เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1119 ต้องระวังมีงู + ตอนที่ 1120 เจ้าคิดจะทำอะไร
ตอนที่ 1119 ต้องระวังมีงู + ตอนที่ 1120 เจ้าคิดจะทำอะไร
ตอนที่ 1119 ต้องระวังมีงู
ทั้งสี่คนดวงตาเป็นประกาย พวกเขาอยู่ที่นี่มาสักระยะแล้ว ตั้งแต่ตามเฟิ่งจิ่วมาที่นี่ อยู่ในป่าสองเดือนกว่า นับรวมการเดินทางและเรื่องล่าช้าระหว่างทางก็เป็นเวลาเกือบสามเดือน เมื่อนึกถึงว่าเวลาหนึ่งปีตอนนี้ผ่านไปสามเดือนแล้ว ในใจยังกังวลเล็กน้อย ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ยินเขาบอกว่าจะพาพวกตนไปข้างใน
ลำพังแค่คิด ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ช่วงเวลาที่อยู่ในนี้ พวกเขาคุ้นเคยกับละแวกนี้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งคาดหวังว่าด้านในนั้นจะมีสัตว์ร้ายที่ระดับสูงกว่าหรือไม่ จะมียาทิพย์ล้ำค่าไหม มีอันตรายที่พวกเขาไม่เคยเจอหรือไม่ หรือมีสิ่งน่าประหลาดใจอะไรรอพวกเขาอยู่?
ความกล้าเสี่ยงภัยที่ซ่อนอยู่ลึกในจิตใจของชายหนุ่มและจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ในยามนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมา และเฝ้ารอเรื่องที่จะได้เจอต่อจากนี้
“ใช่ อยู่ที่นี่มาสองเดือน แม้ช่วงนี้ระดับพลังของพวกเจ้ายังไม่พัฒนา แต่ขาดแค่โอกาสสำคัญเท่านั้น ไปกันเถอะ! เมื่อไปถึงด้านใน ข้าเชื่อว่าภายในเวลาที่เหลือ พวกเจ้าจะบรรลุขั้นได้อย่างแน่นอน”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเล็กน้อยพลางมองพวกเขา มีความมั่นใจในพละกำลังของพวกเขาสี่คนมาก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไปเก็บของ มองเฟิ่งจิ่วถอนเขตอาคมและค่ายกลที่นี่ จากนั้นขี่กระบี่ตามเขาเข้าไปในป่าพร้อมๆ กัน…
ผ่านไปสองวัน ห้าคนหนึ่งอสูรมาพัก ณ บริเวณหนึ่งในป่า หยิบเนื้อที่ย่างเรียบร้อยจากในห้วงมิติมาย่างไฟให้ร้อน แล้วแบ่งกันกินเติมท้อง
หากเทียบกับสิ่งที่เรียกว่ายาห้าธัญพืช พวกเขาชอบกินธัญพืชทั้งห้ามากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเนื้อสัตว์ร้ายพวกนี้เสริมกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เสียไปในร่างพวกเขาได้ อีกทั้งรสชาติอร่อยกว่ายาห้าธัญพืช จึงย่อมกินธัญพืชทั้งห้าเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อน
“น่าแปลก พวกเราเข้ามาตลอดทาง ทำไมไม่เจออันตรายอะไรเลย?” หนิงหลางกินเนื้อย่างพลางเอ่ยขึ้น
ซ่งหมิงฉีกยิ้ม “ไอสังหารกับความชั่วร้ายบนตัวพวกเราตลบอบอวลจนสัตว์ร้ายพวกนั้นหนีกันไม่ทันน่ะสิ”
ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยได้ยินเช่นนี้ก็ชายตามองเขา “ทำไมพวกเราไม่รู้สึกเลย?”
ตั้งแต่ครั้งนั้นที่พวกเขาใช้ผลึกอสูรตัดสินแพ้ชนะ พวกเขาก็ได้เปิดหูเปิดตากับเล่ห์เหลี่ยมและอุบายของสองคนนี้ แม้แต่ลั่วเฟยยังต้องยอมรับว่าตอนสองคนนี้รวมหัวกันวางแผน จะทำให้คนตั้งตัวไม่ทันจริงๆ การตัดสินแพ้ชนะสามครั้งในหนึ่งเดือน ขนาดเขายังแพ้ไปสองรอบ เห็นได้ว่าสองคนนี้กำลังแกล้งโง่แน่ๆ
รอบแรกเขากับต้วนเยี่ยเก็บผลึกอสูรไว้ไม่นำออกมาทั้งหมด รอบสองหยิบออกมาหมด สู้ถึงที่สุดเพื่อจะชนะอย่างสมบูรณ์ คิดว่าพวกเขาคงทำเช่นรอบแรก คือนำผลึกอสูรที่ได้มาทั้งหมดเข้าสู้ ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่หยิบมาสองร้อยก้อนตามจำนวนน้อยสุดที่เฟิ่งจิ่วกำหนดไว้แล้วไม่พูดอะไรอีก
จนกระทั่งรอบสาม เขากับต้วนเยี่ยก็แพ้อีก เพราะรอบสองพวกนี้เก็บไว้ เมื่อรอบสามหยิบผลึกอสูรที่ได้มาออกมาอีก แน่นอนว่าย่อมเอาชนะพวกเขาไป
จากเรื่องนี้ พวกเขาถึงรู้ว่าเจ้าสองคนนี้วางแผนได้ฉลาดจริงๆ หรือไม่ก็ซ่งหมิงไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่หนิงหลางชำนาญนัก ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินทองผลประโยชน์ มักจะวางแผนรอบคอบให้ตนเองได้กำไรมา
เฟิ่งจิ่วกินเนื้อย่าง พลางบอกว่า “อยู่ในนี้ต้องระวังงูพิษ ช่วงก่อนหน้านี้ข้ามาเก็บยาทิพย์แถวนี้ มีงูพิษเต็มไปหมด หนำซ้ำมีราชางูตัวหนึ่งบรรลุถึงระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดแล้ว บนหัวราชางูมีก้อนสีแดง พวกเจ้าต้องระวังหน่อย”
………………………………………………….
ตอนที่ 1120 เจ้าคิดจะทำอะไร
“ได้ พวกเราจะระวัง”
พวกเขาพยักหน้ารับ แล้วกินเนื้อย่างต่อไป ทว่าเมื่อกระแสลมปั่นป่วนพัดมาแต่ไกลๆ ดุจลายน้ำ คลื่นพัดผ่านข้างกาย คนทั้งหลายเงยหน้าขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
เมื่อเงี่ยหูฟังอย่างละเอียด เสียงดาบกระบี่กระทบกันดังมาจากบริเวณค่อนข้างไกล เสียงไม่ดังแต่วุ่นวายมาก น่าจะสู้ตะลุมบอนกัน
“เหมือนมีคนกำลังสู้กัน” หนิงหลางยัดเนื้อเข้าปาก กลอกตาขบคิดอย่างรวดเร็ว “พวกเราไปดูกันไหม?”
“ไม่เกี่ยวกับพวกเรา จะยุ่งมากเพียงนั้นไปทำไม” ต้วนเยี่ยไม่อยากไปสนใจเท่าไร เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองเขาไม่สนใจ
“ข้าคิดว่าไปดูเสียหน่อยคงไม่เป็นไร อย่างไรเสียพวกเราก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ” ซ่งหมิงกล่าว หลังจากกินเนื้อย่างในมือเสร็จก็เช็ดมือและลุกขึ้นมา
ลั่วเฟยครุ่นคิด แล้วเอ่ยว่า “พวกเราไปต้องสร้างปัญหาแน่ ถึงเวลานั้นต่อให้พวกเราไม่ปล้นคนอื่น คนพวกนั้นก็จะมาปล้นเรา ไม่คุ้มสักเท่าไร”
เฟิ่งจิ่วได้ยินพวกเขาคุยกันอยู่ตรงนั้นก็ยิ้มๆ “ไปกันเถอะ! ถึงอย่างไรก็ยังว่าง พวกเราดูอยู่ไกลๆ ก็ได้ ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง พวกเจ้าจะได้สังเกตการณ์วิธีการต่อสู้ของคนอื่น และได้รับประสบการณ์จากมันด้วย”
คนอื่นๆ เห็นเฟิ่งจิ่วพูดเช่นนี้ย่อมไม่คัดค้าน หลังจากกินอาหารเสร็จก็ตามเสียงนั้นไปโดยไม่เข้าไปใกล้เกิน แต่เก็บงำกลิ่นอายกระโดดขึ้นต้นไม้ อาศัยใบไม้เขียวชอุ่มเฝ้ามอง
“ฮ่าๆๆๆ! ผู้ชายฆ่าให้หมด ผู้หญิงจับกลับไป!”
กลุ่มผู้ฝึกวิชามารประมาณสามสิบกว่าคนกำลังปิดล้อมกลุ่มผู้ออกมาฝึกฝนของตระกูลที่มีทั้งชาย หญิง เด็ก และผู้ใหญ่ยี่สิบกว่าคนไว้ตรงกลาง พวกเขาสังเกตได้ว่าคนที่โดนล้อมพวกนั้นพลังไม่อ่อนด้อย แต่ยามนี้พวกเขาแต่ละคนฝีเท้าอ่อนแรง ไม่มีกำลังต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ทำเพียงกัดฟันแน่นฝืนต้านทานอยู่ตรงนั้น
หากไม่ใช่เพราะผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณในกองกำลังของตระกูลและระดับหลอมแก่นพลังแปดคนกำลังต้านรับไว้ เดาว่าคงโดนผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นกำจัดทิ้งนานแล้ว
“พลังของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นไม่แข็งแกร่ง นอกจากระดับสร้างรากฐาน มีระดับหลอมแก่นพลังแค่เจ็ดคน ในนั้นเป็นขั้นสูงสุดสองคน กำลังต่อสู้เช่นนี้หากไม่ใช่เพราะพวกเขาใช้อุบายชั่วช้าคงโดนคนของตระกูลฆ่าไปแล้ว”
ลั่วเฟยจ้องพินิจกลุ่มคนตรงหน้า พลางกดเสียงต่ำพูดกับพรรคพวก
“อุบายชั่วช้าก็เป็นฝีมือ ชัดเจนยิ่งว่าคนพวกนี้ฝีเท้าอ่อนแรง ร่างกายโซเซจนเป็นเช่นนั้น ในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็ต้องตายแล้ว” ซ่งหมิงเอ่ยขึ้น สายตาจับจ้องหญิงงามสองสามคนที่โดนล้อมอยู่ตรงกลาง ดวงตาเป็นประกาย กล่าวว่า “แต่ผู้หญิงพวกนี้หน้าตาดี หนำซ้ำอายุใกล้เคียงพวกเรา ดูท่าทางจะตามออกมาฝึกวิชา”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ คนทั้งหลายมุมปากกระตุก ต่างมองไปทางเขา
เจ้าบ้ากามนี่ จะอย่างไรก็แก้นิสัยหื่นกามของเขาไม่ได้
เขารู้สึกถึงสายตาของทุกคน จึงฉีกยิ้มเจื่อนๆ “แหะๆ พวกเจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าแค่เห็นผู้หญิงก็จะหน้ามืดตามัวเสียหน่อย”
หนิงหลางมองคนตรงหน้าพวกนั้น ปากกัดใบไม้ที่ร่วงมาจากต้นไม้ ถามว่า “พวกเจ้าว่า หากเป็นพวกเราจะสู้ผู้ฝึกวิชามารพวกนี้ไหวหรือไม่”
“สู้ตัวต่อตัวไม่ไหวหรอก แต่ถ้าใช้อุบายน่าจะไม่เป็นปัญหา” ต้วนเยี่ยกล่าวจบ เสียงก็ชะงักไป ก่อนจะมองหนิงหลางประหนึ่งว่านึกอะไรบางอย่างได้
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
สายตาคนอื่นๆ จึงหยุดลงบนร่างของหนิงหลางด้วยเพราะเหตุนี้
………………………………………………….