหยา แล้วก็เริ่มต้นร่ายรำขึ้น!
การร่ายรำที่งดงาม ได้ถูกม่านน้ำสรวงสวรรค์สะท้อนภาพเงาขึ้นกลางอากาศ เพื่อให้ทุกคนเห็นกันอย่างชัดเจน
เสียงบรรเลงเพลงก็พลันไพเราะเสนาะหูขึ้น เครื่องดนตรีทั้งเครื่องสายและเครื่องเป่าเริ่มบรรเลง เสียงดังกังวานไปทั่ว มองออกได้ว่า นักบรรเลงดนตรีทุกคนในที่แห่งนี้ ต่างก็เป็นผู้ที่มีวิทยายุทธในตัวทั้งนั้น
เพลงที่บรรเลง สามารถดังก้องไปถึงขอบฟ้า ทำให้จิตใจของผู้คนรู้สึกสงบและอบอุ่นใจ
ฉินซางต้าตี้วางแก้วเหล้าลง แล้วก็ค่อย ๆ นั่งลง
ฉินซางต้าตี้หันหน้า ไปยิ้มให้กับธิดาเทพและพูดขึ้นว่า: “ธิดาเทพหอเทวาลัย กว่าที่เธอจะมาอู่อานสักรอบถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ฉันจำได้ว่า ครั้งก่อนที่ธิดาเทพหอเทวาลัยมาเยือนที่นี่นั้น น่าจะกี่ร้อยปีก่อน ตอนที่ทั้งสองประเทศเจรจาหยุดศึกสงครามนั่นแล้ว ไม่ทราบว่าครั้งนี้ที่ธิดาเทพมาเยือนนั้น มีธุระสำคัญอะไร”
ธิดาเทพอมยิ้ม และพูดขึ้นว่า: “ฝ่าบาท ครั้งนี้ที่หานเยียนมาเยือนนั้น มีธุระอยู่สองเรื่อง เรื่องแรก เป็นตัวแทนของประเทศเป่ยเสินมามอบหนังสือสมานสามัคคี”
ขณะที่พูด ธิดาเทพก็ยื่นมือที่ขาวนวลของตัวเองออกมา โดยชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังโดยตลอดนั้น ก็ได้หยิบม้วนหนังสือผนึกน้ำแข็งฉบับหนึ่งออกมาจากอ้อมอก
ธิดาเทพลูบเบา ๆ ไปบนม้วนหนังสือ ผนึกน้ำแข็งก็ละลายลง เหลือเพียงแค่แสงสีฟ้า
ฉินซางต้าตี้รับม้วนหนังสือมา ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าก็แผ่ซ่านออกมาจากภายในม้วนหนังสือนั้น ราวกับว่ามีนางฟ้าสีครามนับพันนับหมื่นคนกระโดดลอยขึ้นไปในอากาศ โดยไม่นึกว่าท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน จะปรากฏเค้าโครงอักษรสองตัวคำว่าเป่ยเสินขึ้นมาได้
ฉินซางต้าตี้เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ส่งสายตามองดูบนม้วนหนังสือ และอ่านโดยละเอียดจนจบ