เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1089 เหมือนจะโกรธเสียแล้ว + ตอนที่ 1090 ไม่เหมือนกัน
ตอนที่ 1089 เหมือนจะโกรธเสียแล้ว? + ตอนที่ 1090 ไม่เหมือนกัน
ตอนที่ 1089 เหมือนจะโกรธเสียแล้ว?
“ข้าจะไปเดินรอบๆ เสียหน่อย พวกเจ้าพักผ่อนไปเถอะ!” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
พวกเขาเห็นร่างสีแดงเดินเข้าไปในป่า ก็มองๆ และมานั่งตรงปากถ้ำ หนิงหลางเกาศีรษะ เอ่ยว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่าเขาเหมือนจะโกรธ”
“ไม่น่าโกรธหรอก เขาผิดหวัง” ต้วนเยี่ยก้มหน้าเริ่มจัดการบาดแผลบนร่าง
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็ครุ่นคิด ไม่รู้จะพูดอะไรดีไปชั่วขณะ ได้แต่พันแผลบนร่างตนเองให้เรียบร้อย ก่อนจะนั่งรอตรงปากถ้ำรอเฟิ่งจิ่วกลับมา ทว่ารอไปเช่นนี้เกือบเที่ยงก็ไม่เห็นเงา
“คงไม่เกิดเรื่องกระมัง? ทำไมออกไปตั้งแต่เช้าถึงตอนนี้ยังไม่เห็น?”
“นั่นสิ! เขาบอกจะไปเดินเสียหน่อยไม่ใช่หรือ? นี่ก็ตั้งนานแล้วนะ”
“ต้องไปตามหาหรือไม่?”
“เขาบอกให้พวกเราอย่าวิ่งเพ่นพ่าน หากออกไปตามหาไม่เจอเขา เดาว่าเขากลับมาจะโกรธจริงๆ”
ทั้งสี่เอ่ยขึ้นคนละหนึ่งประโยค สุดท้ายสายตาของพวกเขาก็หยุดบนร่างอสูรกลืนเมฆาที่นอนด้านในถ้ำพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย ชะงักไปสักพัก ซ่งหมิงตะโกนว่า “อสูรกลืนเมฆา นายท่านของเจ้าคงไม่เกิดเรื่องกระมัง? เจ้าจะออกไปดูเสียหน่อยหรือไม่?”
อสูรกลืนเมฆาเหลือบมองพวกเขา แล้วหลับตาลงทันทีไม่ไปสนใจพวกเขา
เห็นว่าพวกเขาล้วนโดนเมิน ทั้งสี่พลันละสายตาออกไปทั้งหน้าเจื่อนๆ นั่งตรงปากถ้ำหยิบอาหารมากินพลางรอเฟิ่งจิ่วกลับมา
“พละกำลังของเขาแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา ไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไร หนำซ้ำหากมีอันตรายอสูรกลืนเมฆาคงไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
ได้ยินคำพูดของต้วนเยี่ย คนอื่นๆ ก็พยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยามถึงจะเห็นร่างสีแดงที่คุ้นเคยเดินมาไม่ไกล พวกเขาเห็นเช่นนี้ก็เผยรอยยิ้มอย่างระรื่น
“ดูสิ เฟิ่งจิ่วกลับมาแล้ว” พวกเขาเข้าต้อนรับ มายังเบื้องหน้าเขา “เจ้าไปไหนมา? ทำไมไปนานเพียงนี้? พวกเราล้วนกังวลว่าเจ้าจะเกิดเรื่อง”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็มองพวกเขา ถึงจะเอ่ยว่า “ข้าไปเดินรอบๆ ละแวกนี้มาทั่วแล้ว สุดท้ายก็วางเขตอาคมกับค่ายกลกั้นไว้ตรงระยะห่างจากที่นี่หกสิบกว่าจั้ง เริ่มตั้งแต่นี้ไปจะใช้อาศรมนี้เป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณรัศมีหกสิบจั้งล้วนมีเขตอาคมและค่ายกล”
“ช่วงนี้ข้าไม่ให้พวกเจ้าออกไป พวกเจ้าก็อย่าออกไป” เธอพูดจบก็เดินเข้าอาศรมไป บอกว่า “เข้ามาสิ! ข้าจะบอกพวกเจ้าถึงเรื่องที่ต้องทำต่อจากนี้ รวมถึงเขตอาคมและค่ายกลรอบๆ ด้วย”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ ในใจแอบๆ ประหลาดใจ ละแวกนี้ล้วนวางเขตอาคมกับค่ายกลไว้? นั่นต้องใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณมากเพียงใด? แต่พวกเขาเห็นท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหมือนจะไม่ต่างจากตอนออกไปเลย หากเขาไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเขาออกไปทำเรื่องเช่นนี้
แต่เรื่องที่พวกเขาต้องทำต่อจากนี้? คืออะไรกันแน่?
พวกเขาโอบกอดความสงสัยในใจไว้ แล้วเดินตามหลังเฟิ่งจิ่วเข้าไปยังอาศรม เห็นนั่งลงตรงโต๊ะหินภายในอาศรม ทุกคนก็ยืนมองเขาอยู่ข้างๆ
เฟิ่งจิ่วที่นั่งตรงโต๊ะมองพวกเขา เห็นใบหน้าพวกเขาสงบนิ่ง แต่แววในดวงตาและท่าทางกลับเอ่อล้นด้วยความตึงเครียด เห็นเช่นนี้ก็ยกริมฝีปากเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน พวกเจ้าต้องฝึกกำลังกายเสียก่อน ก่อนหน้านั้นจะไม่อนุญาตให้เดินออกจากเขตอาคมและค่ายกลที่นี่โดยพลการ”
“กำลังกาย? แต่กำลังกายของพวกเราก็ไม่แย่นี่? ต้องฝึกอีกหรือ?” สิ้นเสียงของหนิงหลาง เห็นเฟิ่งจิ่วจ้องมองเขา พลันก้มหน้าเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด
………………………………………………….
ตอนที่ 1090 ไม่เหมือนกัน
กำลังกายของพวกเขาไม่แย่ แต่เดาว่าในสายตาของเขากลับไม่ถึงมาตรฐานกระมัง? ช่างเถอะ เขาอย่าถามให้มากความจะดีกว่า จะได้ไม่ยั่วโมโหเขา
ว่ากันตามจริง เขาโมโหขึ้นมาเห็นชัดๆ ว่าจะไม่ด่าหรือตบตีใคร แต่สีหน้าบึ้งตึง ริมฝีปากที่เม้มน้อยๆ รวมถึงแววตาเย็นชา ก็ทำให้คนเห็นใจสั่นเทิ้มไปหมด น่ากลัวยิ่งนัก
ลั่วเฟยเหลือบมองหนิงหลาง แล้วเผยรอยยิ้มเอาอกเอาใจมองยังเฟิ่งจิ่ว ถามว่า “เช่นนั้นหนึ่งเดือนผ่านไปเล่า? หลังจากหนึ่งเดือนพวกเราต้องทำอะไรอีก?”
“หลังจากทำเรื่องตอนนี้เรียบร้อย ข้าค่อยบอกพวกเจ้า” เธอมองพวกเขา พร้อมสั่งว่า “ทุกคนแยกย้ายไปหาหินก้อนใหญ่ที่หนักไม่ต่ำกว่าห้าสิบชั่งมาแบกหลัง ทุกวันจะต้องนั่งกระโดดวนรอบภายในเขตอาคม ข้าจะให้อสูรกลืนเมฆาจับตามองพวกเจ้า หากใครขี้เกียจ…”
เธอกล่าวจบ มุมปากยกขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าคิดว่าพวกเจ้าอย่าเกียจคร้านจะดีที่สุด มิเช่นนั้นบทลงโทษจากข้าจะทำให้พวกเจ้าอกสั่นขวัญหาย”
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ความเย็นก็แล่นมาบนแผ่นหลัง เพียงรู้สึกว่าเฟิ่งจิ่วที่เข้ามาในนี้ และเริ่มบอกว่าจะสั่งสอนพวกเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเคย
แต่ก่อนยังพูดคุยหัวเราะกับพวกเขามาตลอดทางเฉกเช่นมิตรสหาย ยามนี้กลับอาจหาญและน่าเกรงขามเยี่ยงอาจารย์ ทำให้พวกเขารู้ว่าหากขัดคำสั่งของเขา บทลงโทษจะทำให้พวกเขาตื่นกลัวอย่างแน่นอน
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแค่ฟังเขาพูดอยู่ตรงนี้ หัวใจของพวกเขาก็กระสับกระส่ายอย่างไม่สงบใจแล้ว ไหนเลยจะกล้าคิดเล็กคิดน้อยอะไร?
ดังนั้นหลังจากเฟิ่งจิ่วกำชับและย้ำเตือน พวกเขาจึงโดนไล่ออกมา เพราะเขาพักในอาศรมได้แค่คนเดียว ส่วนพวกเขาต้องหาทางอยู่ข้างนอกกันเอง
“เช่นนี้แล้วกัน! พวกเราจะสร้างบ้านไม้ตรงนี้ สองสามคนอยู่ด้วยกันก็สะดวก หนำซ้ำพวกเราช่วยกันย่อมไวกว่าแน่นอน” ลั่วเฟยแนะนำ ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายความตื่นเต้นที่กระตือรือร้นอยากลอง
“อืม พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่วันสองวัน เดาว่าอย่างน้อยสุดก็สองสามเดือน อย่าใช้กระโจมอะไรจะดีกว่า ร่วมแรงกันสร้างบ้านไม้เล็กๆ ที่นี่ไปก่อนเถอะ! แต่ต้องห่างจากเฟิ่งจิ่วอย่างน้อยสุดสิบห้าจั้ง”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ สายตาก็หยุดบนร่างต้วนเยี่ยตามๆ กัน “ทำไมต้องห่างอย่างน้อยสิบห้าจั้ง?”
“เขาบอกไว้ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ? เขาต้องกลั่นยา! พวกเราก็สร้างบ้านไม้ไว้เหนือลมเถอะ! ไปตัดไม้หาหญ้ากลับมาก่อน อาศัยก่อนฟ้ามืดสร้างบ้านไม้ให้เสร็จ”
“ได้เลย”
พวกเขาขานรับและแบ่งงานไปช่วยกันด้วยความรวดเร็ว เริ่มตอกเสาเข็มตรงตำแหน่งที่สูงกว่าอาศรมของเฟิ่งจิ่วเล็กน้อย แล้วสร้างบ้านไม้ หลังจากพวกเขาเสียจนหมดเรี่ยวหมดแรง บ้านไม้อย่างง่ายๆ ก็สร้างเสร็จ
เห็นผลสำเร็จของตนเอง แม้จะเรียบง่ายและน่าเกลียดไปหน่อย แต่อย่างน้อยๆ พักอาศัยได้ก็ดีใจมากแล้ว
“พวกเราไปกาก้อนหินกันเถอะ! เฟิ่งจิ่วบอกว่าอย่างไรก็ต้องห้าสิบชั่ง ก่อนหน้านี้ข้าไปดูมา ทางนั้นก็มี” ต้วนเยี่ยเอ่ยขึ้น พร้อมชี้ยังบริเวณข้างหน้าไม่ไกล เป็นเชิงภูเขาพอดี ก่อนหน้านี้เขาไปดู ด้านล่างตรงนั้นมีก้อนหินใหญ่ไม่น้อยเลย
“ไปกันเถอะ!”
พวกเขากล่าวจบก็ไปที่นั่นพร้อมๆ กัน แต่ละคนยกก้อนหินใหญ่มาวางไว้หน้าบ้าน นึกได้ว่าแถวนี้ล้วนมีเขตอาคมและค่ายกล พวกเขาจึงพักผ่อนในบ้านไม้ได้อย่างวางใจ
กระทั่งแสงอาทิตย์แรกของเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นส่องลงมา ทุกคนในบ้านไม้ก็ล้างหน้าแปรงฟันออกไปด้วยความรวดเร็ว…
………………………………………………….