เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1177 เหลือเฟือ + ตอนที่ 1178 ไม่อ้วนจะเรียกเจ้าอ้วนได้อย่างไร
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1177 เหลือเฟือ + ตอนที่ 1178 ไม่อ้วนจะเรียกเจ้าอ้วนได้อย่างไร
ตอนที่ 1177 เหลือเฟือ + ตอนที่ 1178 ไม่อ้วนจะเรียกเจ้าอ้วนได้อย่างไร
ตอนที่ 1177 เหลือเฟือ
พลังที่กระบี่รุนแรงจู่โจมออกไป กระแสลมที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าโจมตีเข้าที่ลำคอของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่ง เพียงเห็นว่าระหว่างเลือดสาดกระเซ็น ร่างของคนคนนั้นซวนเซถอยหลัง แล้วตกลงไปในหุบเหวเบื้องหลังโดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะกรีดร้อง
จากนั้นดาบกระบี่ขวางต้านกันและกัน กระบี่ยาวเหวี่ยงไปแฉลบผ่านดาบใหญ่ในมือของผู้ฝึกตนหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด เห็นแต่ประกายไฟกระเซ็นออกมา พลังกระบี่รุนแรงแทงตรงไปข้างหน้า
“เฮือก!”
ท่ามกลางความตื่นตระหนก ผู้ฝึกตนไร้สำนักระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดหลบหลีกจุดตายไปได้ แต่ใบหน้าก็ยังโดนพลังกระบี่กรีดเป็นรอยเลือดทางหนึ่ง เขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ปาดคราบเลือดบนหน้ามาดู ก่อนจะส่งเสียงตะคอก
“เข้าไปจัดการ!”
ดาบใหญ่พลันกวัดแกว่ง สื่อให้ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานรอบด้านเข้าไปจับตัวคนมา ส่วนตัวเขาพุ่งเป้าไปหาเหล่าเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างราวกับกำลังชมละครปาหี่พวกนั้น ในใจมีไฟโทสะ
ย่ามันเถอะ!
เจ้าเด็กพวกนี้เอ้อระเหยกันนัก! รอดูว่าหลังจากตกอยู่ในเงื้อมมือเขาแล้วจะยังสงบนิ่งสบายใจเช่นนี้ได้หรือไม่!
เขาก่นด่าในใจพลางเคลื่อนฝีเท้าจะไปทางนั้น ใครจะรู้ว่าจะเห็นเจ้าคนตัวใหญ่ถีบผู้ฝึกตนสร้างรากฐานสองสามคนตกเหวไป กระบี่คมในมือก็ฟันสังหารอีกสองสามคน ในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป คนของเขาก็ตายไปเกินกว่าครึ่ง
“อ๊าก! พี่ใหญ่ช่วยด้วย!”
มีคนร้องขอความช่วยเหลือระหว่างตกหุบเหว มีบางคนเห็นเช่นนั้นก็ตกใจและหวาดกลัวขึ้นมา จิตมุ่งต่อสู้ถดถอย ยิ่งสู้ยิ่งไม่ใช่คู่มือด้วย จึงร้องอุทานอย่างอดไม่ได้แล้วพยายามจะหนีไป
“คิดหนีรึ?”
สายตาคมกริบของปี้ซานกวาดมอง เท้าเตะเศษหินกระเด็นไปโดนท้ายทอยของพวกนั้นพอดี
“อึก!”
เสียงร้องอู้อี้ดังขึ้นมา แต่ละคนล้มลงพื้น ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดเห็นภาพเช่นนี้ก็พลันสาวก้าวยาวพุ่งเข้าไป ยื่นมือจะจับตัวเฟิ่งจิ่วในชุดแดง!
“แม้แต่นายท่านของข้ายังกล้ามาล่วงเกิน เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ปี้ซานหันหน้ามา เห็นผู้ฝึกตนไร้สำนักยื่นมือหมายจะจับเฟิ่งจิ่ว จึงหันฝีเท้าก้าวเข้าไปในทันที มือข้างหนึ่งคว้าเท้าของฝ่ายตรงข้ามไว้แล้วลากตัวไปข้างหลัง
พวกของเฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยเฝ้ามองอยู่เงียบๆ แม้เห็นผู้ฝึกตนหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดโจมตีมาทางพวกตนก็ไม่มีใครหลบเลี่ยง เหมือนรู้ว่าเขาทำร้ายพวกตนไม่ได้
ก็ถูกแล้ว ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนหนึ่งคิดจะทำร้ายผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณหรือ โลกนี้จะมีสักกี่คนที่เก่งกาจจนข้ามขั้นไปสังหารระดับกำเนิดวิญญาณได้อย่างเฟิ่งจิ่ว?
กล้าลงมือกับเฟิ่งจิ่ว? เขาอยากตายเร็วนักหรือไร
แต่ว่าฝีมือและกำลังต่อสู้ของปี้ซานทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา เดาว่าหากพวกเขากับปี้ซานสู้กัน พวกเขาก็คงไม่ใช่คู่มือของเขา ปี้ซานเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นกลางอย่างแท้จริง กำลังต่อสู้กับจิตมุ่งต่อสู้ของเขาล้วนรวบรวมมาจากการต่อสู้สังหารในทุกๆ ครั้ง และมีประสบการณ์ต่อสู้ที่พวกเขาไม่มี
กำลังต่อสู้เช่นนี้ไม่ได้พัฒนามาจากการกินยาอายุวัฒนะแน่นอน แต่ก้าวหน้าขึ้นผ่านการต่อสู้ในแต่ละครั้ง ต้องยอมรับว่าเมื่อเห็นการต่อสู้ของปี้ซานแล้ว พวกเขาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขาไป ถึงแม้คนเช่นนี้ไม่ได้โดดเด่นที่สุด แต่หากเป็นคนอารักขาของเฟิ่งจิ่วก็เหลือเฟือแล้ว
แน่นอนว่าด้วยตัวตนภูตหมอของเฟิ่งจิ่ว เดาว่าคนใต้อาณัติคงมีแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ ย่อมเทียบไม่ได้อยู่แล้ว
“อ๊าก!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ดึงสติของพวกเขากลับมา ครั้นได้สติก็เห็นกระบี่ของปี้ซานฟันแขนของผู้ฝึกตนไร้สำนักระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด จากนั้นถีบฝ่ายตรงข้ามลงเหวด้านหลัง เสียงกรีดร้องแฝงความไม่ยอมแพ้แว่วมาจากก้นบึ้งของหุบเหว สะท้อนอยู่ในอากาศ…
………………………………………………….
ตอนที่ 1178 ไม่อ้วนจะเรียกเจ้าอ้วนได้อย่างไร
หลังจากเก็บกระบี่ยาว ร่างกำยำก็หันมา “นายท่าน ไปได้แล้วขอรับ”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า กำลังจะก้าวเดินก็เห็นหนิงหลางที่อยู่อีกด้านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นเก็บถุงฟ้าดินอะไรต่างๆ บนพื้นของคนพวกนั้นมา เห็นเช่นนี้แล้วมุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย อยากกุมขมับอย่างทนไม่ไหว
เจ้าเด็กคนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม ถามหน่อยว่ามีผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนไหนสนใจสิ่งของเล็กน้อยเช่นนี้บ้าง? แล้วมีผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนไหนละโมบอย่างเขาบ้าง?
“หนิงหลาง เหมือนเจ้าจะไม่ได้สู้ด้วย เก็บมาไม่อายเลยหรือ?” เธอถามอย่างสบายๆ พลางมองรอยยิ้มตรงมุมปากของเขาแข็งทื่อ แล้วเงยหน้ามามองเธออย่างอักอ่วน
“ฮี่ๆ ข้าก็ไม่คิดจะเก็บไว้เองหรอก! แค่ตรวจนับของรางวัลแทนปี้ซานเองไม่ใช่หรือ?” เขากล่าวจบก็มอบของที่ได้มาจากผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้นให้ปี้ซานทั้งหมด “นี่ ให้เจ้าแล้วกัน! เก็บไว้ดีๆ ล่ะ”
“นี่…” ปี้ซานกำลังจะปฏิเสธ ก็ได้ยินเสียงนายท่านดังแว่วมา
“รับไปเถอะ! ของติดตัวเจ้าโดนทหารรับจ้างพวกนั้นเก็บไปไม่ใช่หรือ เติมของสักหน่อยพอดี สองมือจะได้ไม่ว่าง”
“ขอรับ ขอบคุณนายท่าน” เขาขานรับแล้วถึงจะรับของมา
“อย่างไรข้าก็ช่วยเจ้าตรวจนับ ทำไมไม่ขอบคุณข้าบ้าง?” หนิงหลางแค่นเสียงหยันก่อนเอ่ย
“ขอบคุณคุณชายหนิงมากเช่นกัน” ปี้ซานยิ้มพลางประสานมือคารวะ
“ประมาณนี้แหละ” หนิงหลางจึงค่อยเผยรอยยิ้มออกมา มองบริเวณรอยแยกตรงหน้า แล้วมองทางเฟิ่งจิ่ว “พวกเราจะข้ามไปตามวิธีเดิมที่ข้ามมาหรือไม่?”
“อืม ก็ได้” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า
ซ่งหมิงที่อยู่ข้างๆ เดินยิ้มออกมา “ดูข้านะ” เขามาตรงชายขอบ ใช้เกาทัณฑ์ยิงไปยังฝั่งตรงข้ามและดึงเชือกไว้เป็นตัวช่วยตามวิธีที่พวกเขาเคยข้ามมา
ไม่นานนัก พวกเขาเดินไปบนเชือกทีละคน หลังจากทุกคนมาถึงอีกฝั่งหนึ่ง ซ่งหมิงจึงค่อยเก็บเชือกกลับไป จากนั้นกลุ่มคนอาศัยฟ้ายามค่ำคืนเดินหน้าต่อ จนกระทั่งฟ้าสว่างก็ออกมาจากที่แห่งนี้
“อ๊ะ! พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว พวกเราก็ออกมาเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าข้าจะไม่เสียแขนขา หนำซ้ำยังได้ของดีมาไม่น้อย ช่างสุขใจจริงๆ”
หนิงหลางกางสองแขนออกกว้าง แหงนหน้ามองฟ้าพลางส่งเสียงร้องดีใจ ร่างกายอ้วนท้วนวิ่งไปมากลางเส้นทางภูเขา ทั้งตัวเปี่ยมด้วยความยินดีที่ไม่อาจเก็บงำไว้ ทำให้คนเห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ บอกว่า “เจ้าไม่เพียงไม่เสียแขนขา แต่คาดว่ายังอ้วนพีด้วย หรือเจ้าไม่รู้สึกว่าท้องตัวเองปลิ้นออกมาแล้ว?” ดวงตาของเธอมองลงไป สายตาหยุดบนท้องกลมๆ ของเขา
คนอื่นๆ ข้างเธอได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้นมา ส่วนหนิงหลางก้มหน้ามอง ก่อนจะลูบๆ ท้องของตนเองและฉีกยิ้ม “ฮี่ๆ แม่ข้าบอกว่าเป็นท้องเก็บทรัพย์ ท้องข้าอ้วนขึ้นอีกแล้ว แสดงว่าช่วงนี้ข้าหาเงินได้ไม่น้อย ฮ่าๆๆ!”
“เหลวไหล” ต้วนเยี่ยส่ายหน้า คิดว่าเขาแค่กำลังพูดจาเพ้อเจ้อ
“ใช่ พวกเราหามาได้น้อยกว่าเจ้าหรือไร ทำไมไม่เห็นท้องพวกเรากลมเหมือนเจ้า? อ้วนคืออ้วน ยังจะมาหาข้ออ้างอีก มีอะไรน่าปิดบังเล่า?” ลั่วเฟยหัวเราะฮี่ๆ ขณะจ้องท้องกลมๆ ของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ
ซ่งหมิงเห็นเช่นนี้ก็โบกๆ มือ ยิ้มเอ่ยว่า “เอาเถอะๆ อย่าพูดถึงเขาเลย หากเขาไม่อ้วนจะเรียกเจ้าอ้วนได้อย่างไร พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่? ฮ่าๆๆ”
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะร่าขึ้นมา ส่วนหนิงหลางทำหน้าน้อยใจ “ข้าไม่ได้ชื่อเจ้าอ้วน ข้าชื่อหนิงหลาง ชื่อของข้าไพเราะยิ่งนัก”
………………………………………………….