เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1117 อยากกินจริงหรือ + ตอนที่ 1118 พาพวกเจ้าไปข้างใน
ตอนที่ 1117 อยากกินจริงหรือ? + ตอนที่ 1118 พาพวกเจ้าไปข้างใน
ตอนที่ 1117 อยากกินจริงหรือ?
ด้วยความจนปัญญา ลั่วเฟยมองสิ่งที่ส่งมาตรงปาก ได้แต่กัดฟันหลับตาอ้าปากกินไป
หนิงหลางกับซ่งหมิงที่อยู่ข้างๆ เห็นเขาจะกินสิ่งนั้นจริง ก็เบิกตาทันควัน สีหน้าทั้งแปลกใหม่และเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าตอนแรกเขาหลับตากิน ใบหน้ายับยู่ไปหมด ภายหลังนึกไม่ถึงว่าจะลืมตาขึ้นมาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองจึงอดถามไม่ได้ว่า “อร่อยมากหรือ?”
ยังเคี้ยวด้วยเหรอ? คิดว่าเคี้ยวไส้หมูหรือไร?
“อร่อยดี รสชาติเยี่ยมจริงๆ ข้าไม่เคยกินอาหารอร่อยเท่านี้ มาๆ ต้วนเยี่ย ข้าช่วยเจ้าเอง” เขาเปลี่ยนจากท่าทางขัดขืนก่อนหน้านี้ ลงมือแกะหัวและหางด้วยตนเอง ก่อนจะส่งไปให้ต้วนเยี่ยด้านข้าง
ต้วนเยี่ยมองท่าทางที่เขากิน แล้วมองสิ่งที่เขาหนีบไว้ในมือ ใบหน้าอ่อนวัยซีดขาว ต้องกินของพรรค์นี้จริงๆ หรือ?
เขามองไปทางเฟิ่งจิ่ว เห็นเฟิ่งจิ่วกำลังกอดอกหยีตายิ้มมองเขาอยู่ตรงนั้น รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้แล้ว จึงได้แต่กัดฟันกินไป เมื่อเข้าปากก็กลืนลงไปทันที ไม่เหมือนลั่วเฟยที่ยังเคี้ยวในปากอย่างแช่มช้าเช่นนั้น
ต้วนเยี่ยฉีกยิ้ม “เป็นอย่างไร อร่อยล่ะสิ?” ระหว่างพูดเขายังหยิบอีกตัวใส่เข้าปากเคี้ยว เอ่ยชมไม่หยุดปากด้วยสีหน้าหวนนึกถึงรสชาติติดปลายลิ้น
หนิงหลางกับซ่งหมิงด้านข้างเห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้ สิ่งนั้นอร่อยจริงหรือ?
คนทั้งสองมองไปทางต้วนเยี่ย เห็นว่าใบหน้าเด็กน้อยเรียบเฉย ไม่ขมวดคิ้วหรือมีสีหน้าทรมาน เขาไม่เคี้ยวเหมือนลั่วเฟยแต่กลืนลงไปทันที
ต้วนเยี่ยเห็นทั้งสองคนจ้องมองตนเองตลอด จึงปั้นหน้าอ่อนวัยคล้ายซาลาเปา เอ่ยอย่างแข็งทื่อว่า “ก็อร่อยดี”
“อร่อยจริงหรือ?” ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะตะลึง คาดไม่ถึงเล็กน้อย
“อืม อร่อยจริงๆ” ต้วนเยี่ยพยักหน้าบอกอีกครั้ง
“พวกเจ้าอย่าจ้องอาหารในมือพวกเราสิ มองไปเราก็ไม่แบ่งให้พวกเจ้ากินหรอก” ลั่วเฟยกล่าวพลางขยับกล่องมากอดไว้ในอ้อมแขน กันออกจากสองคนนี้ด้วยท่าทางเหมือนกันขโมย
เมื่อสองคนที่เดิมทียังสงสัยเห็นก็ใจเต้นเบาๆ ทันใด อร่อยจริงหรือ พวกเขาต้องชิมบ้างหรือไม่?
“คือว่า พวกเจ้าให้พวกเราชิมบ้างได้หรือไม่? พวกเราแค่จะลองสักหน่อย” หนิงหลางฉีกยิ้มและถามหยั่งเชิง
“อย่าแม้แต่จะคิด ไม่เห็นหรือว่ามีแค่สิบตัว? พวกเรากินเองยังไม่พอเลย หนำซ้ำเฟิ่งจิ่วบอกแล้ว นี่เป็นอาหารบำรุง ข้าไม่ให้พวกเจ้าได้ประโยชน์หรอก” ลั่วเฟยเอ่ยพลางปกป้องกล่องในอ้อมแขน
ซ่งหมิงเห็นเช่นนี้ก็ดวงตาเป็นประกาย เอ่ยว่า “พวกเราจะลองสักตัว แค่กินของพวกเจ้าคนละตัว” เดิมทีเขาไม่สนใจ ถึงขั้นสะอิดสะเอียนด้วยซ้ำ แต่เห็นคนทั้งสองกินอย่างออกรสออกชาติเช่นนี้ ภายในกล่องมีแค่สิบตัวก็จริง แต่ตอนนี้เหลือไม่กี่ตัวแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงร้อนใจเล็กน้อย
ต้วนเยี่ยเห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ ใบหน้าเด็กน้อยไร้อารมณ์ ทำเพียงชำเลืองมองพวกเขา แล้วยื่นมือหยิบตัวหนึ่งมาแกะหัวหางใส่ปากกลืนลงไป
ลั่วเฟยขมวดคิ้วมองทั้งคู่พลางเอ่ยถาม “อยากกินจริงหรือ?”
“ใช่ อยากสิ แค่อยากชิมรสชาติสักหน่อย ว่าอร่อยจริงอย่างที่พวกเจ้าว่าหรือไม่” สองคนฉีกยิ้ม สายตานิ่งจ้องแมลงตัวใหญ่สีขาวสองตัวที่เหลือของพวกเขา
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ ก็ถอนใจเบาๆ อยู่ในใจและแอบส่ายหน้า ทนดูต่อไปไม่ได้อีก จึงหมุนตัวกลับเข้าไปในอาศรม
เจ้าโง่สองคนนี้พูดได้ว่าเฉลียวฉลาด แต่หากเทียบกับลั่วเฟยที่มากเล่ห์เหลี่ยมเป็นที่สุดและแสนกลปานจิ้งจอกแล้วยังอ่อนหัดไปหน่อย
………………………………………………….
ตอนที่ 1118 พาพวกเจ้าไปข้างใน
เป็นไปตามคาด หลังจากเฟิ่งจิ่วกลับไป สองคนข้างหลังต่างคนต่างคว้าแมลงขึ้นมาแกะหัวแกะหางชิมกันอย่างยั้งความอยากรู้ในใจไว้ไม่ได้ เพียงเข้าปากไป รสชาติผิดแปลกก็ทำให้หนิงหลางกับซ่งหมิงอาเจียนกันตรงนั้น โค้งตัวลงขณะที่สีหน้าเปลี่ยนไปขาวซีดในทันที พวกเขาถ่มน้ำลายสุดแรง และไม่ลืมถลึงตามองลั่วเฟยที่หัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าพวกโง่ นึกไม่ถึงว่าจะเชื่อจริงๆ”
ลั่วเฟยหัวเราะลั่นพลางตบต้นขา มองสองคนที่กินแมลงตัวอ้วนโตกำลังค้อมตัวด้วยสีหน้าดูไม่ได้อยู่ตรงนั้น พอเห็นท่าทางคลื่นไส้ของทั้งคู่ก็สำราญใจทันใด ความรู้สึกขยะแขยงที่ก่อนหน้านี้ฝืนเคี้ยวไปหลายตัวเขาก็สะกดกลับไปแล้ว
แม้แต่ต้วนเยี่ยที่หน้าบึ้งอยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว ถามว่า “รสชาติไม่เลวเลยใช่ไหม?”
“ใช่ แต่พวกเรากินไปสี่ตัว พวกเจ้าเพิ่งกินไปคนละตัว ถือว่าโชคดีแล้ว” ลั่วเฟยฉีกยิ้ม แล้วหยิบกระเป๋าเก็บน้ำจากในห้วงมิติมาล้างปาก
หนิงหลางกับซ่งหมิงสองคนมองพวกเขาอย่างหมดคำจะพูด เจ้าขี้แกล้งสองคนนี้ หากไม่เห็นพวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย ทำท่าทางหวนนึกถึงรสชาติ พวกเขาคงไม่ติดกับหรอก
ใครจะไปรู้ รสชาติกลืนลงยากเช่นนั้น พวกเขากินเสียเหมือนอาหารรสเลิศได้อย่างไร?
“เอาละๆ พวกเจ้าว่ามาหน่อยซิ พวกเจ้าให้ผลึกอสูรที่ได้มาไปหมดแล้ว? นึกไม่ถึงจริงๆ! ภายในสิบวันพวกเจ้าหาผลึกอสูรมาได้มากเพียงนั้นเชียว”
ลั่วเฟยมองพวกเขาสองคนด้วยความประหลาดใจซึ่งยากจะปิดบัง ว่ากันตามจริง เขาไม่คิดว่าพวกนี้จะได้ผลึกอสูรมามากเท่านี้ หนำซ้ำยังนำออกมาหมด หากพวกเขารู้จักเก็บไว้บ้าง พวกตนสองคนก็คงไม่แพ้
“ใช่ เจ้านึกว่ากำลังของพวกเราด้อยกว่าพวกเจ้าหรือไร?” หนิงหลางแค่นเสียงหยันเบาๆ ในใจแอบภูมิใจ
พวกเขามองหน้ากันยิ้มๆ ไม่เอ่ยปากอะไรอีก แต่ไปพักผ่อนในบ้านไม้น้อยซอมซ่อ และจัดการบาดแผลตามร่างกาย
พลบค่ำ เฟิ่งจิ่วให้พวกเขาพักผ่อนสองวัน รักษาแผลให้หายค่อยว่ากันอีกที ตกกลางคืนพวกเขาจึงย่างเนื้อและเตรียมสุรา ก่อนจะเรียกเฟิ่งจิ่วออกมากิน หลังพักกันไปสองวัน บาดแผลส่วนใหญ่ก็ฟื้นตัวประมาณหนึ่งแล้ว
เพราะบนร่างพวกเขาส่วนมากเป็นแผลเพียงผิวเนื้อ อีกทั้งยังมียาที่เฟิ่งจิ่วให้พวกเขามา สองวันก็ตกสะเก็ดหมดแล้ว สองวันผ่านไปพวกเขาจึงออกไปข้างนอกอีกครั้ง กระทั่งสิบวันให้หลังก็นำผลึกอสูรกลับมาอีก…
รอบนี้ แน่นอนว่าชัยชนะเป็นของกลุ่มลั่วเฟยกับต้วนเยี่ย ส่วนหนิงหลางกับซ่งหมิงก็ได้รับบทลงโทษตามปกติ ยังคงเป็นการกินแมลงตัวใหญ่สีขาวสดๆ
พวกเขาอยู่ข้างในเช่นนี้ไปอีกเดือนหนึ่ง จนกระทั่งเช้าตรู่หนึ่งเดือนต่อมา พวกเขาก็มาที่ด้านหน้าอาศรม
“เฟิ่งจิ่ว?”
กลืนเมฆาเดินออกมาจากข้างใน เหล่มองพวกเขาเพื่อถามไถ่อย่างไร้เสียง
“พวกเราวางแผนว่าจะออกไป จึงมาบอกให้เขารู้” พวกเขาบอก เห็นว่าเฟิ่งจิ่วไม่ออกมาจึงให้อสูรกลืนเมฆาไปบอกแทน ทว่าตอนเตรียมจะหมุนตัวออกไป ก็ได้ยินเสียงของเฟิ่งจิ่วดังมาจากด้านหลัง
“พวกเจ้าล่าสัตว์ร้ายมากมายเพียงนั้น แถวนี้คงถูกพวกเจ้าล่าไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ระดับต่ำไป ล่าไปไม่ท้าทายอะไร เอาเช่นนี้แล้วกัน! ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดินเล่นข้างในอีกสักหน่อย”
มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มมองพวกเขา “แต่พวกเจ้าเตรียมใจไว้เป็นดีที่สุด พื้นที่ที่เข้าไปอีกจะเจอผู้ฝึกวิชามารหรือผู้ฝึกตนไร้สำนักปล้นได้แทบทุกที่”
“จะไปจากที่นี่แล้วหรือ?”
………………………………………………….