เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 734
หานเฟิงมองผู้เฝ้าเมืองซ่งที่โดนพวกเขาโยนออกมาข้างนอกหายไปแล้ว
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าเราต้องระวัง อย่าให้แผนล่ม หลิงเหยา เรากลับบ้านเธอกันก่อนดีกว่า”
หลิงเหยาพูดอย่างตกใจ “ไปบ้านฉันเหรอ พวกนายรู้เหรอว่าบ้านฉันอยู่ไหน”
หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “รู้สิ ศิษย์น้องลู่ฝานยังเอาเสื้อบนหัวเตียงเธอมาดูอยู่นานเลย”
ลู่ฝานจ้องหานเฟิง พูดไร้สาระจริงๆ
หลิงเหยาหน้าแดงทันที มุดหน้ากับอกของลู่ฝาน
“พุ่งไป!”
ลู่ฝานละสายตาออกมา แล้วออกคำสั่ง ทั้งสองใช้วิชากายพุ่งออกจากห้องหนังสือ
ทันใดนั้นประตูห้องหนังสือโดนกระแทกจนแยกเป็นสอง หมอกพิษสีเขียวลอยกระจายอยู่ในสายลม!
“ยิงธนู!”
เสียงร้องด้วยความตกใจ ตอนนี้นอกห้องหนังสือมีคนล้อมอยู่อย่างหนาแน่น ทหารพร้อมอาวุธจำนวนมาก ลูกธนูพุ่งเข้ามาเหมือนฝน
เกราะเกล็ดมังกรปรากฏออกมา!
ทันใดนั้น เกราะหนาปกคลุมตัวลู่ฝานกับหลิงเหยาเอาไว้
ไฟของธาตุทั้งห้ากลายเป็นพายุเพลิงปกคลุมตัวเขา ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าโดนปัดทิ้ง โดนเผาทำลาย เขาใช้มือขวาดึงกระบี่หนักไร้คมออกมากันไว้ข้างหน้า เหมือนลู่ฝานกำลังยกโล่พุ่งออกไป ทุกที่ที่เขาผ่าน คนล้มระเนระนาด
“ลูกธนูเจาะเกราะ”
ศิษย์พี่หานเฟิงก่นด่าออกมาพลางหลบหลังลู่ฝาน โยนสองคนในมือออกไปสุดแรง
เงาคนสองคนลอยออกไป ดึงดูดพลังไฟ ลู่ฝานใช้จังหวะนี้พุ่งเข้าไปอย่างแรง
กลุ่มคนที่โดนลู่ฝานพุ่งเข้าไปฆ่า หานเฟิงซ้ำด้วยกระบี่อีก ทำให้พวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้
ลู่ฝานเหมือนเต่าเกล็ดมังกรที่โจมตีระยะประชิด ไม่มีใครหยุดเขาได้
เปลวไฟยิ่งทะลักออกมา ลู่ฝานแยกสติมาควบคุมพลังฟ้าดินรอบๆ ให้ผิดปกติ คนที่พละกำลังอ่อนแอ จะรู้สึกหายใจไม่คล่อง วิงเวียนศีรษะ
“พุ่งเข้าไป! พุ่งเข้าไป! พุ่งเข้าไป!”
ลู่ฝานพุ่งเข้าไปจนรอยเลือดเป็นทาง จากนั้นเขาเด้งตัวข้ามกำแพง
ศิษย์พี่หานเฟิงพลิกมือโจมตีด้วยกระบี่ ปราณกระบี่แผ่ซ่าน พร้อมเสียงระเบิด ทำลายการตั้งรับของทหารพวกนี้
ใช้สองมือจับสองคนที่โยนออกไป ลู่ฝานกับหานเฟิงเหมือนวิญญาณ วนเวียนอยู่ในจวนตระกูลซ่ง พวกทหารเห็นเพียงฝุ่นที่อยู่ด้านหลังพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นแทบจะไม่เห็นเงาพวกเขาเลย เห็นเพียงลูกไฟพาดผ่านไปเหมือนดาวตก ทุกที่ที่ผ่านไปล้วนไหม้เกรียม เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นในจวนตระกูลซ่งอย่างต่อเนื่อง
จากพละกำลังของพวกเขาสองคน ทหารพวกนี้ไม่มีโอกาสตามมาได้เลย
ไม่นาน ทั้งสองหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่เงา
ผู้เฝ้าเมืองซ่งที่หลบอยู่ในที่มืด ตอนนี้เขากล้าออกมาแล้ว
ผู้เฝ้าเมืองซ่งลูบคอตัวเอง พูดด้วยเสียงแหบว่า “พวกนายรีบไปดูที่คุกใต้ดิน พาซ่งจงกลับมา พลเอกเฟิงมาหรือยัง ไปเชิญมาอีก บอกให้พลเอกเฟิงรีบมา ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไร ฉันต้องฆ่าสองคนนี้ให้ได้!”
ผู้เฝ้าเมืองซ่งใกล้เสียสติแล้ว พูดตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
เห็นทหารที่โดนฆ่าศพไม่สวย ไม่มีโอกาสได้สู้กลับ
เป็นครั้งแรกที่ผู้เฝ้าเมืองซ่งรู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองไม่มั่นคงแล้ว
แต่ขณะนั้นหมอกพิษที่ลอยออกมาจากห้องหนังสือ มาถึงข้างตัวเขาอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นผู้เฝ้าเมืองซ่งรู้สึกเป็นอัมพาตไปทั้งตัว
“มีพิษ! มีพิษ!”
เสียงตะโกนครั้งสุดท้าย จากนั้นผู้เฝ้าเมืองซ่งก็ล้มลงบนพื้น
ทหารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา แบกเขาไปอย่างรวดเร็ว