เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1057 หน้าผาขวางกั้น + ตอนที่ 1058 คุมอำนาจตรงหน้าผา
ตอนที่ 1057 หน้าผาขวางกั้น + ตอนที่ 1058 คุมอำนาจตรงหน้าผา
ตอนที่ 1057 หน้าผาขวางกั้น
“พวกเราไปทางข้างบน” สายตาของเฟิ่งจิ่วหยุดบนกิ่งไม้พวกนั้น กล่าวว่า “พุ่งไปตามกิ่งไม้ ความเร็วไปข้างหน้าจะไวมากๆ” สิ้นเสียงก็เห็นเธอเขย่งปลายเท้ากระโดดไปเบาๆ มาหยุดบนกิ่งไม้หนึ่ง แล้วมองยังคนอื่นด้านล่าง
พวกเขาเห็นท่าทางก็เขย่งปลายเท้ากระโดดตามไป แม้แต่อสูรกลืนเมฆายังตามไปข้างกายพวกเขา เลียนแบบพวกเขาพุ่งไปตามกิ่งไม้พวกนั้น
เป็นอย่างเฟิ่งจิ่วว่า พุ่งไปตามกิ่งไม้ความเร็วจะไวกว่า ไม่ต้องคอยหลบพืชหญ้าด้านล่าง ไม่ต้องระวังสำรวจเส้นทาง หนำซ้ำยังใช้แรงดีดของกิ่งไม้มากระโดดได้ อีกทั้งพวกเขาไม่ใช่กองทหารใหญ่โต แต่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ห้าคน ก็เหมาะกับวิธีพุ่งไปเช่นนี้จริงๆ
ท่ามกลางป่าไม้ร่างสีแดงนำทางไปด้านหน้า สี่คนหนึ่งอสูรข้างหลังตามมาติดๆ พุ่งไปอย่างสบายๆ ความเร็วไวกว่าคนที่เดินเท้าพวกนั้นมากนัก
ตอนจะใกล้เที่ยงวันพวกเขาทะลุผ่านป่าไป มายังเชิงเขาของเทือกเขาอเวจี แต่เมื่อมาถึงที่นี่หัวใจกลับหยุดนิ่ง แล้วหวั่นๆ ใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ดูท่าที่นี่จะไม่เลวเลย แต่ทำไมถึงมีผู้ฝึกตนอยู่มากมายเพียงนี้? หนำซ้ำสถานที่เช่นนี้ พวกเราจะเข้าไปอย่างไร?” หนิงหลางเห็นเหล่าผู้ฝึกตนข้างหน้าที่บ้างนั่ง บ้านยืน บ้างเอนกายพักผ่อนบนกิ่งไม้ ก็กลืนน้ำลายทันที
แทบทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ คนตรงนั้นก็มองมาทางพวกเขา ดวงตาแต่ละคู่พินิจมองอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนกำลังประเมินพละกำลังของพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกหนังศีรษะด้านชาอย่างอดไม่ได้ มีความรู้สึกราวกับถูกหมาป่าหิวโหยจ้องมอง
ผู้ฝึกตนพวกนั้นเหมือนจะเป็นผู้ฝึกตนไร้สำนักเสียส่วนใหญ่ นอกจากผู้ฝึกตนไร้สำนักยังมีเหล่าอันธพาลไอสังหารทั่วร่าง คล้ายเป็นพวกเดนตาย หนำซ้ำในหมู่คนพวกนี้ยังมีบางคนเป็นผู้ฝึกวิชามาร ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน
แต่เป็นสิบกว่าคนรวมกลุ่มครองไปหนึ่งฝั่ง นอกนั้นยังมีบางคนคล้ายเป็นกองกำลังที่รวบรวมจากตระกูล มีมากประมาณห้าสิบหกสิบคน อายุต่ำสุดโดยเฉลี่ยยังอายุยี่สิบสามสิบ หนำซ้ำนอกจากกำลังของหัวหน้าจะอยู่ระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด พละกำลังของคนที่เหลือทั่วไปยังอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นกลางขึ้นไป
ลำพังคนพวกนี้ดูท่าทาง พวกเขาห้าคนปรากฏตัวที่นี่ เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าดูแปลกมากอย่างเห็นได้ชัด มิน่าเพียงพวกเขาปรากฏตัว ดวงตาแต่ละคู่ถึงจ้องพินิจมองพวกเขาห้าคนหนึ่งอสูร
เด็กหนุ่มอายุสิบกว่า วรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน หนำซ้ำยังมีแค่ห้าคน มายังสถานที่เช่นนี้แทบพูดได้ว่าเข้ามาตาย
นอกจากหนิงหลางจะอึดอัดในใจภายใต้สายตาพินิจมองของคนพวกนั้น ภายใต้สายตาพินิจมองจากคนมากมายเพียงนั้นสีหน้าของคนอื่นๆ กลับไม่เปลี่ยนไป หลังจากพวกเขาใช้สายตามองผ่านคนพวกนั้น สายตาก็หยุดตรงหน้าผากว้างสามสิบจั้งเบื้องหน้า
ขอบหน้าผาของป่าฝั่งนี้แยกออกมาจากชายขอบตรงเทือกเขาอีกฝั่งหนึ่ง เป็นเทือกเขากว้างเกือบสามสิบจั้ง สองฝั่งของหน้าผาไม่มีอะไรเป็นทางผ่านไปได้ ถึงขั้นวางเขตอาคมห้ามบินไว้ที่นี่ ผู้ฝึกตนตรงนี้จึงร่อนกระบี่หรือบินผ่านไปไม่ได้
ด้านล่างระยะสามสิบจั้งของหน้าผาเป็นเหวลึกไม่เห็นก้นบึ้ง มีหมอกจางๆ กระจายอยู่ข้างล่าง ทำให้คนเห็นบริเวณเบื้องล่างไม่ชัดเจน แต่แค่ความรู้สึกห้อยโหนกลางอากาศที่มองลงไปข้างล่างจากที่สูง ก็ทำให้อกสั่นขวัญแขวนแล้ว
………………………………………………….
ตอนที่ 1058 คุมอำนาจตรงหน้าผา
ไม่มีสะพานเหล็กผ่านทางหรือสิ่งของอื่นๆ ที่ใช้ข้ามไปได้ เพราะระยะสามสิบจั้งไม่ใช่สั้นๆ แค่กระโดดด้วยตนเองยังข้ามไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีทางร่อนกระบี่บินไปหรือพาหนะเหาะเหินช่วยได้
หนำซ้ำตรงหุบเหวเหมือนมีกระแสลมบางอย่างไหลพล่านเลือนราง เสียงโหยหวนร้องลั่นกลางเหวลึก พุ่งขึ้นมาจากด้านล่างและกึกก้องไปกลางอากาศเฉกเช่นเสียงเรียกของความตาย ราวกับขอแค่ใครกล้าผ่านไปจากตรงนี้ จะถูกกระแสลมโหยหวนทรงพลังด้านล่างกลืนกิน
“พวกเราเข้าไปดูหน่อยเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วเอ่ยไป ร่างสีแดงกระโดดลงจากกิ่งไม้อย่างอ่อนช้อยและร่อนลงพื้นอย่างมั่นคง ชุดแดงปลิวไหว เส้นผมสีหมึกของเด็กหนุ่มลอยไปเบาๆ สาวก้าวนวยนาดมายังริมหน้าผาทีละก้าวท่ามกลางสายตาของทุกคน
พวกของต้วนเยี่ยตามหลังเฟิ่งจิ่วไป แม้แต่อสูรกลืนเมฆาตัวกลมขาวยังก้าวขาสั้นๆ ตามเฟิ่งจิ่วไปด้านหลัง มันเชิดหน้าอย่างหยิ่งยโส พร้อมสะบัดหางปุกปุย เดินไปส่ายไปไม่สนใจสายตาของทุกคน
“ที่นี่จะเข้าไปอย่างไร?” ต้วนเยี่ยขมวดคิ้วมองยังเฟิ่งจิ่ว “เป็นทางนี้ไม่ผิดกระมัง?”
“อืม เป็นที่นี่ไม่ผิดหรอก” เขาพยักหน้าขานรับ มองหน้าผากว้างสามสิบจั้งตรงหน้าและเอ่ยว่า “แต่ตรงนี้เป็นทางกั้น ที่นี่นอกจากกันสัตว์ร้ายในเทือกเขาตรงข้ามเข้ามา ยังเป็นบททดสอบของผู้ฝึกตนฝั่งนี้ด้วย”
เอ่ยถึงตรงนี้เสียงของเธอชะงักไป มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “หากแม้แต่ตรงนี้ยังผ่านไปไม่ได้ แล้วจะมีคุณสมบัติอะไรเข้าไปเทือกเขาอเวจี?”
“แต่สถานที่เช่นนี้พวกเราจะเข้าไปอย่างไร? ไม่ต้องพูดถึงสะพาน แม้แต่เชือกก็ไม่มี ร่อนกระบี่บินไปยังไม่ได้ ใช้พาหนะเหาะเหินไม่ได้ บินข้ามไปด้วยตนเองไม่ได้” ลั่วเฟยกล่าวไป สายตาก็มองคนพวกนั้นรอบข้าง ดูท่าทางเดาว่าคนพวกนี้คงกำลังหาทางข้ามไป
แต่แม้เทือกเขาอเวจีจะอันตราย แต่ไม่บอกว่าไม่มีใครเข้าไปไม่ได้ ทำไมคนตั้งมากมายถึงหยุดอยู่ตรงนี้เล่า?
“เจ้าหนู เจ้ามองอะไร!”
ผู้ฝึกตนหน้าตาดุร้ายเห็นดวงตาของลั่วเฟยพินิจมองโดยรอบ ก็ตะโกนลั่นอย่างโหดร้าย แรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสุดท้ายยังจู่โจมตามไปทางเขา
“ข้าลองดูไปรอบๆ มองเจ้าเสียที่ไหน?” ลั่วเฟยเอ่ยไป ไม่เกรงกลัวสายตาโหดเหี้ยมและน้ำเสียงขู่เข็ญของอีกฝ่ายสักนิด แม้เขารับปากเฟิ่งจิ่วจะไม่ก่อเรื่อง แต่เขาไม่ได้ทำอะไร แน่นอนว่าคงไม่โดนคนเข้าข่มเหง
ที่นี่คนมากมายเพียงนี้คนคนนั้นกลับไม่ตะโกน ดันมาตะคอกใส่เขาอย่างรุนแรง คิดจะเหยียบเขาเพื่อคุมอำนาจ และบอกทุกคนว่าอย่ามายุ่งกับเขาไม่ใช่หรือ?
ไม่ต้องบอกว่าผู้ฝึกตนคนนั้นวางแผนไว้จริงๆ เพราะทุกคนอยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีใครคิดหาทางข้ามไป และไม่ยอมจากที่นี่ไป แต่เพราะกลุ่มอำนาจและกองกำลังแต่ละฝ่ายดูไม่น่ายุ่งเกี่ยว จำนวนคนของผู้ฝึกตนไร้สำนักที่รวมกลุ่มกันพวกนั้น อย่างน้อยสุดก็มีแค่สิบกว่าคน ด้วยเหตุนี้จึงกำลังคิดจะหาคนมาคุมอำนาจเสียหน่อย ข่มขวัญทุกคน เพื่อไม่ให้คนอื่นใช้อุบายมาถึงพวกเขา
เช่นนี้จึงเพ่งเล็งเด็กหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวที่นี่พวกนี้ พวกเขามีเพียงวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน หนำซ้ำยังอายุสิบกว่า ยังไม่เจนโลกนัก ขอแค่ข่มขู่ให้กลัวตามความเหมาะสม เปิดเผยความป่าเถื่อนกระหายเลือดของพวกเขา ใครจะกล้าใช้อุบายกับพวกเขา?
ด้วยเหตุนี้ลั่วเฟยไม่ตอกกลับเป็นเรื่องหนึ่ง เพียงได้ยินลั่วเฟยต่อปากต่อคำ คนคนนั้นก็แค่นเสียงหยันหนักๆ และลุกขึ้น
………………………………………………….