เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1141 พบราชางูอีกครั้ง + ตอนที่ 1142 ข้ามาช่วยเจ้า
ตอนที่ 1141 พบราชางูอีกครั้ง + ตอนที่ 1142 ข้ามาช่วยเจ้า
ตอนที่ 1141 พบราชางูอีกครั้ง
เมื่อเฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงซ่าๆ แว่วมาก็สะดุ้งตกใจ หันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ ทว่าเห็นเพียงใบไม้บริเวณด้านหลังขยับไหว เสียงซ่าๆ พวกนั้นก็ดังมาจากใบไม้ที่ขยับเองโดยไม่มีลม
สิ่งที่ทำให้เธอระวังตัวคือนอกจากเสียงซ่าๆ นั้น ยังมีเสียงฟ่อๆ เฉกเช่นเสียงแลบลิ้นของงูพิษ…
นึกถึงตรงนี้ในใจของเธอหนาวสั่น ขณะกำลังจะออกไปก็ได้ยินเสียงของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณดังมา
“คล้ายจะเป็นเสียงแลบลิ้นของงู พวกเจ้าสองคนไปตรวจดูทีซิ” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณส่งสัญญาณให้สองคนข้างหลังล่วงหน้าไปตรวจสอบ พลางบอกเฟิ่งจิ่วอย่างเหลืออดเล็กน้อย “ส่งไข่นั่นมาเร็วเข้า!”
หากเสียเวลาต่อไปไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หากเด็กหนุ่มยังรู้มากเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจ!
แม้จะหวั่นใจในความตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่าย แต่เขาแค่ตัวคนเดียวและยังเป็นวัยรุ่น ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเช่นเขากับคนข้างหลังมากมายเพียงนี้จะกลัวเขาคนเดียวหรือไร?
“ตุบ! ตุบๆๆ!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ้ม “หลังจากท่านจัดการเรื่องข้างหลังค่อยว่ากันเถอะ! แน่นอนว่าก่อนอื่นพวกท่านต้องรอดมาให้ได้” สิ้นเสียงเธอเรียกพลังกระโดดเหยียบขนนกบินไปบนอากาศ ยกแขนเสื้อขึ้นโปรยบางอย่างไปข้างล่าง แล้วเร่งไปยังทิศทางที่นกอินทรีอยู่
“ตามไป!” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณตะโกนด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ทว่าในเวลานี้เสียงกรีดร้องแหลมก็ลอยมาจากสองคนที่ส่งไปตรวจสอบ
“อ๊าก…ช่วยด้วย!”
น้ำเสียงที่ทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัววาดผ่านขึ้นไปบนฟ้า เพิ่งจะดังขึ้นก็หยุดลงและเปลี่ยนไปไร้เสียงไร้กลิ่น ประหนึ่งว่าโดนอะไรกลืนกินไปโดยฉับพลัน
ทุกคนที่ได้ยินเสียงตื่นกลัวในใจ รีบถอยหลังไป แต่ยามนี้เสียงฟ่อๆ ยิ่งเข้ามาใกล้ มองไปอีกครั้งงูพิษตัวใหญ่ยักษ์กำลังเลื้อยมาทางนี้ นั่นเป็นระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด บนหัวมีก้อนใหญ่สีแดง แลบลิ้นงูสีแดงฉานสามแฉก ทำให้คนตกใจเสียจนร้องลั่นกันเรื่อยๆ
“อ๊าก! งูยักษ์! ยังมีงูเล็กฝูงใหญ่! นั่นเป็นฝูงงูพิษ! หนีเร็ว!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องผู้ฝึกตนพวกนั้นพากันหนีไปข้างหลัง ระหว่างตื่นตกใจก็ชนกันวุ่นวาย บางคนโดนชนล้มและถูกคนข้างหลังเหยียบ เมื่อดิ้นรนคิดจะลุกขึ้นยังโดนคนข้างหลังเหยียบซ้ำไม่มีโอกาสลุกยืน
“ฟ่อ!”
ราชางูร้องฟ่อ พร้อมเชิดหัวใหญ่โตจ้องมองรอบด้านด้วยดวงตาดุร้ายกระหายเลือด เมื่อเหลือบเห็นร่างสีแดงคุ้นเคยพุ่งไปบนฟ้าก็ส่งเสียงร้องฟ่อ ก่อนจะตามไปอีกครั้ง
ฝูงงูด้านหลังประดังเข้ามา เลื้อยพุ่งออกไปกระโจนกัดร่างของผู้ฝึกตนพวกนั้นด้วยความรวดเร็ว เพียงได้ยินเสียงกรีดร้องไม่ขาดสาย ยามนี้พวกเขาบางคนถึงขั้นลืมไปว่าตนเองร่อนกระบี่บินหลบไปบนฟ้าได้ จึงวิ่งเท้าเปล่าไปมาในป่าด้วยความหวั่นใจ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร งูเล็กมากมายหลายสีพันเกี่ยวบนต้นไม้ในป่า ท่ามกลางเสียงร้องฟ่อของราชางู ก็กระโจนไปหาผู้ฝึกตนพวกนั้น
คนที่โดนกัดล้มลงพื้นอย่างหนีไม่พ้นและโดนฝูงงูปกคลุมอย่างเร็วยิ่ง ปกปิดเสียจนมองไม่เห็นร่างของคนคนนั้น งูพวกนั้นดูดเลือดกัดเนื้อ ไม่ทันไรก็กัดกินผู้ฝึกตนเสียจนเหลือเพียงกองผ้า…
ในอากาศกระจายไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง กลิ่นอายกระหายเลือดป่าเถื่อนแผ่ไปในป่าตามงูพิษพวกนั้นที่เลื้อยออกไป เนิ่นนานไม่มีทางจางไป…
………………………………………………….
ตอนที่ 1142 ข้ามาช่วยเจ้า
เฟิ่งจิ่วที่เหยียบขนนกบินออกไปหนีจากที่นั่น แล้วลงมาจากขนนกบิน เก็บกลิ่นอายเข้าซ่อนตัวในป่าไม้
เธอเห็นนกอินทรีระดับสัตว์เทวะโดนคนพวกนั้นใช้ตาข่ายยักษ์จับไว้ นอกจากตาข่ายจะเป็นวัสดุพิเศษ ด้านบนยังวางยาไว้ เป็นยาที่ทำให้ร่างกายสัตว์อสูรหมดเรี่ยวแรง
ใช่ มิเช่นนั้นคนพวกนี้จะจับนกอินทรีมาได้อย่างไรเล่า?
เห็นท่าทางนกอินทรีบนพื้นดิ้นรนคิดจะลุกขึ้นกลับยืนขึ้นมาไม่ได้ เธอถอนใจในใจ ครุ่นคิดและหยิบยาจากในห้วงมิติออกมา ก่อนจะแวบตัวมากระจายยาออกไปเหนือลม
“เพียะ!”
แส้หวดลงบนร่างของนกอินทรีอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ขนนกของมันร่วงไปสองสามเส้น เพียงเห็นนกอินทรีเงียบปากไม่ร้องตะโกน แต่ใช้ดวงตาที่เฉียบคมและไม่ย่อท้อจ้องมองผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณที่เฆี่ยนตีมัน
คิดจะให้มันยอมศิโรราบหรือ ไม่มีทางหรอก!
“ยังไม่ยอมรับปากอีกหรือ? ข้าว่าเจ้าคิดว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรือไร?” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเหยียบบนปากของอินทรี “เจ้าก็รู้ว่าสัตว์เทวะไม่ได้มีแค่เจ้าตัวเดียว ขอแค่เข้าไปรอบด้านในจะเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายระดับสัตว์เทวะ! พวกเราไม่ใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้ ตรงกันข้ามหากพวกเราไม่ต้องการเจ้า จุดจบของเจ้ามีแต่ความตาย!”
“อยากให้ข้ายอมแพ้? มนุษย์ร้ายกาจชั่วช้าอย่างพวกเจ้าจะฝันหวานไปแล้ว!”
นกอินทรีด่ากราด อ้าปากจะไปจิกเขากลับโดนเตะไปข้างๆ
“หึ! เจ้าเดรัจฉานไม่รู้จักดีชั่ว!” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณด่าทออย่างโกรธเคือง แล้วหยิบแส้ขึ้นฟาดไปสิบกว่าครั้ง เหมือนต้องการระบายไฟโทสะที่ลุกโชนในใจเพราะกำราบมันไม่ได้
“น่าแปลก ทางนั้นคล้ายจะมีเสียงอะไร” มีผู้ฝึกตนเอ่ยขึ้น พร้อมมองไปอีกทางหนึ่งอย่างประหลาดใจ
“เสียงต่อสู้! พวกเขาไล่ตามคนขโมยไข่และสู้กันแน่ๆ”
“ใช่ มีผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณนำกลุ่ม ใครจะหนีไปได้?”
กล่าวถึงตรงนี้พวกเขาต่างยิ้มขึ้นมา ทว่ายามนี้กลับเห็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งกุมหน้าผากนวดขมับ “แปลกๆ นะ ทำไมข้าถึงเวียนๆ หัว?”
“ข้าด้วย…ร่างกายเมื่อยล้า เหมือนจะไม่มีแรงเลย”
“ข้าก็เช่นกัน อืม…ตุบ!”
จากนั้นกำลังของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานก็อ่อนแอลง แต่ละคนล้มลงไปกันหมด ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองสามคนกับผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเห็นเช่นนี้ก็อดตกใจไม่ได้ จึงกลั้นหายใจอย่างรวดเร็ว
“ใครกันใช้วิธีสกปรกลับๆ ล่อๆ! ออกมา! ออกมาเสียเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินเสียงตะโกนกราดของพวกเขา เฟิ่งจิ่วเพียงยิ้มๆ วิธีสกปรกอะไรกัน? จะจัดการคนพวกนี้ได้แต่ต้องหาทางใช้เล่ห์กลเสียหน่อย
เธอมีวิธีล้มพวกเขาได้โดยไม่ต้องสู้ จะโง่เสียจนต้องใช้ดาบกระบี่ฆ่าคนให้ได้เลยหรือไร? ต้องรู้ไว้ว่าระดับสูงสุดของการฆ่าคนต้องไร้เสียงไร้กลิ่น
เธออาศัยตอนคนพวกนั้นกำลังโวยวายเข้าไปล้อมข้างหลังของนกอินทรี เมื่อเห็นมันหันมาจ้องมองเธออย่างขุ่นเคืองก็ฉีกยิ้ม กดเสียงเบาลงเอ่ยว่า “อย่าร้องล่ะ ข้ามาช่วยเจ้า”
นกอินทรีได้ยินคำพูดนี้ ในดวงตาปรากฏความเคลือบแคลงและระวังตัว เจ้ามนุษย์คนนี้จิตใจดีเพียงนี้เชียว?
ทว่าเมื่อเฟิ่งจิ่วดึงขยับตาข่ายใหญ่ พวกคนข้างหน้าพลันหันมาจ้องมองตรงนกอินทรี เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ยิงเข็มเงินในมือออกไปทันควัน
เข็มเงินยิงโดนสองคน คนอื่นๆ หลบไปได้ เธอจึงใช้จังหวะนี้เก็บตาข่ายใหญ่ขึ้นมาทันที…
………………………………………………….