เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1047 ใส่ถุงกระสอบแบกไป + ตอนที่ 1048 ขโมยมังกรแล้วเปลี่ยนเป็นหงส์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1047 ใส่ถุงกระสอบแบกไป + ตอนที่ 1048 ขโมยมังกรแล้วเปลี่ยนเป็นหงส์
ตอนที่ 1047 ใส่ถุงกระสอบแบกไป + ตอนที่ 1048 ขโมยมังกรแล้วเปลี่ยนเป็นหงส์
ตอนที่ 1047 ใส่ถุงกระสอบแบกไป
หลังจากผู้ฝึกตนสองคนนั้นขานรับและจากไป ลั่วเฟยถึงโบกๆ มือ “ออกไปเถอะ! อย่ามารบกวน ข้าจะนอนถึงพรุ่งนี้เช้าฟ้าสว่างค่อยไปชมเรื่องสนุก”
กล่าวแล้วก็หมุนตัวเข้าห้องไป ขณะจะปิดประตูห้องเหมือนนึกอะไรได้ จึงหันกลับไปหัวเราะ “หากพรุ่งนี้ข้ายังไม่ตื่น หากพวกเขาตามหาเจ้าคนชุดแดง พวกเจ้าบอกพวกเขาไปว่าเมื่อคืนเขารู้สึกหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว บอกว่าจะไปเดินเล่นโรงค้าเด็กหนุ่ม เข้าใจหรือยัง?”
เด็กรับใช้ขานรับพร้อมยิ้มระรื่น “คุณชายวางใจเถอะ ข้าน้อยทราบดี”
“อืม” ลั่วเฟยถึงจะเข้าห้องไปอย่างพอใจยิ่ง ฮัมเพลงพลางเดินไปยังเตียงนอน ทว่ายังไม่ทันนอนลงบนเตียง เบื้องหน้าก็ดับวูบ ร่างกายหมดสติล้มลงไป
ร่างสีแดงรับเขาไว้ แล้วแวบกายพากลับไปยังห้องของตนเอง…
ภายในห้องรับรองแขก เฟิ่งจิ่วในชุดแดงซวนเซเล็กน้อย ก่อนจะรินน้ำดื่ม หลังจากปิดหน้าต่างถึงค่อยดับไฟภายในห้อง โซซัดโซเซไปขึ้นเตียง
ผู้ฝึกตนสองคนที่มองอยู่ด้านนอกสักพักเห็นเช่นนั้นก็มองหน้ากัน เห็นว่าไม่ผิดคน รอจนภายในห้องเงียบไร้การเคลื่อนไหว ถึงจะเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบ แทรกซึมไปในความมืด เมื่อมาถึงห้องด้านใน คนหนึ่งก็เปิดผ้าห่ม อีกคนคลุมถุงกระสอบลงไปยังคนบนเตียงทันที ด้วยกลัวว่าจะเสียงดังทำให้คนอื่นแตกตื่น จึงสับฝ่ามือบนหลังคอคนคนนั้นให้สลบแล้วจึงแบกออกไป
ผู้ฝึกตนสองคนไม่เห็นว่า หลังจากพวกเขาออกจากห้องไปเงียบๆ ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากมุมมืดในห้อง กำลังจ้องมองคนที่โดนคลุมถุงกระสอบแบกไปอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เฟิ่งจิ่วหาวหวอดและนวดคอ จากนั้นจึงเอนกายนอนบนเตียง ครั้งนี้ในที่สุดก็นอนหลับอย่างสบายใจได้แล้ว ส่วนที่ว่าลั่วเฟยที่โดนแบกไปคืนนี้จะเจออะไรบ้าง? เหอะๆ เธอไม่สนใจหรอก
ต้วนเยี่ยหนิงหลางรวมถึงซ่งหมิงทั้งสามคนรู้ว่าคืนนี้จะไม่สงบตั้งแต่ตอนงานเลี้ยงแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงแสร้งเมาและรอคอย ดูว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เดิมทีพวกเขาพักเรือนเดียวกับเฟิ่งจิ่ว แค่อยู่คนละห้องกันเท่านั้น พวกเขาที่เป่าดับไฟแล้วจึงมารวมกันในห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องมืดสนิทเห็นผู้ฝึกตนสองคนอาศัยความมืดเข้าห้องของเฟิ่งจิ่ว ไม่นานนักก็เห็นพวกเขาแบกถุงกระสอบใบหนึ่งออกมา คนทั้งสามมองหน้ากันโดยทันที
“จับใส่ถุงกระสอบแบกไป?” หนิงหลางถามด้วยความตะลึง
ซ่งหมิงลูบๆ คาง “เฟิ่งจิ่วไม่น่าหลงกลง่ายดายเพียงนั้น! เรื่องที่แม้แต่พวกเรายังมองออก เขาไม่น่าจะมองไม่ออก”
“ใช่ หนำซ้ำพวกเจ้าไม่สังเกตหรือ อสูรน้อยกลืนเมฆาตัวนั้นตั้งแต่กลับมายังไม่เห็นเลย ไม่รู้ไปเดินเล่นที่ไหน”
“จริงด้วย ความรู้สึกเช่นนี้คล้ายกับว่า…” หนิงหลางขบคิด ลูบๆ ศีรษะแล้วพลันตบหน้าขา “ใช่แล้ว! เหมือนครั้งก่อนที่เขาขุดหลุมพรางให้ข้ากระโดดลงไปเลย!”
ต้วนเยี่ยได้ยินก็เหลือบมองเขา “เจ้าขุดหลุมเองกระโดดลงไปเอง เขาขุดหลุมพรางให้เจ้าเสียที่ไหน? อีกอย่างสติปัญญาอย่างเจ้า เขาไม่จำเป็นต้องใช้หลุมพรางเลยด้วยซ้ำ”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ หนิงหลางไม่พอใจ “สติปัญญาอย่างข้าอะไรกัน? สติปัญญาของข้าเป็นถึงมันสมองค้าขายหาเงิน ถึงเจ้าต้องการก็ยังไม่มีเลย!”
ซ่งหมิงเห็นทั้งสองทะเลาะกันก็ลูบๆ หน้าผากอย่างจนปัญญาเล็กน้อย เอ่ยว่า “พอได้แล้ว พวกเจ้าสองคนทะเลาะอะไรกัน? เรื่องในตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าว่า คนที่โดนแบกไปคือเฟิ่งจิ่วหรือไม่?”
ทั้งสองได้ยินสิ่งที่พูดก็เงียบกันไปหมด พวกเขาก็ไม่รู้ว่าคนที่โดนใส่ถุงกระสอบแบกไปเป็นเฟิ่งจิ่วหรือไม่!
………………………………………………….
ตอนที่ 1048 ขโมยมังกรแล้วเปลี่ยนเป็นหงส์
หลังเงียบไปพักหนึ่ง หนิงหลางบอกว่า “ข้าคิดว่าไม่น่าใช่เขา เฟิ่งจิ่วเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ เขาหลอกคนยังได้ จะโดนคนอื่นหลอกง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่?”
“เช่นนั้นไม่ใช่เขา แล้วจะเป็นใครได้? แม้คนคนนั้นอยู่ในถุงกระสอบ ก็ยังมองออกได้ว่าเป็นคนไม่ใช่สิ่งของอื่นใด!” ซ่งหมิงเอ่ยไปแล้วคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ ใบหน้าเผยความตะลึง ขณะกำลังจะพูดออกไป ต้วนเยี่ยข้างกายก็เอ่ยปากเสียแล้ว
“หากคนคนนั้นไม่ใช่เฟิ่งจิ่ว เช่นนั้นก็เป็นลั่วเฟย!”
ครั้นเอ่ยออกไปเช่นนี้ ทั้งสามคนอดสูดลมหายใจเย็นและเบิกตาโตไม่ได้ “สวรรค์! คงไม่ใช่ลั่วเฟยจริงๆ กระมัง?”
ทันใดนั้น สามคนหกตาก็จับจ้องในห้องที่มืดสนิทด้วยสีหน้ายากจะเชื่อ หากคนคนนี้คือลั่วเฟย เช่นนั้นทำไมเฟิ่งจิ่วถึงรู้ได้ว่าลั่วเฟยจะให้คนมาแบกเขาไป?
หรือว่าหลังจากเขากลับห้องจะไปที่ห้องของลั่วเฟย จึงได้ยินคำพูดของลั่วเฟยเข้า? จากนั้นค่อยทำให้ลั่วเฟยสลบและพากลับมา แล้วจัดการขโมยมังกรเปลี่ยนเป็นหงส์ทันที?
แต่จะเป็นไปได้หรือ? แม้เฟิ่งจิ่วมีวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง แต่คนในจวนตระกูลลั่วก็พละกำลังแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเช่นกัน! หากบอกว่าเขาไปมาในนี้ด้วยตนเองอย่างอิสระพวกเขายังเชื่อได้ ถึงอย่างไรแต่เดิมท่าร่างของเขาก็แปลกและน่าอัศจรรย์ยิ่ง ถ้าจะพาคนคนหนึ่งไป ซ้ำยังต้องหลีกเลี่ยงสายตาขององครักษ์ลับในจวน นั่นก็ไม่ธรรมดาแล้ว
นอกจากนั้น…
เมื่อคิดว่าเป็นไปได้ว่าลั่วเฟยจะโดนเฟิ่งจิ่วสับเปลี่ยนตัวจริงๆ สีหน้าของทั้งสามคนก็แปลกพิกลอย่างอดไม่อยู่
“พวกเจ้าว่าพวกเขาจะแบกคนไปไหน?” หนิงหลางเอ่ยถามอย่างสงสัย ในดวงตาเผยความตื่นเต้น “จะโดนแบกไปขายหรือไม่?”
ต้วนเยี่ยมองพวกเขาสองคน กล่าวว่า “ตอนนี้ยังไปไม่ไกล พวกเราตามไปดูเสียหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”
เมื่อเขาเอ่ยไปเช่นนี้ หนิงหลางกับซ่งหมิงดวงตาเป็นประกาย เห็นด้วยในทันที “ได้ ตามไปดูหน่อย ไปเถอะ” ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงออกจากห้องไปเงียบๆ ตามหลังสามคนนั้นไป…
ในยามนี้เอง ผู้ฝึกตนสองคนที่แบกถุงกระสอบพาคนออกไปกลางค่ำคืนยังไม่รู้ว่าพลาดจับผิดคน หรือจะบอกว่าไม่รู้เลยว่าคนที่ต้องจับถูกสับเปลี่ยนเป็นคุณชายของพวกตนตั้งแต่แรกแล้ว
“จะไปไหนกัน ดึกดื่นยังไปทางเล็กๆ อีก”
สามคนด้านหลังตามอยู่ห่างๆ เลี่ยงไม่ให้โดนสังเกตเห็น สองคนข้างหน้าแบกถุงกระสอบเดินไปตลอด จนกระทั่งมาถึงสถานที่หนึ่งถึงแวบร่างเข้าไป คนทั้งสามแนบชิดกำแพง เมื่อเห็นอักษรที่เขียนตรงสถานที่นั้นก็พลันอ้าปากค้าง ตะลึงไปเล็กน้อย
“ไม่ใช่กระมัง นี่ส่งมาโรงค้าเด็กหนุ่มหรือ”
ทั้งสามมองหน้ากัน สีหน้าแปลกพิลึก “เป็นลั่วเฟยแน่ๆ”
“เข้าไปดูกันหน่อยไหม?” ต้วนเยี่ยมองอีกสองคนพลางเอ่ยถาม
“ไปสิ” สิ้นเสียง พวกเขาตรงไปข้างหน้าพร้อมกัน จนมาถึงด้านในอย่างเงียบๆ เห็นว่าผู้ฝึกตนสองคนนั้นหมุนตัวออกไปพอดี จึงมาที่หน้าต่างห้อง และมองไปด้านในผ่านรอยแยกเล็กๆ ของหน้าต่าง
แม่เล้าอายุสามสิบกว่าด้านในให้สัญญาณ “เปิดถุงซิ ข้าจะดูเสียหน่อยว่าสินค้าที่ไม่ต้องการเงินหน้าตาเป็นเช่นไร”
“ขอรับ” สองชายฉกรรจ์ขานรับแล้วเปิดถุงกระสอบ เผยให้เห็นเด็กหนุ่มที่หมดสติอยู่ด้านใน
เมื่อทั้งสามคนนอกหน้าต่างเห็นคนที่สลบไป แท้ที่จริงในใจยังยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นอยู่บ้าง
แม้เดาได้แต่แรกว่าคนในถุงกระสอบคือลั่วเฟย แต่พอเห็นเขาคิดจะจัดการเฟิ่งจิ่ว สุดท้ายกลับโดนคนเจ้าแผนการโต้กลับ ก็เห็นใจอย่างยิ่งจริงๆ
เวลานี้พวกเขาสงสัยยิ่งนัก ลั่วเฟยที่รู้สึกตัวขึ้นมาจะฝังใจมากสักเพียงใด?
………………………………………………….