เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1 แผนร้ายกลางป่า + ตอนที่ 2 ถูกส่งไปขาย
ตอนที่ 1 แผนร้ายกลางป่า
แคว้นแสงสุริยัน
เมืองอวิ๋นเยวี่ย
ภูเขาเขียวตั้งเรียงรายโอบล้อมไปด้วยเมฆหมอก ต้นไม้เขียวชอุ่มในป่าเขาต่างพลิ้วไหวท่ามกลางสายลมอันแผ่วเบา ป่าไม้ในยามเช้าตรู่ช่างดูงดงามและเงียบสงบ…
ทว่า ตอนนี้ในป่าลึกที่ห่างไกลไร้ผู้คน กลับกลายเป็นฉากหลังของความป่าเถื่อนและการนองเลือด
เด็กสาวนางหนึ่งในชุดผ้าแพรชั้นดี เวลานี้กำลังถูกชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำสองคนตรึงแขนไว้ด้านหลังแล้วกดให้คุกเข่าลง นางก้มศีรษะลงในสภาพลมหายใจรวยริน เส้นผมยุ่งเหยิงปรกตรงข้างแก้มเปียกชุ่มด้วยเลือดที่ไหลอาบบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว หยดเลือดแต่ละหยดค่อยๆ ร่วงหล่นและแทรกซึมลงสู่ผืนดิน
เมื่อเด็กสาวที่หายใจรวยรินได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ จึงกัดฟันเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าที่มีคราบเลือดปรากฏให้เห็น ใบหน้านั้นถูกทำลายจนเสียโฉม ผิวหน้าถูกมีดกรีดเป็นแผลเปิด เหวอะหวะโชกเลือด ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“เจ้าเป็นใคร? ทำไมต้องทำร้ายข้าด้วย?” เด็กสาวเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง นางฝืนประคองสติไม่ให้เป็นลมไปเพราะเสียเลือดมาก พลางจับจ้องสตรีซึ่งปิดบังใบหน้าด้วยผ้าผืนบางและมีเรือนร่างงดงามยิ่ง
สตรีที่ปิดบังใบหน้าผู้นั้นสวมกระโปรงสีฟ้าอ่อนราวผืนน้ำกับปุยเมฆ ที่เอวมีพู่สีเดียวกันห้อยอยู่ กำลังสะบัดไหวเบาๆ ตามการย่างก้าวนวยนาดของเด็กสาว ดูแล้วช่างน่ามอง
นางหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเด็กสาวที่ถูกกดให้คุกเข่าอยู่บนพื้น ก้มลงมองสาวน้อยที่ตอนนี้ใบหน้าเสียโฉม ก่อนจะกล่าวด้วยดวงตาคู่งามที่มีรอยยิ้มเยาะ “ข้าคือเฟิ่งชิงเกอ คุณหนูใหญ่แห่งจวนฮู่กั๋วกง (แม่ทัพพิทักษ์ดินแดน) เป็นแก้วตาดวงใจของแม่ทัพใหญ่เฟิ่งเซียวผู้ทรงอำนาจ นายหญิงน้อยแห่งตระกูลเฟิ่ง และผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลเฟิ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นคู่หมั้นของท่านอ๋องสามผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นแสงสุริยัน”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยและคำพูดของหญิงตรงหน้า ทำให้นางถึงกับเบิกตามองอย่างตกตะลึง “เจ้า! เจ้าเป็นใคร? เจ้าเป็นใครกันแน่! ข้าต่างหากล่ะคือเฟิ่งชิงเกอ! ข้าคือเฟิ่งชิงเกอ!” ร่างแบบบางสั่นเทาเล็กน้อย ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ดวงตานางเผยแววเหลือเชื่อ
นิ้วมือขาวเรียวค่อยๆ ดึงผ้าที่ปิดหน้าลง รูปโฉมที่สง่าและงดงามสะท้อนเข้าสู่ดวงตาของเด็กสาวบนพื้น เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเสียจนไม่อาจคุ้นเคยได้อีก นางตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ใบหน้าที่งดงามหาใดเปรียบนั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย มองใบหน้าที่ดูน่ากลัวของเด็กสาวบนพื้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซึ่งแฝงด้วยความคาดหวังรอคอยและความตื่นเต้นดีใจที่ไม่อาจหักห้ามได้ “เฟิ่งชิงเกอ ตั้งแต่วันนี้ไปข้าจะมาแทนที่ตัวตนของเจ้า ตำแหน่งของเจ้า และครอบครองทุกสิ่งที่เจ้ามีอย่างชอบธรรม ส่วนเจ้า…” เสียงนางชะงักไป ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “ด้วยความฉลาดของเจ้า ไม่สู้เจ้าลองคิดดูเองว่าข้าจะทำเช่นไรกับเจ้า?”
พอได้ฟังน้ำเสียงเดิมของคนตรงหน้า เฟิ่งชิงเกอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “รั่ว รั่วอวิ๋น? จะ เจ้าคือซูรั่วอวิ๋น!”
ซูรั่วอวิ๋นคือเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่โตมาด้วยกันกับนางตั้งแต่เล็ก และเฟิ่งชิงเกอก็เป็นคนพานางมาอยู่ที่จวนฮู่กั๋วกงจากข้างถนน ให้เป็นคู่คิดอยู่ข้างกาย เป็นสหายสนิทที่คุยได้ทุกเรื่อง และเป็นคนที่นางเห็นเป็นดั่งญาติพี่น้อง…
แต่อย่างไรนางก็นึกไม่ถึง โฉมหน้าของคนที่ทำร้ายและอยากจะแย่งชิงฐานะตำแหน่งของนางกลับกลายเป็นซูรั่วอวิ๋น…
“ทำไมกัน? ข้าดีกับเจ้าขนาดนี้ ทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?” หัวใจที่ถูกหักหลังเจ็บปวดราวถูกมีดแทง พอนึกถึงว่าใบหน้าตนเองถูกทำให้เสียโฉม ตัวตนจะถูกแทนที่ และจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ก็ทำให้ความเกลียดชังผุดขึ้นมาในหัวใจนางอย่างอดไม่ได้
“ทำไมอย่างงั้นรึ? ฮึ…แน่นอนว่าเพื่อทุกอย่างที่เจ้ามีอย่างไรเล่า ทั้งท่านปู่ท่านพ่อที่เห็นเจ้าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ และชายผู้มากพรสวรรค์ที่รักเจ้าปานจะกลืนกิน ทว่า…” ดวงตางดงามของนางโค้งยิ้มพลางมองเฟิ่งชิงเกอบนพื้น “ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของข้าแล้ว ทั้งความรักความเอ็นดูของท่านปู่ท่านพ่อ ความอ่อนโยนและความรู้สึกลึกซึ้งของพี่มู่หรง ทุกอย่างจะกลายเป็นของข้า”
……………………………………………………..
ตอนที่ 2 ถูกส่งไปขาย
นางมองเฟิ่งชิงเกอบนพื้นที่ถูกทำร้ายจนไม่เหลือสภาพด้วยความพอใจ ทว่ายังไม่หยุดแค่นั้น นางพูดต่อไปว่า “เดิมทีข้าควรฆ่าเจ้าทันทีเพื่อเลี่ยงปัญหาหลังจากนี้ และทำลายศพของเจ้าซะ จะได้ไม่มีใครหาเจอ แต่ว่า หึๆ…”
พอได้ยินเสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายเช่นนั้น ใจของเฟิ่งชิงเกอเย็นวาบ ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงราวมารร้ายดังมาอีก
“เจ้ารู้หรือไม่ ทำไมข้าถึงให้คนทำลายแค่ใบหน้าอันงดงามของเจ้า แต่กลับไม่แตะต้องผิวกายขาวๆ ของเจ้า?” นางยอบตัวลงเล็กน้อย มองประจันหน้ากับเฟิ่งชิงเกอ “นั่นเพราะว่าข้าต้องนำตัวเจ้าไปขายยังที่เลวร้ายที่สุด ที่ที่พวกผู้ชายจะไปเสพสุขกัน เชื่อข้าเถอะ ถึงใบหน้าของเจ้าจะเสียโฉมเหมือนผี แต่ผิวเนียนดั่งเนื้อหยกของเจ้าจะต้องมีคนชอบอยู่ไม่น้อย เจ้าคิดว่าอย่างไร?
อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ใบหน้าเจ้าเสียโฉมไปแล้ว ต่อให้เจ้าบอกว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนฮู่กั๋วกงก็คงไม่มีใครเชื่อ ทุกคนมีแต่จะบอกว่าเจ้าเป็นคนบ้า ถ้าเจ้าหนีหรือ หึ พลังแค่ระดับสองเช่นเจ้าน่ะไม่พอหรอก” ระหว่างพูด นางก็ยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากเฟิ่งชิงเกอ จากนั้นหัวเราะเบาๆ พลางยืนขึ้น ปัดกระโปรงพร้อมพูดว่า “เจ็ดวัน อีกเจ็ดวันหลังจากนี้ ถึงเจ้าไม่ถูกเล่นงานจนตาย ก็คงถูกพิษตายอยู่ดี”
เฟิ่งชิงเกอกัดฟัน ตะคอกไปว่า “ซูรั่วอวิ๋น ต่อให้ตายกลายเป็นผี ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าแน่!”
“หึ ตอนเป็นๆ เจ้ายังทำอะไรข้าไม่ได้ ตายกลายเป็นผีก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” นางยิ้มเยาะหยัน แล้วออกคำสั่งไป “นำตัวมันไป ส่งไปขายแล้วอย่าให้เหลือร่องรอย ถ้าจะให้ดีก็ฆ่าปิดปากคนที่มารับต่อเสีย”
“ขอรับ!” ชายกำยำทั้งสองตอบรับอย่างเคารพ ฟันฝ่ามือลงไป จากนั้นแบกร่างเฟิ่งชิงเกอที่ปางตายขึ้นบ่า กระโดดสองสามครั้งก็หายเข้าไปในป่าลึก
ตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนชุดสีดำซึ่งยืนอยู่ด้านหลังซูรั่วอวิ๋นอยู่ตลอดก็ก้าวขึ้นมา “คุณหนู เวลาค่ำแล้ว จะกลับจวนก่อนหรือไม่ขอรับ?”
“อืม ต้องกลับแล้วละ” นางผุดยิ้มอ่อนโยน มองไปยังท้องฟ้าพลางพูดเสียงเบา “ตั้งแต่นี้ไป ข้าคือเฟิ่งชิงเกอ และเฟิ่งชิงเกอก็คือข้า”
ค่ำคืนในอีกสองวันให้หลัง หอสุคนธรส เขตเมืองแจ่มกระจ่าง
พอได้กลิ่นหอมหวน เฟิ่งชิงเกอที่หมดสติอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สมองยังไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ จนกระทั่งนางได้ยินเสียงดังจิ๊จ๊ะแปลกๆ และรู้สึกว่าแขนของตัวเองกำลังถูกมือคู่หนึ่งสัมผัสลูบไล้ จึงตกใจร้องเสียงหลง พลิกตัวกลิ้งตกเตียงไป
“ฮี่ๆ ตื่นแล้วหรือ? ตื่นแล้วก็ดี ข้าไม่ชอบทำอะไรกับปลาตาย ข้าชอบแบบดุเดือดคึกคัก นั่นสิถึงจะเลิศรส” ดวงตาของชายอัปลักษณ์อายุราวสามสิบกำลังหรี่มองเฟิ่งชิงเกอที่กลิ้งตกพื้นแล้วถดตัวไปด้านข้าง ในดวงตามีแต่ความตื่นเต้น “ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าวันนี้จะมีของดีขนาดนี้มาถึงมือข้า ถึงหน้าจะเสียโฉม แต่ผิวขาวเนียนเช่นนี้ จิ๊ๆ งามไม่แพ้พวกคุณหนูตระกูลใหญ่เลย”
เฟิ่งชิงเกอถดตัวถอยห่าง ในดวงตานางมีความตื่นตระหนกที่ยากจะปิดบัง “เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!” นางลุกขึ้นวิ่งไปยังประตูห้องทันใด ทว่าวิ่งได้เพียงสองก้าวก็ถูกชายผู้นั้นกอดเอาไว้
“คิดจะหนีหรือ เหอะๆ เข้ามาในห้องนี้แล้ว คิดว่าเจ้าจะหนีพ้นรึ? มาเถอะ ให้ข้าได้เชยชมผิวกายขาวๆ ของเจ้าหน่อย” ชายผู้นั้นยิ้มระรี้ระริก ยื่นมือไปฉีกแขนเสื้อตัวบางบนร่างนางออก ทันใดนั้นต้นแขนขาวๆ ก็สะท้อนสู่สายตา ทำให้ดวงตาของเขามีประกายตื่นเต้นที่รุ่มร้อนฉายขึ้นมา
“อ๊ะ!” เฟิ่งชิงเกอร้องเสียงหลง ความรู้สึกรังเกียจที่ถูกชายผู้นั้นกอดรัดไว้ทำให้นางขนลุกชันทั้งตัว ขณะที่มือกำลังผลักไสก็คลำเจอมีดสั้นเล่มหนึ่งข้างเอวเขา นางดึงมีดออกมาอย่างไม่ลังเลสักนิด แล้วแทงไปที่หัวใจของชายผู้นั้น
“อั่ก! นางสารเลว!” ชายผู้นั้นกำลังคิดจะทำมิดีมิร้าย จึงหลบไม่ทันในชั่วขณะนั้น หน้าอกถูกฟันเป็นรอยเลือดทางหนึ่ง รู้สึกเจ็บเสียจนเขาต้องผลักร่างเฟิ่งชิงเกอออกไป
“กรี๊ด!”
ผัวะ!
ศีรษะนางชนเข้ากับหัวมุมเตียง เลือดสดๆ ทะลักออกมาราวน้ำพุ นางคิดจะลองลุกยืนขึ้น กลับเซไปมาเล็กน้อยก่อนจะล้มคว่ำลงกับพื้นและหมดสติไป…