เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 11 พบท่านอาอีกครั้ง + ตอนที่ 12 จูบแรกของท่านอา
ตอนที่ 11 พบท่านอาอีกครั้ง
ดวงตาดำลึกล้ำของหลิงโม่หานฉายแววประหลาดใจอยู่เบาๆ เขาค่อนข้างแปลกใจที่เจอขอทานน้อยในนี้ เดิมเขาคิดว่าหลังจากพบอันตรายที่เกิดขึ้นในป่าเก้าหมอบ ขอทานน้อยคงออกไปเอง ใครจะนึกว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงด้านในนี้ด้วยตัวคนเดียว
หลิงโม่หานพบเขาเมื่อตอนบ่าย ตอนนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งขุดสมุนไพรอยู่บนพื้น สมุนไพรพวกนั้นหลิงโม่หานมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทว่าเขากลับเก็บมันขึ้นมา และยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะเดินเอ้อระเหยอยู่คนเดียวในป่านี้เหมือนไม่รู้จักอันตราย
ด้วยนิสัยอันเฉยชาของเขา หลิงโม่หานจะไม่ให้ความสนใจกับขอทานน้อยคนนี้มากนัก ทว่าไม่รู้ทำไมเขากลับไม่ยอมจากไป ยังแอบตามดูทางนั้นอยู่ ตอนเห็นขอทานน้อยใช้กริชทำรูเล็กๆ บนกิ่งไม้แห้งที่เก็บมา แล้วหยิบกิ่งไม้เล็กอีกก้านมานั่งหมุนปั่นลงไปในรูนั้น เดิมทีหลิงโม่หานยังไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกันแน่ แต่หลังจากเขานั่งปั่นอยู่กว่าหนึ่งชั่วยามเต็มก็เห็นควันไฟพวยพุ่งออกมา หลิงโม่หานยิ่งแปลกใจ
นึกไม่ถึงว่าพอใช้ไม้สองแท่งเสียดสีกันจะมีไฟออกมาได้ด้วย? วิธีการแปลกๆ เช่นนี้เขาไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน ต้องรู้ไว้ว่า ปกตินอกจากกระบอกจุดไฟแล้วก็ยังมีหินเหล็กไฟที่ใช้จุดไฟได้ หากโชคไม่ดีนำสองสิ่งนี้มาเสียดสีด้วยกันจะปะทุประกายไฟออกมาได้ แต่วิธีก่อไฟที่คล้ายๆ แบบนี้เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก
แต่ก็ชัดเจนว่าขอทานน้อยผู้นี้ไม่ใช่ไม่รู้จักอันตราย หลังจากใช้กองไฟเล็กๆ นั้นย่างงูที่ถูกถลกหนังมากินประทังท้อง เขาก็ดับไฟลง จากนั้นปีนขึ้นไปหาที่นอนพักบนต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางไม่คิดอะไรมากมาย หลิงโม่หานอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเสียงเขากรนอยู่เลย
ถ้าตอนนี้หลิงโม่หานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ คาดว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น
เดิมทีเฟิ่งจิ่วก็ไม่สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เพราะเธอไม่รู้สึกถึงจิตสังหารรอบๆ ตัว แต่ขณะที่ปรือตาหลับบนต้นไม้ ต่อให้ไม่ต้องลืมตาเธอก็รู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังมองสำรวจมาที่ตัวเอง เพราะเหตุนี้เธอจึงส่งเสียงกรนออกมาราวกับหลับสนิทไปแล้ว
แท้ที่จริงเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอยู่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาตั้งแต่ตอนไหน และคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกคนแอบมองอยู่
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่โผล่หน้ามา และก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร จึงเป็นปกติที่เธอจะไม่เปิดโปงคนในมุมมืดนั้น ทว่าก็แอบระแวดระวังขึ้นมา ถึงอย่างไรคนของโลกนี้ก็ฝึกบำเพ็ญเป็นเซียน จะปฏิบัติกับพวกเขาเช่นคนธรรมดาไม่ได้ มิเช่นนั้นฝ่ายที่เสียเปรียบคงมีแค่ตัวเธอเอง
เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของนกในป่า ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เธอยื่นมือบิดขี้เกียจพลางหาวหวอด แต่ก็เสียสมดุลจากการยืดเส้นยืดสายร่างกายจนตกลงจากต้นไม้
“อ๊ะ!”
“ตุ้บ!”
เธอร้องอุทาน ตามด้วยเสียงผัวะยามเมื่อตกลงบนพื้น ร่วงลงในพุ่มวัชพืชใต้ต้นไม้นั้น
“อึก! เจ็บชะมัดเลย” เธอลุกขึ้นยืนแล้วลูบๆ ที่เอว บิดตัวเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมา “โชคดีที่ไม่หัก”
จุดที่ไม่ไกลออกไป ใบไม้เขียวชอุ่มกำลังบดบังเงาร่างสีดำของหลิงโม่หานไว้ครึ่งหนึ่ง ดวงตาดำขลับลึกล้ำกวาดมองร่างนั้นแล้วก็รีบเบนสายตาออกไป
ตั้งแต่ตอนที่ขอทานน้อยตื่นขึ้นมา เขาก็ลืมตาขึ้น จึงเห็นว่าขอทานน้อยที่กำลังงัวเงียยืดตัวบิดขี้เกียจตกต้นไม้ไป ใต้ต้นไม้มีทั้งวัชพืชและดินโคลน ถึงตกลงไปแบบนั้นก็คงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร เขาจึงมองสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ โดยไม่เข้าไปดึงอีกฝ่ายขึ้นมา
ขอทานน้อยลูบเอวพลางมองหาก้อนหินสองก้อนใหญ่ที่อยู่รอบๆ จากนั้นนั่งลงใต้ต้นไม้ตรงนั้น ล้วงพวกสมุนไพรจากในอกเสื้อมาบดผสมกันก่อนจะยัดเข้าปาก หลิงโม่หานขมวดคิ้วกระบี่อย่างอดไม่ได้ขณะมองขอทานน้อย เขาแอบคิดว่าเมื่อคืนขอทานน้อยเพิ่งกินเนื้องูย่างไป หรือว่าไม่ทันไรก็หิวเสียจนต้องหยิบสมุนไพรมาประทังความหิวแล้ว?
แต่สมุนไพรพวกนั้นยัดกินไปแบบนั้นเลยไม่ได้กระมัง หรือเขาไม่รู้ว่าถ้ากินสมุนไพรไปมั่วซั่วแล้วจะมีปัญหา? ขณะหลิงโม่หานกำลังคิด ก็เห็นขอทานน้อยส่งเสียงพรวดและกระอักเลือดสีดำๆ ออกมา ก่อนที่ทั้งร่างจะล้มลงไป…
…………………………………………………….
ตอนที่ 12 จูบแรกของท่านอา
พอเห็นภาพเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่งพลางครุ่นคิด จนผ่านไปสักพัก เขาไม่เห็นทีท่าว่าขอทานน้อยจะตื่นขึ้นมา จึงสูดหายใจเข้าแล้วเดินไปทางด้านนั้น
“ตายแล้วรึ?”
เขาใช้เท้าถีบร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนนั้นเบาๆ ทีหนึ่ง เห็นว่าไม่มีการโต้ตอบ จึงโน้มตัวลงเพื่อตรวจดูลมหายใจของขอทานน้อย ใครจะรู้ว่าพอเขาโน้มตัวลงไป ร่างเล็กที่เดิมทีนอนไร้ลมหายใจจู่ๆ ก็ผลุงขึ้นและกระโจนมาทางเขา ทำให้หลิงโม่หานที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจล้มลงบนพื้น
“ท่านอา! ฮ่าๆๆ… เอ๋!”
เสียงของเฟิ่งจิ่วที่กำลังหัวเราะอย่างสบายใจชะงักไป รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย เธอมองท่านอาที่ถูกเธอผลักจนล้มอยู่บนพื้น ดวงตาเขาดูตกตะลึง ก่อนจะเห็นอุ้งมือมารที่ตะปบอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
นี่ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? นี่เธอถูกลวนลามเสียแล้วหรือ
สัมผัสอันอ่อนนุ่มที่ส่งผ่านมาถึงฝ่ามือทำให้ในหัวของหลิงโม่หานขาวโพลนไปในทันที ความตกตะลึงเต็มเปี่ยมในดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้าเป็นผู้หญิงรึ?” ขณะที่พูดก็พลันดึงสติและสองมือนั้นกลับมา
แต่พอเขาดึงมือกลับ เฟิ่งจิ่วที่นิ่งอึ้งไปไม่ต่างกันก็ไม่โต้ตอบอะไรมา พอสูญเสียแรงค้ำจากสองมือของเขา ทั้งร่างก็ล้มลงไป ปากจิ้มลิ้มทาบลงบนริมฝีปากบางที่เต็มไปด้วยหนวดยาวๆ โดยบังเอิญ
“อื้อ!”
ทั้งสองคนส่งเสียงขึ้นจมูก สองริมฝีปากชนกันจนรู้สึกเจ็บ
ครั้งนี้ร่างหลิงโม่หานแข็งทื่อไปแล้ว ดวงตาเขาเบิกกว้างเพราะความเหลือเชื่อ ราวกับตื่นตกใจจากอะไรบางอย่าง จากนั้นสองตาก็เหลือกขึ้นหมดสติไป
ครั้นเห็นท่านอาหมดสติ สีหน้าเฟิ่งจิ่วก็ดำมืดลง เธอตะกายตัวขึ้นมาลูบๆ ใบหน้าที่ถูกหนวดทิ่มจนเจ็บเบาๆ พลางถมน้ำลายและเช็ดปาก “ข้าไม่ได้รังเกียจที่ท่านเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกนะ แต่ท่านยังจะหมดสติอย่างไม่เกรงใจได้อยู่อีกหรือ?”
เมื่อแตะพวกโคลนที่เกาะอยู่บนใบหน้า แล้วมองท่านอาที่หมดสติไปแล้วจริงๆ อีกที เธอก็แค่ว่ารู้สึกหมดคำพูด
เฟิ่งจิ่วจัดการกับสมุนไพรแก้พิษ บดแล้วกลืนมันลงไปทั้งดิบๆ ผลของยานี้รุนแรงเกินไปจนเธอกระอักเลือดสดๆ ออกมา เธอจึงอาศัยโอกาสนี้หลอกล่อคนในมุมมืด จะลองดูว่าเป็นใครกันแน่? กลับไม่นึกว่าเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงของท่านอา ดังนั้นเธอเลยอยากแกล้งเขาสักหน่อย ใครจะนึกว่าสุดท้ายตัวเองกลับถูกเขาลวนลาม ซ้ำยังกลายเป็นว่าคนที่ลวนลามเธอดันตกใจจนหมดสติไปอย่างไม่คาดคิดอีก
เฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ และอาศัยโอกาสตอนที่เขายังไม่ตื่นพินิจมองเขาอย่างละเอียด เธอพบว่าท่านอาผู้นี้ก็หน้าตาไม่เลวเลยจริงๆ
ถึงแม้ใบหน้าจะถูกหนวดเคราบดบังไปกว่าครึ่ง แต่สองคิ้วกระบี่ จมูกโด่งเป็นสัน โครงหน้าที่เด็ดเดี่ยวเย็นชา รวมถึงริมฝีปากน่าดึงดูดที่ซ่อนอยู่ใต้เครา แทบไม่มีส่วนใดไร้เสน่ห์ความเป็นชายของเขาเลย
สายตาที่ชื่นชมของเธอค่อยๆ เคลื่อนลงมา มองผ่านร่างกายกำยำและสองขาที่เรียวยาวแข็งแกร่งของเขา ก่อนจะแอบพยักหน้ากับตัวเอง ‘อืม ร่างกายเขาใส่เสื้อผ้าก็ดูได้ถอดเสื้อผ้าก็ดูดี ถึงไม่เห็นก็รู้ว่าเขาต้องมีกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัดๆ แน่นอน’
ขณะกำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาราวกับถูกผีเข้า ทว่าตอนนั้นเอง น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นมาข้างหู
“เจ้าทำอะไรน่ะ!”
หลิงโม่หานขมวดคิ้วมอง พลิกตัวลุกยืนขึ้นแล้วถอยออกห่างจากนาง ตอนที่เพิ่งฟื้นเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นนางกำลังพินิจมองเรือนร่างของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงจะบอกว่าที่จริงสายตานั้นคือความชื่นชม แต่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองผู้ชายมันดูเหมาะสมหรือ?
พอได้ยินเสียงของเขา มือที่เพิ่งยื่นไปก็ยกขึ้นเกาหัวตามธรรมชาติ เธอพูดยิ้มๆ อย่างเหนียมอายว่า “ท่านอา ข้าไม่ได้ทำอะไรนะ!” ชิ! ทำไมถึงตื่นมาเร็วขนาดนี้? เธอยังอยากสัมผัสกล้ามหน้าท้องนั่นอยู่เลย!
…………………………………………………….