เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1065 จะเล่นขายของกันหรือไร + ตอนที่ 1066 พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1065 จะเล่นขายของกันหรือไร + ตอนที่ 1066 พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม
ตอนที่ 1065 จะเล่นขายของกันหรือไร? + ตอนที่ 1066 พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม
ตอนที่ 1065 จะเล่นขายของกันหรือไร?
พวกของเฟิ่งจิ่วพยักหน้า มองเขาเดินกลับไปยังกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขา พร้อมขบคิดในใจ เห็นผู้ฝึกตนท่าทางดุร้ายกลุ่มนั้นยังจ้องมองพวกเขาตรงนั้น ก็ยกมุมปากโดยทันทีและเก็บสายตากลับไปอย่างเฉยชา
“พวกเจ้าสังเกตอะไรหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วหันกลับไปมองยังพวกของต้วนเยี่ย
ลั่วเฟยถอนหายใจ บอกเฟิ่งจิ่วว่า “เมื่อครู่ข้าสังเกตว่าด้านล่างหุบเหวจะมีกระแสลมพุ่งขึ้นมาเป็นระยะๆ หากเรียกพลังพุ่งไปปะทะกระแสลมต้องโดนดูดลงไปแน่นอน หนำซ้ำไม่ทันถูกดึงลงไป คงตกลงไปเพราะกลิ่นอายในร่างของตนเองถูกรบกวนทำให้ไม่มั่น วิธีที่ดีที่สุดหากมีเชือกสักเส้นเชื่อมริมหน้าผาสองฝั่งไว้ แล้วใช้เชือกข้ามผ่านไป น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด”
“เชือกจะไปถึงภูเขาตรงข้ามที่ห่างไปสามสิบจั้งได้อย่างไร?” หนิงหลางเกาศีรษะพลางเอ่ย
“เรื่องนี้ข้าทำได้” ซ่งหมิงกล่าวไป ก่อนจะฉีกยิ้มให้พวกเขา “พวกเราสามารถผูกหมุดแหลมไว้บนเชือก แล้วใช้เกาทัณฑ์ยิงเชือกข้ามไปปักบนภูเขาอีกฝั่งก็ข้ามไปได้”
“เช่นนี้มีความเสี่ยง”
ต้วนเยี่ยเอ่ยขึ้น มองยังพวกเขาและบอกว่า “วิธีนี้อาจใช้ได้ แต่ข้าคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ คนที่จับตามองพวกเราคงไม่ปล่อยพวกเราผ่านไปอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะตอนพวกเราเดินไปบนเชือก เป็นไปได้มากว่าศัตรูจะใช้อุบายชั่วร้ายทำให้พวกเราตกลงเหวลึกไป”
“ถูกต้องๆ คนต่ำช้าพวกนั้นคงทำเช่นนี้จริงๆ” หนิงหลางพยักหน้าขานรับอยู่ข้างๆ คิดว่าเป็นไปได้อย่างยิ่ง
“พวกเจ้าข้ามไปก่อน ข้าจะตามหลังไป” เฟิ่งจิ่วกล่าว แล้วยิ้มเล็กน้อย “เช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวล”
“แต่…”
“เช่นนี้แล้วกัน! แต่ก่อนหน้านั้นเราจะให้คนอื่นได้ประโยชน์ไม่ได้” นัยน์ตาของเธอเปล่งประกาย ปรากฏรัศมีเล็กน้อย “พวกเจ้าไปหากิ่งไม้กับใบไม้แห้งเสียก่อน ค่อยเก็บก้อนหินมาสองสามก้อน”
“เจ้าจะทำอะไร?” ต้วนเยี่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถึงเวลาพวกเจ้าจะรู้เอง” เธอยกริมฝีปากและไม่พูดให้ละเอียด
“ได้” พวกเขาพยักหน้า ขณะกำลังสาวก้าวเดินออกไป ก็เห็นกลุ่มทหารรับจ้างทางนั้นเหมือนจะมีการเคลื่อนไหว
มองไปทางนั้นเพียงเห็นทหารรับจ้างสามสิบสี่สิบคนล้อมรอบตรงริมหน้าผาคล้ายกำลังทำอะไร ตรงกลางของพวกเขาเป็นชายชราคนหนึ่ง ชายชราคนนั้นสวมชุดเทา เส้นผมหงอกขาว พลังวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณ ทำให้ในใจเฟิ่งจิ่วประหลาดใจ
นึกไม่ถึงว่าระดับกำเนิดวิญญาณยังหาคนมาคุ้มกันตนเอง? หนำซ้ำแม้พละกำลังของกลุ่มทหารรับจ้างทั่วไปจะไม่ต่ำ แต่นอกจากผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง ก็มีแค่คนเดียวเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นเริ่มต้น ดูท่าทางทหารรับจ้างระดับกำเนิดวิญญาณน่าจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้าง
แม้บอกว่ากำลังของกลุ่มทหารรับจ้างไม่อ่อนแอ แต่ชายชรามีวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณก็ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน! นึกไม่ถึงว่ายังต้องหาทหารรับจ้างมาร่วมทาง?
“ไปกันเถอะ! จะรอช้าไม่ได้” เฟิ่งจิ่วบอกพวกเขา
“ได้” พวกเขาขานรับ ไม่ไปสนใจสถานการณ์ทางนั้นอีก แต่ทำธุระของตนเองไป
ไม่นานนักพวกของต้วนเยี่ยนำสิ่งของที่เฟิ่งจิ่วต้องการกลับมา แล้ววางเรียงตรงริมหน้าผา คนอื่นๆ เห็นพวกเขายกใบไม้ กิ่งไม้รวมถึงก้อนหินมา ก็ยิ้มเยาะขึ้นมาทันควัน
“เด็กพวกนี้คงไม่คิดจะเล่นขายของเช่นเด็กน้อยกันที่นี่กระมัง? ดูสิ แม้แต่ใบไม้ กิ่งไม้ ก้อนหินล้วนยกกันมา” ผู้ฝึกตนท่าทางน่ากลัวกลุ่มนั้นหัวเราะ สายตาจ้องมองพวกของเฟิ่งจิ่ว
………………………………………………….
ตอนที่ 1066 พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม
คนอื่นๆ รอบข้างเห็นก็ส่ายหน้า เด็กก็คือเด็ก อายุยังน้อย ทำอะไรบุ่มบ่าม นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ที่นี่
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สนใจพวกของเฟิ่งจิ่ว แต่มองยังพวกทหารรับจ้างทางนั้น อยากเห็นเสียหน่อยว่าพวกเขาจะข้ามไปอย่างไร?
ไม่มีใครสังเกตว่าพวกของเฟิ่งจิ่วจุดไฟใบไม้ จัดวางก้อนหิน และตั้งค่ายกลท่ามกลางสายตาของทุกคนรอบข้างที่ไม่ได้สนใจ เมื่อวางค่ายกลและควันหนากระจายไป สองสามคนที่เดิมเคยปรากฏในสายตาทุกคนโดยรอบก็ค่อยๆ หายไป ราวกับปกปิดร่องรอยไว้
ตอนนี้ทุกคนยังไม่สังเกตเห็น แต่กำลังมองกลุ่มทหารรับจ้างทางนั้น
ยามนี้พวกเขาในค่ายกลหยิบเชือกที่เตรียมไว้ออกมา สองปลายเชือกล้วนมีหมุดแหลมปัก แล้วให้ซ่งหมิงใช้คันธนูวิเศษของเขายิงปลายเชือกข้างหนึ่งในนั้นออกไปปักตรงหน้าผาฝั่งตรงข้าม
ภายใต้การนำพาของเกาทัณฑ์แหลมพวกเขาเพียงเห็นเชือกลอยออกไปปักฝั่งตรงข้ามอย่างแน่นหนา ดึงทดสอบความแข็งแรง หลังจากมั่นใจว่าปลอดภัยถึงจะปักหมุดอีกข้างบนพื้นใต้เท้าของพวกเขา
“ใครจะข้ามก่อน?” ซ่งหมิงมองพวกเขาพลางเอ่ยถาม
“ข้าก่อน”
ต้วนเยี่ยเอ่ยขึ้น เดินไปตรงหน้าเชื่อ แล้วกล่าวกับพวกเขาว่า “ข้ามไปบนเชื่อต้องหลบกระแสลมที่พุ่งขึ้นมาด้านล่าง หมายความว่าตอนกระแสลมไหลลงไปพวกเราต้องผ่านไปโดยเร็วจะหยุดไม่ได้ ข้าจะข้ามไปก่อน แล้วคอยรับพวกเจ้าทางนั้น”
พวกเขาพยักหน้า “ระวังด้วย”
“รู้แล้ว” ต้วนเยี่ยขานรับ ใบหน้าอ่อนวัยเต็มไปด้วยความเด็ดขาด หลังจากเห็นกระแสลมไหลลงไปก็สงบกลิ่นอายในร่างไว้ สองแขนอ้าออกทำให้ร่างกายสมดุล ถึงจะเหยียบเชือกพุ่งข้ามไปอย่างรวดเร็ว
ระยะห่างสามสิบจั้งได้ความช่วยเหลือจากเชือก อันที่จริงก็ดูไม่ไกลมาก ไม่ทันไรเขาก็ไปถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัยท่ามกลางสายตาของอีกสองสามคน
ฝั่งตรงข้ามมีคนคอยรับ คนทางนี้ยิ่งวางใจได้ หนิงหลางจึงข้ามไปคนที่สอง แม้บอกว่าในหมู่เด็กหนุ่มรูปร่างของหนิงหลางเป็นเด็กอ้วนจ้ำม่ำน่ารัก แต่ใจกล้าไม่น้อยเลย ใช้เชือกเดินข้ามไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดสักพัก และไปถึงโดยสวัสดิภาพ
พวกเขาไม่ส่งเสียง ไปถึงอีกฝั่งยังคงแค่โบกมือให้พวกเขาทางนี้ อาศัยหมอกหนาหลีกเลี่ยงสายตาของคนพวกนั้น ทำให้ตนเองยิ่งปลอดภัยขึ้น
ลั่วเฟยข้ามไปเป็นคนที่สาม ค่อยเป็นซ่งหมิง กระทั่งเห็นพวกเขาไปถึงฝั่งตรงข้ามอย่างสวัสดิภาพ เฟิ่งจิ่วถึงจะเผยรอยยิ้มออกมา ในยามนี้เสียงของคนพวกนั้นก็ลอยมาจากด้านนอก
“เอ๊? เจ้าเด็กพวกนั้นเล่า?”
“ทำไมตรงนี้ถึงมีควันมากเพียงนี้?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงเหมือนจะเดินมาใกล้ทางนี้ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น นิ้วมือดีดออกไปเติมอะไรเล็กน้อยในกองไฟเล็กๆ นั่น รอให้กระแสลมที่พวยพุ่งในหุบเหวไหลลงไป ถึงจะเก็บอสูรกลืนเมฆาเข้าห้วงมิติ สองแขนอ้าออกเรียกพลังเหยียบเชือกพุ่งไปข้างหน้า แล้วเสียงปลุกระดมคนก็ลอยมาข้างหลังรางๆ
“บ้าเอ๊ย! นี่เป็นค่ายกล! นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กพวกนั้นจะวางค่ายกลต่อหน้าต่อตาพวกเรา? นี่พวกเขาจะทำอะไร?”
“สมควรตาย! คนเล่า? พวกเขาจะซ่อนในค่ายกลทำไม?”
“อ๊ะ! ไม่ใช่! พวกเจ้าดูฝั่งโน้นสิ นั่นพวกเขาไม่ใช่หรือ?”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งชี้ยังฝั่งตรงข้ามที่ไกลออกไปสามสิบจั้ง แม้ร่างสีแดงอยู่ท่ามกลางหมอกยังแพรวพราวเป็นที่สุด…
………………………………………………….