เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1039 ยกหินทับเท้าตนเอง + ตอนที่ 1040 รอท่านตั้งนาน
ตอนที่ 1039 ยกหินทับเท้าตนเอง + ตอนที่ 1040 รอท่านตั้งนาน
ตอนที่ 1039 ยกหินทับเท้าตนเอง
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ สองสามีภรรยาตกใจไปพักหนึ่ง จากนั้นใบหน้าก็เผยความประหลาดใจระคนยินดี “โอ้? เจ้าจะมีเพื่อนมา? เป็นเพื่อนที่ไหน? ทำไมไม่เคยได้ยินเจ้าเอ่ยถึงเลย?”
พวกเขารู้ดี เจ้าลูกชายคนนี้เหมือนจะไม่เคยคบเพื่อนสักคน และไม่เคยบอกว่ามีเพื่อนอะไรต่อหน้าพวกเขา เพื่อนที่มาหาถึงบ้านเช่นนี้ยิ่งน้อย ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยิน ในใจของทั้งสองจึงประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
ที่แท้ลูกชายของพวกเขาก็ยังมีเพื่อนด้วย!
ลั่วเฟยเห็นสีหน้าของบิดามารดาตัวเอง มุมปากก็กระตุก พลันคิดว่าพูดเช่นนี้คล้ายจะไม่ดีสักเท่าไร? หากทั้งสองท่านสนใจขึ้นมาลั่วฮูหยินแล้วคิดจะอยู่ต่อช่วยเขารับรองเพื่อน เช่นนั้น…
ลั่วฮูหยินมองเขาอย่างไม่เห็นด้วย “เจ้าเด็กนี่จริงๆ เลย มีเพื่อนมาทำไมยังให้พ่อแม่ออกไปอีก แขกจะคิดอย่างไร? อีกอย่าง เด็กน้อยที่โตแค่นี้อย่างเจ้าเข้าใจหรือว่าจะรับรองแขกเช่นไร? ให้พวกเราอยู่ช่วยเจ้าดูแลหน่อยดีกว่า เจ้าวางใจเถอะ จะไม่ทำให้เพื่อนเจ้ารู้สึกขัดเขินหรอก”
ผู้นำตระกูลลั่วพยักหน้าตาม กล่าวว่า “ถูกต้องๆ พ่อเจ้าก็อยากใช้โอกาสนี้พบเพื่อนๆ ของเจ้าเสียหน่อย คนที่คบเจ้าเป็นเพื่อนได้ เชื่อว่าต้องโดดเด่นมากแน่ๆ พวกเราจะละเลยพวกเขาไม่ได้”
ลั่วเฟยได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็รักษาไว้ไม่ไหวอีก มุมปากของเขากระตุก บนหน้าผากปรากฏเงาดำหลายเส้น ยามมองบิดามารดาที่กำลังปรึกษากันอย่างตื่นเต้นว่าจะต้อนรับแขกอย่างไร เขาพลันมีความรู้สึกว่ายกก้อนหินมาทับเท้าตนเอง
“เรื่องนั้น ท่านพ่อ ท่านแม่ อันที่จริงข้าเองทำได้…”
ไม่รอเขาเอ่ยจบ ผู้นำตระกูลลั่วก็ถลึงตาและสั่งสอน “ทำได้อะไรกัน เด็กไม่เอาไหนอย่างเจ้ามีความสามารถเท่าไรพ่อเจ้าจะไม่รู้หรือ ให้เจ้าก่อเรื่องวางอุบายน่ะได้ แต่ให้เจ้ารับรองแขก? เจ้าทำได้หรือ?”
“ข้าทำได้ขอรับ!”
ทำไมเขาจะไม่ได้? อีกอย่างเดิมทีเขาคิดใช้แผนร้าย เพราะมีพ่อแม่อยู่จัดการไม่สะดวก จึงหาทางหลอกให้พวกเขาออกไป ใครจะรู้ว่าพวกเขากลับไม่หลงกล นึกไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนท่าทีบอกจะอยู่ต่อช่วยเขาต้อนรับแขก
“เอาละ ตกลงตามนี้ พ่อแม่จะอยู่ช่วยเจ้ารับรองแขก เจ้าวางใจได้ มีพวกเราอยู่สิถึงจะไม่เสียมารยาท มิเช่นนั้นเพื่อนของเจ้ามาแล้วเห็นเจ้าบ้านหลบออกไปกันหมด เช่นนี้จะได้อย่างไร?” ลั่วฮูหยินกล่าว ยิ้มถามว่า “มา เล่าให้แม่ฟังหน่อย เพื่อนที่มาหาเจ้ามีกี่คน พวกเขาจะมาถึงเมื่อไร แม่จะให้คนเตรียมการอย่างดี!”
นึกไม่ถึงว่าจะเห็นลูกชายทำหน้าลำบากใจและรังเกียจ ผู้นำตระกูลลั่วที่โกรธจัดถีบเข้าไปทีหนึ่งทันที ด่าทออย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าเด็กนี่ตัวอยู่ในความสุขกลับไม่รู้ค่า คนอื่นจะหวังให้พ่อแม่มาช่วยต้อนรับแขกยังหวังไม่ได้ นี่เจ้ากลับรังเกียจอีก”
“เปล่านะขอรับ” ลั่วเฟยรีบหลบไป มองบิดาของตนอย่างน้อยใจ ไม่นึกว่ามารดาก็ไม่ช่วยเขาเช่นกัน
“เฟยเอ๋อร์ เล่าให้พวกเราฟังเร็วเข้า เพื่อนของเจ้าจะมาถึงเมื่อไร ต้องให้พวกเราส่งคนไปรับหรือไม่ พวกเขาไม่เคยมาบ้านเรากลัวว่าจะไม่รู้ทาง เช่นนี้แล้วกัน! เจ้าพาคนไปรอตรงประตูเมืองแล้วรับพวกเขามาบ้าน”
“ท่านแม่…”
“เชื่อฟังแม่ ไปเถอะ!” นางให้สัญญาณ ใบหน้าอมยิ้มมองไปยังผู้นำตระกูลลั่ว “หายากที่เฟยเอ๋อร์จะมีเพื่อนมาหา พวกเราเสียมารยาทไม่ได้ ข้าจะไปเตรียมการ ให้คนเก็บกวาดห้องรับรองสักสองสามห้องก่อนนะเจ้าคะ”
“ดี ไปเถอะ!”
ผู้นำตระกูลลั่วโบกๆ มือ เห็นลูกชายยังยืนตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่สมัครใจ ก็ถลึงตาทันควัน “จะนิ่งทำไม? ไม่ได้ยินคำพูดของแม่เจ้าหรือ”
………………………………………………….
ตอนที่ 1040 รอท่านตั้งนาน
ลั่วเฟยขยับริมฝีปาก กลับได้แต่ถอนใจอย่างจนปัญญา สำหรับพ่อแม่ของเขา เขาทำได้เพียงปฏิบัติตามจริงๆ ดังนั้นจึงบอกพวกเขาว่าน่าจะมาถึงตอนเย็น จากนั้นกลับไปก่อน วางแผนว่ากลับไปแล้วค่อยคิดหาวิธีอีกที
ทางนี้ ผู้นำตระกูลลั่วกับฮูหยินเบิกบานใจ รู้ว่าตอนเย็นแขกจะมากันแล้ว ก็เร่งจัดเตรียมเรื่องงานเลี้ยง อันที่จริงเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าลูกชายมีเพื่อนน้อย เมื่อได้ยินว่าจะมีเพื่อนมาหาเขาจึงตื่นเต้นดีใจเช่นนี้
การคบหาเพื่อนมีอิทธิพลต่อตนเองมากนัก คบเพื่อนดีจะได้เรียนรู้อะไรดีๆ หากคบเพื่อนที่เสเพลและมุทะลุเกินไป ก็จะเรียนรู้อะไรแย่ๆ ตามไปด้วย ฉะนั้นพวกเขาจึงหวังว่าคราวนี้เพื่อนเขามาเยือนบ้าน จะได้ตรวจสอบให้ลูกชายเสียหน่อย ดูว่าคนที่เขาคบหาเป็นเพื่อนเช่นไร
หากเป็นเพื่อนที่ประพฤติมิชอบ นิสัยสุดโต่ง คุณสมบัติประจำตัวไม่ดี พวกเขาในฐานะพ่อแม่ย่อมตัดขาดสัมพันธ์กับเพื่อนเช่นนี้เพื่อเขา หากเป็นอีกฝ่ายเป็นคนกิริยาสุภาพและซื่อตรง ก็จะให้ลูกชายตนเองพบปะพวกเขาให้มากเข้าไว้ เพื่อเรียนรู้เรื่องดีๆ จากพวกเขา
เด็กวัยเยาว์กำลังอยู่ในช่วงมีความคิดต่อต้าน หลายครั้งไปคบหาคนไม่ดีจะเรียนรู้อะไรแย่ๆ มาและนอกลู่นอกทางได้ง่ายมาก พวกเขาซึ่งเป็นพ่อแม่จะไม่ทำร้ายลูกชายของตนเอง มีแต่จะเป็นห่วงเขา
กระทั่งถึงช่วงเย็น ผู้อารักขายังไม่รายงานว่าแขกมาถึงนอกประตูเมือง ท่านพ่อลั่วท่านแม่ลั่วก็เซ้าซี้ให้ลั่วเฟยออกไปรอแล้ว เขาจึงจำใจพาคนมารอที่นอกประตูเมืองอย่างช่วยไม่ได้
ลั่วเฟยที่นั่งบนก้อนหินมองไปมาอย่างเบื่อหน่ายยิ่ง มุมปากคาบหญ้าหางสุนัขไว้ เห็นคนเข้าเมืองมามากมายเพียงนี้ คนที่รอกลับยังไม่มา ก็อดไม่ได้ลุกขึ้นเตะก้อนหิน
“ถึงตอนนี้ยังไม่มาอีก? บอกว่าตอนเย็นไม่ใช่หรือ ให้ข้ารอตรงนี้ตั้งนาน หน้าใหญ่เกินไปแล้ว”
“คุณชาย มาแล้วคุณชาย มาแล้วขอรับ” ผู้อารักขาคนหนึ่งตะโกนบอก พร้อมชี้สองสามคนเบื้องหน้าที่เดินมาจากไม่ไกล
ลั่วเฟยได้ยินคำพูดนี้ก็มองทางผู้มาใหม่ เห็นร่างสีแดงพาสามคนหนึ่งสัตว์เลี้ยงเดินมาทางนี้ตามคาด หลังจากสายตาของเขามองผ่านร่างสามคนนั้น ก็หยุดลงที่ตัวเด็กหนุ่มชุดแดงแพรวพราว ในดวงตาเผยความประหลาดใจแวบหนึ่ง
เจ้าเด็กนี่เป็นอาจารย์หรือ? สถานที่อย่างสำนักศึกษาหกดารา นึกไม่ถึงว่าจะมีคนโดดเด่นเช่นนี้ด้วย?
เล่ากันว่าเขาทำให้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักศึกษาสองดาราวุ่นวายไปหมด หนำซ้ำยังบรรลุเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง จิ๊ๆ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดปี พรสวรรค์เช่นนี้ก็ร้ายกาจจริงๆ หากอยากหาสักคนในหมู่อัจฉริยะแคว้นระดับสองของพวกเขามาเทียบด้วยยังยาก
เพ้ยๆๆ!
หาคนมาเทียบเขายากอะไรกัน? แค่เจ้าเด็กจากแคว้นระดับหกคนหนึ่ง เขาไม่เห็นเฟิ่งจิ่วในสายตา
เขาพลันเกิดความคิดหนึ่ง ฉีกยิ้มทันควัน เผยรอยยิ้มยินดีเข้าไปต้อนรับพวกเขา
เมื่อพวกต้วนเยี่ยทั้งสามเห็นเด็กหนุ่มที่เดินมาคนนั้นก็ล้วนแปลกใจ นี่เจ้าเด็กลั่วเฟยไม่ใช่หรือ เขารู้ได้อย่างไรว่าพวกตนจะมา ไม่นึกว่าจะมารอพวกเขาตรงนี้?
ส่วนเฟิ่งจิ่วก็มองลั่วเฟยแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายประกายจาง บนใบหน้ากลับไม่มีสีหน้าคาดไม่ถึงอะไร เทียบกับพวกต้วนเยี่ยแล้ว เธอรู้ว่าตลอดทางมานี้มีคนกำลังจับตามองพวกเขา เดิมทีก็กำลังคิดอยู่ว่าเป็นใคร! แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คงเป็นจิ้งจอกน้อยลั่วเฟยตัวนี้เอง
“ท่านอาจารย์เฟิ่ง ข้ารอท่านตั้งนาน และแล้วท่านก็มา” ลั่วเฟยเข้าไปต้อนรับด้วยสีหน้ากระตือรือร้น เดินมายังเบื้องหน้าของเฟิ่งจิ่ว
………………………………………………….