เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1199 เชิญเข้าไปในวัง + ตอนที่ 1200 ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1199 เชิญเข้าไปในวัง + ตอนที่ 1200 ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ
ตอนที่ 1199 เชิญเข้าไปในวัง + ตอนที่ 1200 ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ
ตอนที่ 1199 เชิญเข้าไปในวัง
ผู้อาวุโสสามเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล จึงรีบเข้าไปบอกว่า “ไม่ใช่ๆ คุณชายเฟิ่งอย่าเข้าใจผิด ข้าเชื่อว่าท่านผู้นำตระกูลไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“ข้าคิดว่าอย่าหมายความเช่นนี้จะดีที่สุด มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
น้ำเสียงเย็นชาไร้ความเมตตาดังออกไป มีความเย็นเยียบและน่าสะพรึง ขณะเดียวกันยังตบหน้าของผู้นำตระกูลซั่งกวน ทำให้เขาแค้นเคืองอับอายไม่สิ้นสุด กลับทำอะไรไม่ถูก
คนอื่นเห็นท่าทางไหนเลยจะมองสถานการณ์ไม่ชัดเจน? ผู้นำตระกูลหลายท่านเห็นท่าทางก็เข้าไป มาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วและเอ่ยว่า “ภูตหมอ โรงเตี๊ยมสบายเหมือนบ้านเสียที่ไหน? ไปพักจวนของข้าดีกว่า!”
“ภูตหมอ ไปจวนของข้าดีกว่า ภายในจวนมีป่าไผ่เงียบสงบงดงามยิ่ง ภูตหมอน่าจะชอบ”
“ภูตหมอ…”
แต่ละคนแย่งกันเข้าไปหาเป็นคนแรก คิดจะเชิญเฟิ่งจิ่วไปจวนของพวกเขา หากวันนี้เปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาอาจใช้กำลังบังคับได้ แต่อีกฝ่ายคือภูตหมอ ซ้ำยังมีตลาดมืดเป็นโล่ จะฝืนบังคับเชิญนางไปก็ยากเสียเหลือเกินจริงๆ
“ภูตหมออยู่ไหน?”
บริเวณไม่ไกลพลันมีเสียงหนึ่งขึ้นเสียงดังมา ทุกคนมองไปตามเสียงก็เห็นราชองครักษ์กลุ่มหนึ่งด้านหลังฝูงชนเร่งฝีเท้าเข้ามา ข้างหลังยังมีผู้ฝึกตนสองสามคนแบกเกี้ยวหรูหรา
“เป็นองครักษ์ของท่านผู้ครองแคว้น” ผู้นำตระกูลคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เห็นผู้ครองแคว้นส่งคนมาก็รู้แจ้งแก่ใจว่าพวกเขาเชิญภูตหมอกลับไปไม่ได้แล้ว
ปี้ซานข้างหลังเร่งฝีเท้าเข้ามาข้างกายเฟิ่งจิ่วและเอ่ยว่า “นายท่าน เขาเป็นองครักษ์ของผู้ครองแคว้นสวรรค์บันดาล”
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมมองคนและม้ากลุ่มหนึ่งที่เดินมา
“ท่านนี้คือภูตหมอแน่ๆ” หัวหน้าเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคน อาจจะกลัวเชิญเฟิ่งจิ่วไปไม่ได้ คนที่ส่งมาเชื้อเชิญนอกจากผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสองคน
“ใช่” เฟิ่งจิ่วขานรับ แล้วมองพวกเขา
“ท่านผู้ครองแคว้นรู้ว่าภูตหมอมาถึงเมืองหลวงแคว้นสวรรค์บันดาล พวกข้าจึงเข้ามาต้อนรับเป็นพิเศษ เชิญภูตหมอเข้าวัง” กล่าวจบผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสองคนก็หันข้างเล็กน้อยเพื่อเปิดทาง ก่อนจะบอกเฟิ่งจิ่วว่า “เชิญ”
เฟิ่งจิ่วก้าวเดินเข้าไปทันทีโดยไม่พูดอะไรมาก รอคนแบกเกี้ยวกดเกี้ยวต่ำลงค่อยเข้าไปนั่ง ปี้ซานตามไปข้างกันติดๆ มุ่งไปพระราชวังอย่างเอิกเกริก
ผู้นำตระกูลซั่งกวนเห็นคนของผู้ครองแคว้นรับเฟิ่งจิ่วไป แล้วนึกคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ในใจไฟโทสะเดือดดาล ตั้งแต่เขาเป็นผู้นำตระกูลมาไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้!
“เหอะๆ ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวน ท่านช่างนับญาติได้…” ผู้นำตระกูลคนหนึ่งเข้ามาหัวเราะเยาะ ส่ายหน้ามองเขาและเดินมือไพล่หลังจากไป เต็มไปด้วยความยิ้มเยาะ
“ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวน เฟิ่งจิ่วเป็นภูตหมอ จะเกี่ยวพันกับตระกูลซั่งกวนพวกท่านได้อย่างไร? อย่าคิดเลอะเทอะเลย อาจจะผิดพลาดตรงไหน” ผู้นำตระกูลอีกคนยิ้มพลางเอ่ยไป แล้วหมุนตัวตามออกไปบ้าง
“ใช่! ตามที่ข้ารู้มา ที่ผ่านมาน้องเจ้ายังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือ? จู่ๆ ลูกสาวโตเพียงนี้โผล่มา ไม่สมเหตุสมผลเลย!” อีกคนหนึ่งยิ้มๆ เห็นผู้นำตระกูลซั่งกวนสีหน้าเขียวปั้ดก็กล่าวว่า “เดิมทีอยากเชิญภูตหมอไปพักในจวนหลายๆ วัน ยามนี้ดูท่าจะไม่มีโอกาสแล้ว”
ผู้นำตระกูลซั่งกวนเห็นพวกเขาแต่ละคนหมุนตัวจากไป ก็กัดฟันกรอดและสะบัดแขนเสื้อออกไปด้วยสีหน้าดูไม่ได้
เฟิ่งจิ่ว! ภูตหมอ! ดูถูกตระกูลซั่งกวนของพวกเขาหรือ? ดี ดีมาก!
ผู้อาวุโสสามเห็นแต่ละคนไปกันหมด โดยเฉพาะผู้นำตระกูลยังมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว จึงถอนใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แล้วเร่งฝีเท้าตามไปยังบ้านตระกูลซั่งกวน
………………………………………………….
ตอนที่ 1200 ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ
เหตุการณ์ที่เกินขึ้นบนถนนใหญ่แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ทุกคนในเมืองหลวงคุยกันสนุกสนานไม่หยุดปาก มีคนไม่น้อยรู้ว่าภูตหมอมาถึงเมืองหลวงแคว้นสวรรค์บันดาล แล้วถูกผู้ครองแคว้นรับเข้าวังไป ด้วยเหตุนี้คนที่คิดจะขอการรักษาหรือถามหายาจึงเฝ้าอยู่ด้านนอกพระราชวัง รอภูตหมอออกมา
ภายในตระกูลซั่งกวน ยามนี้ผู้นำตระกูลที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนใหญ่ให้ผู้เฒ่าฟังยังคงโมโหยากจะห้ามใจ เอ่ยอย่างแค้นเคือง “เฟิ่งจิ่วคนนี้ช่างไม่รู้ดีชั่ว! นึกไม่ถึงจะบอกว่าข้านับญาติมั่วซั่ว! นางไม่ดูเสียหน่อยว่าพวกเราเป็นตระกูลนักเล่นแร่แปรธาตุอายุร้อยปี หากนางไม่มีความสัมพันธ์เครือญาติกันจริง พวกเราจะยอมรับซี้ซั้วได้อย่างไร?”
บนตำแหน่งผู้อาวุโส ผู้เฒ่าฟังคำพูดของเขาพลางดื่มชาเงียบๆ ไม่ปริปาก ทำให้คนไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่
“ท่านพ่อ เฟิ่งจิ่วน่ารังเกียจจริงๆ หากคนเช่นนี้เข้ามาบ้านตระกูลซั่งกวนของเรา เกรงว่าจะไม่รับการสั่งสอน อีกอย่างถือแส้ยาวฟาดคนของเรากลางถนนใหญ่ คนเช่นนี้ข้าคิดว่าพวกเราอย่ารับมาจะดีกว่า”
ผู้เฒ่าฟังถึงตรงนี้จึงวางถ้วยชา น้ำเสียงแก่ชรากล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “นางไม่รู้เรื่องถึงจะถูก ปีนั้นความทรงจำของเฟิ่งเซียวถูกปิดผนึกไว้ หากนางรู้คงรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือ? เจ้าคิดว่าหากนางรู้เรื่องในปีนั้นจะยังกลับมาตระกูลซั่งกวนของเราหรือ?”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร? หรือปล่อยไปเช่นนี้?”
“คิดหาข้ออ้างดีๆ ถึงเวลานั้นจะรับมือนางได้ง่ายๆ นอกนั้นครั้งหน้าเห็นนางก็พากลับมาก่อน ข้าอยากเจอลูกสาวของหวั่นหรงเสียหน่อย”
“ขอรับ” ผู้นำตระกูลซั่งกวนพยักหน้ารับ ถามอีกว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้นางถูกรับเข้าวังไป พวกเราควรทำเช่นไร?”
“เข้าวังไปยิ่งดี เดี๋ยวข้ากับเจ้าจะเข้าวังไปด้วยกัน ให้ผู้ครองแคว้นตัดสินใจได้พอดี ถึงเวลานั้นเรื่องรับนางกลับมาตระกูลซั่งกวนหากผู้ครองแคว้นเอ่ยปากก็ต่างกันแล้ว”
ผู้นำตระกูลซั่งกวนได้ยินเช่นนี้ก็ดวงตาเป็นประกาย “ท่านพ่อหมายความว่า ไม่ว่านางยอมรับหรือไม่ล้วนต้องรับนางมา? และยืนยันความสัมพันธ์เสียก่อน?”
“ถูกต้อง เดิมทีพวกเราเป็นตระกูลแม่ของนาง จะรับนางกลับมาก็ต้องเป็นเช่นนั้น”
ทว่าผู้นำตระกูลซั่งกวนนึกถึงว่าเฟิ่งจิ่วรับมือได้ยาก ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “แต่ข้าว่าเฟิ่งจิ่วไม่เหมือนสาวน้อยอายุสิบกว่าทั่วไป นางทำให้ข้ารู้สึกแปลกมากๆ อีกอย่างท่าทางเช่นผู้เหนือกว่า ข้าถูกสายตาเย็นชาดุร้ายของนางกวาดมองบนถนนใหญ่ยังรู้สึกหวาดกลัว คิดว่านางไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ”
“แล้วอย่างไร? ไม่ว่านางยอมรับหรือไม่ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดยังมีอยู่” น้ำเสียงของผู้เฒ่าไม่รู้สึกอะไร เพียงคิดว่าในเมื่อเป็นลูกสาวของลูกสาวเขา เป็นหลานสาวนอกตระกูลของเรา เช่นนั้นก็กลับมาตระกูลซั่งกวนได้
ถึงเวลานั้นหากนางให้ตำรายาเซียนมาเสีย ลำพังแค่ใช้ตำรายาเซียนพวกนั้นมาให้พวกเขาปรุงกลั่นก็ได้รับผลตอบแทนมากมาย รับนางกลับมามีแต่ผลดีต่อพวกเขาไม่มีผลเสีย
“เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ ท่านพ่อเตรียมจะเข้าวังเมื่อไร? ข้าจะสั่งการลงไปทันที”
“รออีกสักพักค่อยไป” เขาส่งสัญญาณให้เขาออกไปก่อน
“ขอรับ” ผู้นำตระกูลซั่งกวนถอยไป ยามนี้ผู้อาวุโสที่คอยด้านนอกเห็นเขาออกมา ถึงจะก้าวเข้าไป มาถึงข้างในก็คารวะผู้เฒ่าเป็นอันดับแรก
“คารวะท่านผู้เฒ่า”
“อืม เต๋อเจิ้ง เจ้ามาทำไมเล่า?” ผู้เฒ่าถามไป พร้อมมองผู้มาใหม่
………………………………………………….