เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1163 ราวกับป่าผีสิง + ตอนที่ 1164 ผู้แข็งแกร่งในส่วนลึก
ตอนที่ 1163 ราวกับป่าผีสิง + ตอนที่ 1164 ผู้แข็งแกร่งในส่วนลึก
ตอนที่ 1163 ราวกับป่าผีสิง
ตอนแสงอาทิตย์แรกยามเช้าสาดส่องลงบนผืนป่า แสงแดดอุ่นๆ ไม่ได้ทำให้ทุกคนในป่าอบอุ่นมากนัก เพราะเมื่อเห็นกิ่งไม้โล่งเตียน ไม่มีใบไม้เขียวแม้แต่น้อย พืชหญ้าแห้งเหี่ยว ไร้ซึ่งความชุ่มชื้น แม้แต่นกน้อยในป่ายังหาไม่พบสักตัว ก็รู้แล้วว่าบรรยากาศหดหู่อย่างนั้นประหลาดเพียงใด
ถ้าเป็นตอนกลางวันนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง เห็นกันจนชินแล้ว แต่ตอนกลางคืนที่นี่ไม่ต่างจากป่าผีสิงเลยจริงๆ มิน่าคนทั้งหลายถึงเคืองแค้น เพราะพลังชีวิตของต้นไม้ในป่านี้โดนตัดไป สัตว์ร้ายที่ใช้ชีวิตในป่าพวกนั้นพากันวิ่งหนีไปทางอื่น
แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนอยากจะกินอาหารมื้อใหญ่สักหน่อย ก็ยังล่าสัตว์กลับมาไม่ได้สักครึ่งตัว
เมฆดำบนท้องฟ้ายังคงพรั่งพรู ลมกระโชกที่หวีดหวิวอยู่บ่อยครั้งยิ่งทำให้ป่านี้เป็นเหมือนป่าผีสิง บางคนยังรู้สึกว่าสายลมเย็นในป่ายามเช้าที่พัดมาเป็นพักๆ ชวนให้คนขนลุก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตั้งแต่เมื่อวานถึงตอนนี้ยังทำลายค่ายกลไม่ได้อีกหรือ ไม่ลองใช้ไฟโจมตีเล่า ดูซิว่าจะเผาเข้าไปได้หรือไม่” มีคนแนะนำเสียงดัง แต่ก็ได้รับคำค้านจากคนอื่นๆ ทันที
“ไม่ได้แน่ หากใช้ไฟจู่โจมได้คงไม่ต้องรอมาถึงตอนนี้หรอก ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลซ้อนค่ายกล หนึ่งค่ายกลเชื่อมต่ออีกหนึ่งค่ายกล แก้ไปได้สองค่ายกลก็ยากมากแล้ว”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร ผ่านไปนานขนาดนั้น เป็นเช่นนี้ต่อไปคนข้างในก็อาจบรรลุขั้นสำเร็จ”
สองร้อยกว่าคนได้ยินคำพูดนี้ก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง คิดว่าด้านในนั้นต้องมีสมบัติแน่ มิเช่นนั้นไม่น่าจะมีคนวางค่ายกลและเขตอาคมที่ซับซ้อนเช่นนี้ไว้ ซ้ำยังบรรลุขั้นอย่างต่อเนื่อง
“ไม่อย่างนั้นก็ใช้วิชาดำดินเถอะ!” มีคนตะโกนขึ้นมา “พวกเราอยู่ที่นี่ตั้งหลายคน ในนี้น่าจะมีผู้ฝึกตนธาตุดินใช่หรือไม่ ใช้วิชาดำดินเข้าไปดูจากใต้ดินเสียหน่อยสิ?”
ทว่าเมื่อได้ยินคำเอ่ยของคนคนนั้น สายตาของทุกคนหยุดลงบนร่างเขาพร้อมกันอย่างน่าประหลาด ประหนึ่งว่าเขาพูดอะไรแปลกๆ หลังจากมองผู้ฝึกตนคนนั้นก็ไม่มีใครไปสนใจเขาอีก แต่หารือกับคนข้างๆ อีกครั้ง
เห็นเช่นนี้ก็เห็นเขาเกาศีรษะ แล้วถามคนด้านข้างว่า “ข้าพูดผิดตรงไหน?”
“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เข้าใจธาตุดิน แม้มีคนใช้วิชาดำดินเป็นก็เปล่าประโยชน์ ผ่านค่ายกลได้แต่ผ่านเขตอาคมไม่ได้ หากคิดจะผ่านเขตอาคมต้องขุดไปใต้ดินลึกแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่?”
“ไม่รู้ ขุดใต้ดินก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?” คนคนนั้นเอ่ยถาม
“ฮึ! ไม่รู้เรื่องก็อย่าตะโกนซี้ซั้ว” คนข้างๆ เอ่ยด้วยและไม่สนใจเขาอีก
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอีกเช่นนั้น พลบค่ำมาเยือน ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง รอบด้านก็เปลี่ยนไปมืดสนิทอีกครั้ง ทุกคนอดร้อนใจไม่ได้ ฟ้ามืดแล้วไม่อาจทำลายค่ายกล สายฟ้าครั้งที่สามจะผ่าลงมาเช่นนี้หรือไม่?
ขณะกำลังคิดก็เห็นชั้นเมฆบนฟ้าหมุนตลบ สายฟ้าแลบเส้นหนึ่งวาดผ่านไป สายฟ้าครั้งสุดท้ายผ่าลงมา พริบตานั้นสิ่งที่พัดออกไปไม่ใช่แค่กลิ่นอาย ยังมีแรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณที่ทรงพลังกวาดออกไปด้วย
ประหนึ่งโยนหินก้อนใหญ่ลงมหาสมุทร คลื่นกระเซ็นขึ้นมาเป็นระลอก กระแสลมรุนแรงและอำนาจกดดันที่กวาดออกมาหลั่งไหลมาจากด้านในเขตอาคม ถาโถมไปด้านนอกดุจเกลียวคลื่น
ต้วนเยี่ยที่เห็นภาพนั้นดึงหนิงหลางที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นตะโกนเสียงดังบอกซ่งหมิงกับลั่วเฟย “หมอบลง!”
เมื่อสิ้นเสียง ร่างทั้งสี่หมอบลงพร้อมกลืนเมฆาและสิงโตไฟ…
………………………………………………….
ตอนที่ 1164 ผู้แข็งแกร่งในส่วนลึก
กระแสลมที่รุนแรงโหมซัดมาปานลายน้ำพัดผ่านร่างของพวกเขา ลายน้ำแต่ละชั้นๆ ผลักอีกหนึ่งชั้นกระเพื่อมออกไปด้านนอก พวกเขาหมอบอยู่บนพื้นไม่อาจเงยหน้าขึ้นมอง เพราะฝุ่นควันและใบไม้ร่วงบนพื้นโดนม้วนพัดขึ้นมา ทำให้ลืมตาไม่ได้
กระแสลมแรงโถมซัดมาจากในเขตอาคม แต่ละชั้นหมุนตลบออกจากเขตอาคมไป พัดผู้ฝึกตนในค่ายกลแต่ละคน บางคนโดนผลักเข้าไปในเขตอาคมแล้วถูกกลไกยิงสังหาร บางคนตื่นตกใจหนีไป แล้วล้มลงพื้นด้วยความตื่นตระหนก
กระแสลมหลั่งไหลไปข้างนอก พัดฝุ่นควันปลิวว่อนขึ้นมา ตะกอนทรายกับใบไม้หมุนวนร่วงลงเต็มร่างของทุกคน เวลานี้แต่ละคนหลับตาลง ใช้เสื้อคลุมคลุมศีรษะไว้ กันไม่ให้พายุทรายเข้าตา
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเห็น ภายในเขตอาคม เมื่อสายฟ้าผ่าลงมากระแสลมโดยรอบกำลังพัดโหม แสงไฟสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะกลายเป็นหงส์เก็บปีกพุ่งทะยานไปบนฟ้ายามราตรี แพรวพราวอย่างยิ่งในยามวิกาล เสียงร้องคล้ายหงส์ดังไปทั่วผืนฟ้ามืดมิด กึกก้องอยู่เนิ่นนาน…
คนรอบนอกพวกนี้ไม่มีใครเห็น แต่ส่วนลึกของป่าผืนนี้กลับมีคนเห็น แทบทันทีที่ไฟรูปหงส์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงร้องของหงส์ดังไปทั่ว เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ในส่วนลึกพลันขี่กระบี่บินมาจากทุกทิศทาง…
ผู้แข็งแกร่งในป่ามาจากแปดจักรวรรดิใหญ่ สถานที่ที่ถูกเรียกว่าเมืองลอยฟ้า การมาเยือนของผู้แข็งแกร่งแม้จะใช้วิชาลับหรือของวิเศษ ก็ไม่มีทางออกจากส่วนลึกมาถึงรอบนอกได้ในทันที
คนที่มาถึงรอบนอกนี้เร็วที่สุดคือชายชราชุดเทาคนหนึ่ง เขามาถึงที่นี่จากเขตในโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ร่างแวบผ่านกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับดาวตก ผืนฟ้าราตรีมีประกายดุจแสงจันทร์วาววับจับตาเป็นที่สุดแผ่กระจายอยู่
ขณะที่ชายชรายืนตระหง่านอยู่กลางฟ้า อำนาจกดดันทรงพลังกว่าผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณแผ่มาจากบนร่างเขา เพียงปล่อยแรงกดดันออกไป ผู้ฝึกตนรอบๆ เกือบสองร้อยกว่าคนพากันหน้าซีดขาว แต่ละคนหมอบลงโดยไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
“พวกเจ้ามาล้อมที่นี่กันทำไม?” น้ำเสียงแก่ชราน่าเกรงขามดังขึ้นมา ทั้งดุดันและน่ากลัว
ทุกคนเบื้องล่างแต่ละคนหมอบลงกับพื้นเนื้อตัวสั่นเทา ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าตอบกลับคำพูดของเขา ไม่กล้าเงยหน้าไปมองว่าผู้มาใหม่เป็นคนเช่นไร กระทั่งเสียงตะโกนดังมาอีกครั้ง
“ว่ามา!”
“ระ เรียนท่านผู้อาวุโส พะ พวกเราคิดจะทำลายค่ายกล ตะ แต่ที่ผ่านมาทำลายค่ายกลเข้าไปข้างในไม่ได้เลย” คนหนึ่งเอ่ยเสียงสั่นเครือ
ชายชรากลางอากาศได้ยินคำพูดของคนเบื้องล่างพวกนั้นก็ชายตามองลงไป ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ เพียงได้ยินเสียงระเบิดทำลายดังขึ้นหลายครั้ง จากนั้นก็เห็นหมอกกระจายหาย ค่ายกลแตกออก เผยให้เห็นทิวทัศน์ข้างในนั้น
หลังจากทำลายค่ายกล ชายชราลงมาจากบนท้องฟ้า สะบัดเสื้อคลุมเล็กน้อย แล้วจึงสาวก้าวเดินไปทีละก้าวๆ จนมาถึงด้านหน้าเขตอาคมถึงยื่นนิ้วมือชี้ไปข้างหน้า
เห็นแค่ว่าประกายแสงสายหนึ่งวาดผ่าน กระเพื่อมออกไปเช่นลายน้ำ เขตอาคมจางหายพร้อมเสียงดังตูม ชายชราก้าวเดินเข้าไป
ทุกคนด้านหลังได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย มองเบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง และเห็นเพียงแผ่นหลังชายชราเดินไปข้างใน ข้างในนั้นนอกจากเปลวไฟลุกไหม้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีก ยิ่งไม่มีคนทะลวงขั้นอะไรพวกนั้นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ด้วย…
………………………………………………….