เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1151 พวกเรามีเวลาหนึ่งปี + ตอนที่ 1152 สายฟ้าครั้งแรก
ตอนที่ 1151 พวกเรามีเวลาหนึ่งปี + ตอนที่ 1152 สายฟ้าครั้งแรก
ตอนที่ 1151 พวกเรามีเวลาหนึ่งปี
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นเฟิ่งจิ่ววางเขตอาคมรอบๆ ก็ตกใจเล็กน้อยในทันที ถามว่า “วางเขตอาคมตรงนี้ทำไม? หรือว่าจะมีอันตรายอะไร?”
แม้มีอันตราย ที่นี่มีทั้งอสูรศักดิ์สิทธิ์และสัตว์เทวะ ยังจะกลัวอีกหรือไร?
เฟิ่งจิ่ววางเขตอาคมถึงจะมาพักใต้ต้นไม้อย่างวางใจ พร้อมให้สัญญาณทุกคนนั่งลง บอกว่า “ข้าเคยบอกพวกเจ้าให้ระวังงูในนี้ไม่ใช่หรือ? ข้าจะบอกพวกเจ้า เมื่อกี้ข้าก็เจอมา ยังมีงูยักษ์ที่กลับมาไล่ล่าข้า”
“กำลังต่อสู้ของงูยักษ์ไม่อ่อนด้อย ซ้ำยังพิษร้ายแรง ป้องกันได้ก็ป้องกันไป มิเช่นนั้นรอไปเจอจะสายเกินไป” เธอเอ่ยพลางคิดไป
ยังไปไม่ถึงรอบใน เป็นเพียงบริเวณด้านในของรอบนอกเช่นนี้ หากพวกเขาเข้าไปต่อ เกรงว่าถึงเวลานั้นจะดูแลไม่ไหวจริงๆ ถ้าพวกเขาเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรระหว่างฝึกวิชา ก็ยากจะอธิบายกับครอบครัวของพวกเขาและเจ้าสำนักศึกษา
เธอนึกถึงตรงนี้ก็ครุ่นคิดอย่างอดไม่ได้ คิดว่าควรจะเปลี่ยนแปลงสักหน่อยหรือไม่? เปลี่ยนแก้จากแผนการเดิม? ถึงอย่างไรพวกเขาเป็นแค่ระดับสร้างรากฐาน ยังไม่ถึงระดับหลอมแก่นพลัง
จริงด้วย ระดับสร้างรากฐาน เธอหาสถานที่ให้พวกเขาบรรลุเข้าระดับหลอมแก่นพลังโดยใช้น้ำยาช่วยได้ เช่นนี้ก็จะได้เห็นผลลัพธ์ของการฝึกวิชาครั้งนี้ สำหรับรอบในเธออาจจะบุกเข้าไปสักหน่อย แต่พวกเขาไม่ต้องดีกว่า
เธอตัดสินใจแน่วแน่ หัวใจที่ตึงเครียกจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย หากอยู่แค่รอบนอก มันใจว่าพวกเขาจะไม่เจออันตรายถึงชีวิตอะไร
“เฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งจิ่ว?” ซ่งหมิงขานเรียกสองสามครั้ง เห็นท่าทางเขาหนักใจเล็กน้อย คล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“หือ?” เธอได้สติกลับมาและมองไปทางเขา ถามว่า “มีอะไร?”
“ข้าเพิ่งถามไปว่าเจ้ามีเรื่องอะไร? ทำไมมานั่งนิ่งตรงนี้? เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง? กำลังคิดอะไรถึงเหม่อลอยเพียงนั้น?” ซ่งหมิงเอ่ยถาม หากไม่เห็นว่าเขาไม่มีแผลตามร่างกายก็นึกว่าเขาบาดเจ็บเสียอีก!
เธอส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ข้ากำลังคิดว่ากลับไปรวมตัวตรงที่พวกเราเคยวางเขตอาคมไว้เถอะ! ช่วงนี้พวกเจ้าฝึกวิชากันมาประมาณหนึ่งแล้ว รอบในอันตรายเกินไปสำหรับพวกเจ้าที่มีพละกำลังแค่ระดับสร้างรากฐาน ไปพัฒนากำลังกันที่นั่นก่อน”
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็ผงะไป ถามว่า “หมายความว่าพวกเราจะไปเข้าไปรอบในหรือ?”
“ด้วยกำลังของพวกเจ้าตอนนี้ไม่เหมาะจะเข้าไป อันตรายเกินไป ทุกอย่างรอพวกเจ้าบรรลุระดับหลอมแก่นพลังค่อยว่ากันเถอะ!” เธอมองพวกเขาสี่คน กล่าวต่อไปว่า “อย่าว่าข้าจะพาพวกเจ้าไปแค่ปีเดียว เดาว่าพวกเจ้าฝึกบำเพ็ญบรรลุขั้นภายในเขตอาคม ถึงเวลากลับไปก็ได้ประมาณหนึ่ง”
พวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไป ใช่! เฟิ่งจิ่วไม่พูดพวกเขาก็ลืมเวลาหนึ่งปีที่เขาบอกไว้ไปเสียสนิท ตั้งแต่เดินทางจากบ้านของพวกเขามาถึงที่นี่ผ่านไปสองสามเดือนแล้ว พริบตาเดียวเวลาผ่านไปไวจริงๆ
นึกถึงว่าเวลาหนึ่งปีมาถึงพวกเขาต้องแยกย้ายจากเขาไป ในใจอดอาลัยอาวรณ์ไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่ตอนแรกพวกเขาไม่ค่อยยินยอมตามเขามา ถึงตอนนี้ฝึกวิชามาระยะหนึ่ง สำหรับเฟิ่งจิ่ว พวกเขาเชื่อและวางใจจากก้นบึ้งของหัวใจ หากวันหนึ่งต้องแยกกัน เช่นนั้น…
นึกถึงภาพเช่นนั้น นึกถึงว่าอนาคตสักวันหนึ่งต้องจากกันไป และนึกถึงว่าอาจไม่ได้พบหน้ากันอีก พวกเขาก้มหน้าลงต่ำทันควัน ปกปิดความอาวรณ์ในดวงตา กลับไม่อาจปิดบังอารมณ์หดหู่ของพวกเขาได้
………………………………………………….
ตอนที่ 1152 สายฟ้าครั้งแรก
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้เพียงยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรมาก ปล่อยพวกเขาพักผ่อนสักพักถึงจะพาไปตรงที่เคยวางเขตอาคมไว้
กลับมายังสถานที่ที่พักอาศัยมาหนึ่งเดือนกว่าอีกครั้ง พวกเขาทอดถอนใจในใจ แต่พวกเขามาถึงในนี้ได้ แม้เป็นรอบนอกก็ทำให้พวกเขาพบเจอเรื่องราวมากมายแล้ว การเดินทางมาเทือกเขาอเวจีครั้งนี้นับว่าคุ้มค่า
สิ่งที่พวกเขาต้องทำต่อจากนี้คือรักษาแผลตามร่างกายให้หายดี แล้วสงบจิตใจพัฒนาพละกำลัง
ผ่านไปสิบวัน
แผลตรงขาของหนิงหลางค่อยๆ ฟื้นตัว แผลตกสะเก็ดและลอกออก ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น หลังจากแกะผ้าออกก็มากระโดดโลดเต้นบนพื้นที่ว่าง มั่นใจว่าแผลตรงขาหายเป็นปลิดทิ้ง จึงมาตรงอาศรมอย่างตื่นเต้นดีใจ
“เฟิ่งจิ่ว แผลตรงขาของข้าดีขึ้นแล้ว ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น”
เฟิ่งจิ่วในชุดแดงเดินออกมาจากอาศรม เห็นเขากระโดดอยู่ข้างหน้าอาศรมก็ยิ้มเอ่ยว่า “แผลของเจ้าหายช้ากว่าต้วนเยี่ยมาก ตอนนั้นเขาก็โดนฟันตรงท้องเสียลึก แต่เนื้อไม่เปิดเหมือนเจ้า เวลาสองสามวันก็หายดีแล้ว เจ้ารักษาตัวมาเกือบสิบวันเต็มๆ หากยังไม่หายข้าก็เสียชื่อแย่”
“เช่นนั้นข้าต้องเริ่มฝึกบำเพ็ญใช่หรือไม่? ข้าเห็นว่าตั้งแต่เจ้าวางค่ายกลรวมพลังวิญญาณให้ ที่ผ่านมาพวกของต้วนเยี่ยก็ไม่ออกมาเลย แม้แต่อาหารยังกินยาห้าธัญพืช”
เขาเห็นว่าพวกเขาสามคนรักษาแผลหายก็เริ่มฝึกบำเพ็ญในค่ายกลรวมพลังวิญญาณ จึงร้อนอกร้อนใจเล็กน้อย กลัวว่าตนเองจะรั้งท้ายพวกเขามากไป ถึงอย่างไรพละกำลังของพวกเขาเดิมทีก็ใช้ได้ประมาณหนึ่ง แม้ในหมู่ทุกคนกำลังของเขาจะอ่อนแอที่สุด ก็ไม่หวังว่าถึงเวลาพวกเขาบรรลุเข้าระดับหลอมแก่นพลัง ตนเองยังเสียเวลาอยู่ระดับสร้างรากฐาน
“ค่ายกลรวมพลังวิญญาณของเจ้าวางไว้เรียบร้อยแล้ส แต่ข้าจะบอกเจ้าเสียหน่อย เวลาฝึกบำเพ็ญต้องเก็บนกน้อยของเจ้าเข้าไปห้วงมิติสัตว์วิญญาณ อย่าเรียกออกมาระหว่างฝึกบำเพ็ญ ในเมื่อจะฝึกฝนวิชาก็ต้องตั้งใจอย่าวอกแวก”
“อืม ข้ารู้แล้ว ข้าทำได้” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะตามเฟิ่งจิ่วมานั่งขัดสมาธิและเริ่มฝึกบำเพ็ญในค่ายกลรวมพลังวิญญาณไม่ไกล
หลังจากเขาเข้าค่ายกลรวมพลังวิญญาณไป เฟิ่งจิ่วก็หมุนตัวออกไปดูตรงที่อีกสามคนนอกนั้นอยู่ เห็นว่าพวกเขาล้วนหลับตาฝึกบำเพ็ญภายในค่ายกลรวมพลังวิญญาณ ดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณ ถึงจะหันหลับไปอาศรม
ในระหว่างนี้นกอินทรีบินไปรอบๆ นานๆ ครั้งถึงจะกลับมาดู ส่วนอสูรกลืนเมฆาเฝ้าตรงอาศรมของเฟิ่งจิ่วตลอด ขณะทุกคนข้างนอกฝึกบำเพ็ญ เฟิ่งจิ่วก็เข้าไปฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจ คือผ่านมานานเพียงนี้ผลของต้นไม้ทรงแจกันที่เธอย้ายเข้าไปก็ไม่สุข ยังคงเป็นสีดำ ในห้วงมิติมีหนังสือเกี่ยวกับผลไม้วิญญาณไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ผ่านไปหลายวันจึงไม่รู้ว่านั่นเป็นผลไม้วิญญาณอะไร
แต่ช่วงนี้เธอก็ได้ประโยชน์เช่นกัน พละกำลังระดับหลอมแก่นพลังค่อยๆ พัฒนาขึ้น ทำให้เธอมั่นใจว่าตอนออกจากที่นี่จะบรรลุถึงระดับกำเนิดวิญญาณได้
สำหรับข้อนี้นอกจากเธอแล้ว พวกของต้วนเยี่ยต่างไม่รู้ เธอก็ไม่บอกพวกเขาเช่นกัน
วันคืนผ่านพ้นไปในระหว่างที่พวกเขาแยกย้ายกันไปฝึกบำเพ็ญ กระทั่งวันหนึ่งอีกสองสามเดือนให้หลัง เสียงฟ้าร้องผ่าลงจากท้องฟ้า แตกตื่นไปถึงผู้ฝึกตนแต่ละฝ่ายในรอบนอก ทำให้พวกเขาพากันเร่งไปตรวจสอบยังบริเวณที่สายฟ้าผ่าลงมา…
………………………………………………….