เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1097 วิ่งให้งูไล่ + ตอนที่ 1098 ดูคุ้นตา
ตอนที่ 1097 วิ่งให้งูไล่ + ตอนที่ 1098 ดูคุ้นตา
ตอนที่ 1097 วิ่งให้งูไล่
เฟิ่งจิ่วเห็นภาพเช่นนี้ก็เรียกพลังถอยไปโดยเร็ว ก่อนจะแสยะยิ้ม “สิ่งของที่มาถึงมือข้าแล้ว แม้แต่คนยังแย่งไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงงูอย่างเจ้าเลย” สิ้นเสียง ร่างกายก็ถอยหลังไปไกลหลายจั้งแล้ว
“ฟ่อ!”
“แหมะ!”
ราชางูตัวนั้นโกรธจัด ระหว่างที่แลบลิ้นยังพ่นน้ำลายออกมาจากปาก น้ำลายพุ่งออกไปไกลหลายจั้ง ตรงไปหาเฟิ่งจิ่ว ทว่าเร็วไม่เท่าความเร็วที่เฟิ่งจิ่วทะยานหนีจึงร่วงลงห่างจากด้านหลังของเธอครึ่งจั้ง
“บ้าเอ๊ย! พิษแรงนัก!”
เฟิ่งจิ่วหันกลับไปมอง เพียงเห็นว่าเมื่อน้ำลายหยดลงก็ละลายพื้นจนเป็นรูทันที เกิดเสียงดังซ่าๆ น้ำลายที่กระเด็นโดนพืชหญ้ากับต้นไม้ทำให้พวกมันเหี่ยวเฉา ไร้ซึ่งพลังชีวิต ทำให้เธอมองเสียจนเบิกตาค้าง
เดิมทีตั้งใจจะหยอกล้อเสียหน่อย พอเห็นเช่นนี้ก็แย่แล้ว ราชางูเป็นระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แม้พูดไม่ได้แต่ก็มีสติปัญญาแล้ว ยามนี้เห็นเธอเก็บต้นผลไม้วิญญาณไปต้องไล่ล่าเธอไม่ปล่อยเป็นแน่
ถูกไล่กวดก็เรื่องหนึ่ง ด้วยความเร็วของเธอ เฟิ่งจิ่วมั่นใจว่างูตัวนี้ตามตนเองไม่ทัน ปัญหาคือพิษพวกนี้ที่มันพ่นออกมาพุ่งไปได้ไกลหลายจั้ง หนำซ้ำพิษแรงหาใดเปรียบ หากไม่ระวังได้จบเห่แน่
แต่ว่า…
เธอสงสัยในใจและหันไปมอง ราชางูกลืนงูใหญ่ที่กินยาอายุวัฒนะของเธอไป นึกไม่ถึงว่าจะไม่ตัวระเบิดตาย? ต้องรู้ไว้ว่า ยาอายุวัฒนะของเธอใส่ยาพิษลงไปในนั้นไม่น้อย ทั้งยังมีเถาเจ้าสายฟ้า ดอกไม้ไฟดิน รวมถึงหญ้าคาวงู แม้ของเหล่านี้มีความเย้ายวนซึ่งทำให้งูไม่อาจต้านทานได้ แต่ก็ไม่ใช่ของดีเช่นกัน!
แต่ทำไมราชางูกินลงไปถึงไม่แสดงอาการผิดปกติ กลับดูเปลี่ยนไป…แข็งแรงขึ้น?
เฟิ่งจิ่วมั่นใจได้ว่าเธอมองไม่ผิด เดิมทีราชางูขนาดตัวหนาเท่าแขนของบุรุษ แต่ตอนนี้ร่างของมันอย่างน้อยก็ใหญ่ขึ้นไม่ใช่แค่เท่าเดียว นอกจากนั้นหนังงูยังเหมือนกำลังเปลี่ยนสีรางๆ?
นี่เป็นเพราะอะไรกัน? ต่อให้ยาพิษของเธอถูกพวกมันแก้โดยใช้พิษสู้พิษ ก็ไม่น่าไม่ทำร้ายพวกมันแล้วกลับทำให้แข็งแกร่งขึ้นแทนกระมัง?
“ผัวะ!”
เธอเห็นหางงูตบลงพื้นอย่างแรง ทั้งพื้นดินแตกออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง ภายใต้แรงเหวี่ยงหางของราชางู ต้นไม้ในป่าที่ขวางกั้นมันไม่ให้มุ่งหน้าไปต่างพากันล้มไปด้านข้าง พลังทำลายล้างนั้นทำให้เธอเห็นแล้วเร่งความเร็วพุ่งไปข้างหน้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ให้ราชางูด้านหลังไล่ตามมา
สิ่งที่ทำให้เฟิ่งจิ่วหนังศีรษะชาวาบคือ ในป่านี้มีเสียงของราชางูกำลังร้องขู่ ทุกที่ที่ผ่านงูพิษในป่าล้วนมาเข้าร่วมกองกำลังไล่ล่า ตามอยู่ด้านหลังราชางู กลายเป็นฝูงงูทัพใหญ่ไล่ตามเฟิ่งจิ่วซึ่งอยู่เบื้องหน้า
เมื่อเห็นงูพิษหลากสีสันที่กลายเป็นฝูงใหญ่ด้านหลัง เธอสูดลมหายใจเย็น “เฮือก! ถ้าวิ่งช้าไปต้องโดนพวกเจ้ากินจริงๆ แน่” ร่างสีแดงวูบหาย เร่งความเร็วและเรียกพลังอีกครั้ง เรือนร่างทะยานไปในป่าราวกับภูตผี ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากฝูงงูด้านหลัง
เมื่อท้องฟ้ามืดลงทีละน้อย ภายในป่ามีเสียงดังตึงตังแว่วมาเลือนราง รวมถึงเสียงงูพิษขู่ฟ่อๆ ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทำให้สัตว์ร้ายต่างๆ ในป่าหลบออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยิน
การไล่ล่าครั้งนี้ไม่ได้หยุดพักเพราะราตรีมาเยือน ตรงกันข้าม เฟิ่งจิ่วกำลังวิ่งอยู่ในค่ำคืนนี้ ฝูงงูด้านหลังก็กำลังไล่ตาม ทั้งยังพยายามจะเข้าล้อมเธอ…
…………………………………
ตอนที่ 1098 ดูคุ้นตา
เช้าตรู่วันต่อมา
สักแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่นี้ ผู้ฝึกตนไร้สำนักกลุ่มหนึ่งกำลังพักผ่อนในป่า เป็นคนกลุ่มนั้นที่วิวาทกับพวกของเฟิ่งจิ่วตอนข้ามหน้าผา
แม้พวกเขาตกหลุมพรางของเฟิ่งจิ่ว แต่โชคดีที่ไม่ถึงฆาต ตอนนั้นเฟิ่งจิ่วแค่สั่งสอนพวกเขาเล็กน้อย และใช้อุบายบางอย่างเพื่อให้พวกเขาตามมาไม่ทัน
ภายหลังคนพวกนี้ข้ามฟากมาเช่นกัน ตั้งแต่เข้ามาในนี้ก็ตามหาร่องรอยพวกของเฟิ่งจิ่วมาตลอด พยายามสุดแรงที่จะสังหารพวกเขาเพื่อชำระความแค้น ทว่าเดินวนในนี้มาเกือบเดือนแล้ว กลับยังไม่เจอพวกของเฟิ่งจิ่วเลย
“พี่ใหญ่ เจ้าเด็กพวกนั้นอาจโดนใครฆ่าอยู่ในนี้ไปนานแล้ว หรือไม่ก็ถูกสัตว์ร้ายลากไป ไม่รอดมาจนถึงตอนนี้ มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราเข้ามานานเพียงนี้ ตามหาเกือบเดือนก็ยังไม่เจอพวกเขา”
“เจ้าเด็กพวกนั้นมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่น่าตายไวเพียงนี้ หนำซ้ำพวกเขาโดนฆ่าไม่หายแค้นเท่าพวกเราลงมือฆ่าด้วยตัวเอง ข้าจึงหวังว่าพวกเขาจะรอดมาถึงตอนนี้ เช่นนี้เมื่อตกอยู่ในกำมือพวกเราถึงจะทำให้พวกมันตายทั้งเป็นได้!”
ชายฉกรรจ์สองคนนั่งคุยกันใต้ต้นไม้ หนึ่งคนในนั้นสีหน้าถมึงทึง ครั้นเอ่ยถึงพวกเฟิ่งจิ่ว ทั่วร่างก็เต็มไปด้วยไอสังหารน่ากลัว
พวกเขาออกมาเดินทางนานเพียงนี้ ตกอยู่ในเงื้อมมือคนอื่นนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่นึกว่าจะตกอยู่ในเงื้อมมือเจ้าเด็กพวกนั้น แค่นึกถึงข้อนี้ใจก็อัดอั้นไม่อาจระบายได้
“พวกเขาเดินไปไม่ไกล น่าจะอยู่ละแวกนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเวลาเกือบเดือนจะหาคนพวกนั้นไม่พบ!” เขากำหมัดแน่นด้วยแววตาเคร่งเครียด “ขอแค่ตกอยู่ในกำมือข้า ข้าจะทำให้พวกเขารู้ว่าความตายล้วนเป็นความเพ้อฝันอย่างหนึ่ง!”
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ ข้าจะให้พี่น้องทั้งหลายคอยสังเกตและสืบถามมาให้มาก” ชายฉกรรจ์อีกคนเอ่ย แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันควัน
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดเห็นสีหน้าเขาไม่ปกตินัก จึงถามว่า “เป็นอะไรไป?”
ชายฉกรรจ์ไม่พูดอะไร แต่เอนกายลงนอนตะแคงบนพื้นแล้วฟังอย่างละเอียด ไม่นานนักก็ลุกขึ้นมาบอกว่า “พี่ใหญ่ ไม่ปกติเท่าไร เหมือนมีอะไรกำลังตรงมาทางนี้ ห่างจากที่นี่ไปไกลสักหน่อย ข้าฟังเสียงแล้วเดาว่าคงไกลสักสองลี้ แต่ว่ารวดเร็วมาก”
“ตรงมาที่นี่? เป็นอะไร สัตว์ร้ายหรือ” ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดถาม
“มีเสียงฝีเท้าคนวิ่ง และมีเสียงกระแทกหนักๆ ระยะห่างไกลเกินไปจึงได้ยินเพียงเสียงพวกนี้ แยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงกระแทกคืออะไร” ชายฉกรรจ์กล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด ถามว่า “พี่ใหญ่ พวกเราจะหลบหรือไม่?”
ผู้ฝึกตนไร้สำนักระดับหลอมแก่นพลังได้ยินก็พยักหน้า “ในเมื่อเจ้าฟังไม่ออกว่าเป็นอะไรก็หลบไปก่อน สั่งให้พี่น้องทุกคนหลบไปอีกทางก่อนด้วย”
“ขอรับ” ชายฉกรรจ์ขานรับ ก่อนจะตะโกนเสียงดัง ทั้งกลุ่มพาคนถอยไปอีกด้านด้วยความรวดเร็ว
ทว่าผู้ฝึกตนไร้สำนักระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดกลับถอยไปไม่ไกลมาก หลังจากให้ทุกคนถอยไปก็ซ่อนตัว รอดูว่าสิ่งที่มาเป็นคนหรือสัตว์ร้ายกันแน่
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อพวกเขาเก็บกลิ่นอายหลบไปข้างๆ รออยู่สักพักก็เห็นร่างสีแดงที่วิ่งเข้ามาแต่ไกล ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดซึ่งเป็นหัวหน้าตกใจไปพักหนึ่ง ตกตะลึงเล็กน้อย
“ทำไมร่างนั้นดูคุ้นๆ ตา?”
ร่างสีแดงแพรวพราวเป็นอย่างยิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาใกล้ก็เห็นได้จากไกลๆ แล้ว ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดจึงหรี่ตาลง และเดินออกมาจากมุมมืด
………………………………………………….