เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1121 พวกเจ้าตัดสินใจ + ตอนที่ 1122 ซี้ซั้วทำเกินไปแล้ว
ตอนที่ 1121 พวกเจ้าตัดสินใจ + ตอนที่ 1122 ซี้ซั้วทำเกินไปแล้ว
ตอนที่ 1121 พวกเจ้าตัดสินใจ
หนิงหลางเห็นสายตาของพวกเขาหยุดบนร่างตนเอง ก็ฉีกยิ้มกว้าง ลูบๆ ท้องบอกว่า “พวกเจ้าดูสิ! เสื้อผ้าบนตัวคนตระกูลนั้นถึงจะไม่โดดเด่นมาก แต่เป็นวัสดุชั้นดีทั้งนั้น ตระกูลทั่วไปไม่มีทางได้สวมสิ่งนี้ ข้าจึงคิดว่าพวกเขาต้องมีเงินเยอะแน่ๆ”
“แล้วอย่างไร?” พวกเขาถาม
“แล้วอย่างไร? ในเมื่อพวกเรามาเจอ ก็ต้องหาเงินเข้าตัวสิ!” หนิงหลางกล่าวอย่างมั่นใจ ก่อนจะบอกพวกเขาด้วยความกระตือรือร้นยิ่ง “พวกเจ้าดู หากพวกเราไม่ช่วย คนพวกนี้ไม่รอดแน่ ผู้ชายตาย ผู้หญิงตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นตายไปยังดีกว่าเป็นแน่!”
“ดังนั้นข้าคิดว่าพวกเราสามารถทำความดีและถือโอกาสทำเงินสักหน่อย พวกเจ้าว่าอย่างไร? งานนี้ไม่เลวเลยกระมัง? ข้าคิดว่าทำได้ไหว” เขามองคนอื่นพลางเอ่ย หวังว่าพวกเขาจะเห็นด้วย ถึงอย่างไรหากต้องทำจริงๆ จะขาดความช่วยเหลือจากพวกเขาไปไม่ได้
พวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็มองหน้ากัน สุดท้ายค่อยมองเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วเห็นพวกเขามองมากันหมด จึงยิ้มเอ่ยว่า “พวกเจ้าตัดสินใจเลย ข้าจะคอยดู อย่าหวังให้ข้าลงมือ ถ้าพวกเจ้าไม่มีอันตรายถึงชีวิตข้าจะไม่ออกหน้า ทุกอย่างพวกเจ้าต้องแก้ไขด้วยตนเอง”
สี่คนเห็นดังนั้นก็เขยิบมาปรึกษากัน “เช่นนั้นจะทำอย่างไร พวกเขามีคนมากกว่า พวกเราคนน้อย พรวดพราดออกไปเช่นนี้ไม่ได้แน่”
“ข้ามีวิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง” ซ่งหมิงเอ่ยขึ้น แล้วกดเสียงเบาลงกล่าวว่า “พวกเขาใช้ยา เช่นนั้นพวกเราก็ใช้ยาบ้าง เพิ่มปริมาณหน่อยแล้ววางยาพวกเขาก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
“ไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น?” ลั่วเฟยส่ายหน้า “วิธีนี้จัดการคนอื่นอาจจะได้ แต่รับมือผู้ฝึกวิชามารพวกนี้ไม่ได้แน่นอน ในหมู่พวกเขาต้องมีคนชำนาญด้านยา มิเช่นนั้นไม่น่าทำให้ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณของตระกูลติดกับได้ หนำซ้ำยังเป็นยาที่แม้แต่ระดับกำเนิดวิญญาณยังต้านทานไม่ไหว ต้องเก่งกาจมากแน่”
“ฮึ! ต่อให้เก่งกาจอีกเพียงใดจะสู้ยาของภูตหมอได้หรือ” ต้วนเยี่ยเบะปากเอ่ย
หนิงหลางมองลั่วเฟยพลางถามว่า “เจ้ามีความคิดอะไรดีๆ ไหม”
“ฮิ ข้ามีวิธีหนึ่ง พวกเจ้าเข้ามาใกล้หน่อย ข้าจะบอกพวกเจ้า…เช่นนี้…เช่นนี้”
เฟิ่งจิ่วอุ้มอสูรกลืนเมฆานั่งอยู่บนกิ่งไม้ไม่ไกล มองพวกเขาสี่คนหารือกันตรงนั้น ไม่นานนักก็เห็นว่าพวกเขาเหมือนจะขัดแย้งอะไรกัน สุดท้ายคล้ายตกลงอะไรบางอย่างได้ หนิงหลางกับซ่งหมิงสองคนถอยมาด้านหลังอีกหน่อยก่อนจะปลอมตัว สิ่งที่ทำให้เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อยคือ นึกไม่ถึงว่าสองคนนั้นจะเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าผู้หญิง
แต่เห็นชัดว่าทั้งสองคนสางผมไม่เป็น สุดท้ายซ่งหมิงจึงถักสองเปียปล่อยไว้ด้านหลัง ส่วนหนิงหลางทำเป็นมวยผม แล้วยัดผลไม้สองลูกตรงหน้าอก ซ้ำยังทาแป้งบนหน้าเล็กน้อย เธอเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้
ทว่ารอจนพวกเขาจัดการเรียบร้อย ก็ขยิบตามาให้เธอพลางจับกระโปรงหมุนตัวประหนึ่งกำลังพูดว่า ‘ดูสิ พวกเราสวยหรือไม่’
ขณะที่เธอหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว ก็พบว่าสองคนนี้แต่งเป็นเด็กผู้หญิงได้น่ามองแปลกๆ เดิมทีหนิงหลางรูปร่างอ้วนกลมน่าเอ็นดู ยามนี้บนศีรษะผูกมวยผมสองข้าง ใบหน้าเจ้าเนื้อแดงระเรื่อ มองอย่างไรก็น่ารักอย่างนั้น
ส่วนชุดผู้หญิงของซ่งหมิงก็เหมือนผู้หญิงเสียยิ่งกว่าผู้หญิง หากไม่เห็นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
………………………………………………….
ตอนที่ 1122 ซี้ซั้วทำเกินไปแล้ว
เฟิ่งจิ่วเห็นคนทั้งสองแต่งตัวเป็นหญิงก็อดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเขาไปได้เสื้อผ้าผู้หญิงพวกนี้มาจากไหน?
เธอนั่งมองอยู่บนต้นไม้ หลังจากเห็นพวกเขาสองคนปลอมตัวเป็นผู้หญิง ซ่งหมิงดึงเสื้อผ้าบนตัวจนรุ่ยร่าย เผยผิวพรรณวับแวม หนิงหลางข้างๆ กันก็เอาเยี่ยงอย่าง ดึงเสื้อผ้าตาม ก่อนจะไม่ระวังออกแรงดึงมากไป หนำซ้ำชุดกระโปรงค่อนข้างเล็ก จึงดึงจนขาดเสียงดังเผยให้เห็น…พุงขาวสว่าง
ครั้นเห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกว่าพวกเขาจะซี้ซั้วทำเกินไปแล้ว
ทว่าเวลาต่อมาก็เห็นพวกเขาวิ่งไปข้างหน้าด้วยสีหน้าตื่นกลัว ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยข้างหลังก็ถือกระบี่ไล่ตาม
“กรี๊ด! ช่วยด้วย…”
ทั้งสองคนบีบเสียงร้องขอความช่วยเหลือพลางวิ่งไปข้างหน้า สองคนวิ่งหนีอีกสองคนไล่ตาม ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นเห็นว่าจู่ๆ พวกเขาก็บุกเข้ามาจึงเตรียมพร้อมระวังทันใด
แต่เมื่อเห็นว่าเป็นแค่สาวน้อยอายุสิบห้าสิบหกสองคน ยังมีเด็กหนุ่มที่ไล่ตามมาข้างหลัง ก็หัวเราะเยาะ แล้วมองเด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยสองคนอย่างเพลิดเพลิน
ในความคิดของพวกเขา คนเหล่านี้ไม่กลัวพลังสังหาร แต่สำหรับสี่คนที่วิ่งเข้ามากะทันหันนี้ พวกเขากำลังคิดว่าไม่ว่าเป็นใคร ในเมื่อมาถึงตรงหน้าพวกเขา เช่นนั้นก็ย่อมปล่อยผ่านไปไม่ได้ ในใจคิดอุบายไว้แล้ว
ส่วนคนของตระกูลเห็นพวกเขาก็นึกว่ามีคนมาช่วย แต่ครั้นเห็นอายุรวมถึงการแต่งตัวของคนพวกนั้นก็รู้ว่าพวกตนคิดมากไป
แต่ภาพต่อมากลับทำให้พวกเขาเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เห็นแต่เด็กสาวร่างเจ้าเนื้อที่เผยท้องขาวราวหิมะวิ่งเข้ามาพลางร้องขอความช่วยเหลือยกมือโยนตาข่ายผืนใหญ่มีประกายสีเงินออกมา ตาข่ายใหญ่นั้นคลุมลงมา จับผู้ฝึกวิชามารรอบด้านครึ่งหนึ่งที่ถอยไปตั้งรับด้านข้างเพราะเห็นพวกนางปรากฏตัวไว้ในตาข่ายยักษ์
“เก็บ!”
เด็กสาวเจ้าเนื้อตะโกนเสียงดังชัด ตาข่ายใหญ่สีเงินจับผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นไว้และเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ท่ามกลางเสียงอุทานของผู้ฝึกวิชามาร เด็กสาวอีกคนก็คว้าอะไรบางอย่างมาโปรยใส่คนที่โดนจับไว้ทันที
“ซ่าๆ!”
“อ๊าก…”
ไม่รู้ว่านั่นเป็นผงยาอะไร ครั้นสาดออกไปก็ปล่อยประกายไฟทันที ตอนตกลงบนร่างผู้ฝึกวิชามาร พวกเขากรีดร้อง ประกายไฟแผดเผาจนลืมตาไม่ขึ้น ในพริบตานั้นต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยที่ตามมาก็ลงมืออย่างรวดเร็ว
เปลวไฟระเบิดลุกไหม้ผู้ฝึกวิชามารในตาข่ายยักษ์ ยามรู้สึกว่าไฟเผาไหม้บนร่างตนเอง พวกเขาดิ้นรนคิดจะหนี แต่กลับตัดตาข่ายยักษ์สีเงินไม่ขาด ต่อมาร่างกายมีไฟลุก พวกเขาก็ไม่มีเวลาคิดหนี จึงปัดๆ ไฟตามร่างกาย
“สมควรตาย! เจ้าเด็กบ้าไม่รู้จักกลัวตายจากไหนกัน!”
ในกลุ่มผู้ฝึกตนที่หลบออกไปส่วนคน มีสองคนเป็นระดับหลอมแก่นพลังขั้นเริ่มต้น คนหนึ่งเป็นหลอมแก่นพลังขั้นท้ายสุด ยังมีผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานอีกสองคน ยามนี้พวกเขาเห็นว่าคนในตาข่ายเงินกรีดร้องกันระงม ยกอาวุธขึ้นมาอย่างโกรธแค้น อยากจะหนีจากตาข่ายเงินยักษ์ ใครจะรู้ว่าตาข่ายเหมือนหนักเป็นพันชั่ง ไม่มีทางหนีไปได้
ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยหมุนตัวไปโจมตีผู้ฝึกวิชามารเหล่านั้น ในมือทั้งคู่ปล่อยจิตสังหารออกไป ท่วงท่าและฝีมือที่เหี้ยมโหดทำให้คนหวาดผวา สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาคือวิธีฆ่าคนที่เร็วที่สุด อีกทั้งฝึกวิชามาสองเดือนแล้ว ย่อมไม่กลัวคนพวกนั้นเป็นธรรมดา
แต่เดิมทีกำลังของกลุ่มผู้ฝึกวิชามารก็ทำให้พวกเขากังวล ผู้ฝึกวิชามารระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด หากจะฆ่าพวกเขาก็ยังง่ายดายเหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง
………………………………………………….