เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1219 เจ้าจะเข้าใจอะไร + ตอนที่ 1220 มาเร่งเรื่องงานแต่งถึงที่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1219 เจ้าจะเข้าใจอะไร + ตอนที่ 1220 มาเร่งเรื่องงานแต่งถึงที่
ตอนที่ 1219 เจ้าจะเข้าใจอะไร + ตอนที่ 1220 มาเร่งเรื่องงานแต่งถึงที่?
ตอนที่ 1219 เจ้าจะเข้าใจอะไร
“เช่นนี้เอง! เช่นนั้นให้คนพาข้าไปเถอะ! ข้าจะไปรับยามาให้เจ้า”
ผู้นำตระกูลเยี่ยได้ยินเช่นนี้ก็มองเยี่ยจิง เยี่ยจิงยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้า “ท่านพ่อ ท่านพาเฟิ่งจิ่วไปเถอะ” นางรู้ว่าบิดามารดาเป็นห่วง ด้วยเหตุนี้จึงเสริมอีกประโยคว่า “ทักษะการแพทย์ของนางดีมากเจ้าค่ะ”
“คุณชายเฟิ่ง ไม่สิ คุณหนูเฟิ่ง เชิญมาทางนี้” ผู้นำตระกูลเยี่ยทำท่ามือเชื้อเชิญ
เฟิ่งจิ่วเดินตามเขาออกไปข้างนอก เห็นเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาคอยอยู่ในลานบ้าน ก็บอกผู้นำตระกูลเยี่ยว่า “รอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ” จากนั้นเดินไปหาเหลิ่งซวง ก่อนยื่นป้ายคำสั่งให้นาง “เจ้าไปตลาดมืด บอกพวกเขาให้จัดการเรื่องนี้ที”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ หลังจากรับป้ายคำสั่งมาก็ออกไป
ผู้นำตระกูลเยี่ยได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน เหมือนจะได้ยินว่าตลาดมืดจัดการอะไรแค่รางๆ จึงไม่ได้ถามมากเช่นกัน แต่พาเฟิ่งจิ่วไปที่คลังเก็บยา
เวลาเดียวกันนี้ เยี่ยฮูหยินกำลังถาม “จิงเอ๋อร์ เฟิ่งจิ่วเป็นคนที่ไหน?”
“นางคือองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง มีนางอยู่ คิดว่าข้าไม่ต้องแต่งเป็นชายารองของรัชทายาทแล้ว” กล่าวมาถึงตรงนี้ เยี่ยจิงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างจริงใจ รู้ว่าขอแค่เฟิ่งจิ่วยอมช่วยเหลือ ปัญหาของตระกูลนางก็จะแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
ท่านแม่เยี่ยได้ยินก็นึกประหลาดใจ ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร แต่เห็นสีหน้าท่าทางของลูกสาวจึงไม่พูดมากความอีก ในใจคิดว่าเดี๋ยวกลับไปแล้วจะบอกนายท่านเรื่องนี้ ดูว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่
เฟิ่งจิ่วรับยามาให้เยี่ยจิง จากนั้นจึงสั่งคนรับใช้ไปต้มยา ส่วนตัวเองไปคุยเล่นในห้องเป็นเพื่อนนาง ท่านพ่อท่านแม่เยี่ยก็กลับเรือนหลักไปก่อน
เวลาเดียวกันนี้ ตลาดมืดทางนั้นเห็นเหลิ่งซวงถือป้ายคำสั่งมาก็ประหลาดใจ หลังจากรับนางเข้าไป หัวหน้าตลาดมืดถามเหตุผลการมาด้วยตนเอง และได้รู้เรื่องที่ภูตหมอให้พวกเขาไปจัดการ จึงส่งผู้อาวุโสคนหนึ่งล่วงหน้าไปพระราชวังทันที
“แม่นางเหลิ่งซวง ข้าส่งคนไปจัดการเรื่องนี้แล้ว ท่านบอกภูตหมอให้นางวางใจได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร” หัวหน้าตลาดมืดเอ่ย มองสาวงามดั่งภูเขาน้ำแข็งที่ใบหน้าเย็นชามองอารมณ์ไม่ออก คิดเล็กน้อยและถามอีกว่า “แม่นางเหลิ่งซวง ยามนี้ภูตหมออยู่จวนตระกูลเยี่ยใช่หรือไม่?”
“นายท่านอยู่จวนตระกูลเยี่ยไม่ผิด แต่นางไม่ชอบให้คนรบกวน พวกท่านไม่ต้องไปหรอก จัดการเรื่องให้เรียบร้อยพอ” เหลิ่งซวงกล่าว ก่อนจะคารวะหัวหน้าตลาดมืด “ข้าต้องกลับไปรายงาน ขอลาแค่นี้เจ้าค่ะ”
“ได้ เช่นนั้นข้าขอส่งแม่นางเหลิ่งซวง” หัวหน้าตลาดมืดเอ่ยตอบ ออกไปส่งนางด้วยตนเอง
รอจนคนกลับไปแล้ว ชายวัยกลางคนที่ติดตามข้างกายหัวหน้าตลาดมืดจึงถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านหัวหน้า แม้ภูตหมอเป็นผู้ถือครองป้ายคำสั่งตลาดมืดระดับหนึ่ง แต่นี่สั่งให้พวกเราทำอะไรตามใจชอบ พวกเราก็ต้องจัดการให้นาง เรื่องนี้ชักจะเกินไปแล้ว”
หัวหน้าตลาดมืดได้ยินเช่นนี้ก็หันไปกวาดมองเขาอย่างเย็นชา ตำหนิเสียงเบาว่า “เจ้าจะเข้าใจอะไร เจ้านึกว่ามองไปทั่วทุกแคว้นจะมีผู้ถือครองป้ายคำสั่งตลาดมืดระดับหนึ่งสักกี่คน ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นคนอื่นหรือ นางเป็นภูตหมอ ยาอายุวัฒนะที่นางหลอมกลั่นจะให้ตลาดมืดของพวกเราประมูลออกไปเท่านั้น ลำพังแค่ข้อนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสร้างประโยชน์มากมายเพียงใดให้ตลาดมืดของเรา?”
เสียงของเขาชะงักไป ก่อนเอามือไพล่หลังพลางเอ่ยต่อว่า “อีกอย่าง ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่คนระดับสูงของแปดจักรวรรดิใหญ่ก็สนใจนางมาก เจ้ากล้าไปล่วงเกินนางหรือ? เจ้าทำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ย่อมจัดการแทนนางได้เหมาะสมแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าตลาดมืดสาขาย่อยของแคว้นระดับหกเช่นข้า แม้แต่หัวหน้าตลาดมืดในแคว้นระดับหนึ่งเห็นนางยังปฏิบัติดีด้วยไม่กล้าละเลยสักนิด”
………………………………………………….
ตอนที่ 1220 มาเร่งเรื่องงานแต่งถึงที่?
ชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดนี้ ในใจเกรงกลัวเล็กน้อย ฐานะของภูตหมอในตลาดมืดสูงส่งถึงเพียงนี้เชียว?
อีกด้านหนึ่ง จวนตระกูลเยี่ย
ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วมาหา เสียงหัวเราะของทั้งสองคนก็แว่วมาจากเรือนของเยี่ยจิงบ่อยครั้ง บรรยากาศที่เดิมทีกดดันเล็กน้อยผ่อนคลายลงเพราะเหตุนี้
เมื่อท่านพ่อท่านแม่เยี่ยสองคนมาถึงในลานบ้าน ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากข้างใน ก็อดมองหน้ากันไม่ได้ ครั้นเดินเข้าไปถึงห้องด้านใน เห็นลูกสาวของพวกเขานั่งพิงหัวเตียง เฟิ่งจิ่วนั่งอยู่ข้างเตียง สองคนไม่รู้กำลังคุยอะไรกัน จะส่งเสียงหัวเราะกันเสมอ
“ท่านพ่อ ท่านแม่” เยี่ยจิงเห็นคนทั้งสองมาก็ขานเรียก
“พวกเราไม่ทันเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเจ้าแล้ว” ผู้นำตระกูลเยี่ยกล่าว ก่อนบอกเฟิ่งจิ่วว่า “คุณหนูเฟิ่ง ข้าสั่งคนเตรียมอาหารเที่ยงวางไว้ในลานบ้าน ทั้งหมดเป็นอาหารสามัญประจำบ้าน หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจ”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ อาหารสามัญประจำบ้านอร่อยนัก” เฟิ่งจิ่วเอ่ย
“เช่นนั้นเชิญ ข้าให้คนนำสุราล้ำค่าออกมาด้วย จะเชิญคุณหนูเฟิ่งดื่มสักสองแก้ว” กล่าวจบ เขาบอกฮูหยินข้างกายว่า “ให้สาวใช้ดูแลจิงเอ๋อร์ลุกจากเตียง แล้วประคองนางไปกินมื้อเที่ยงข้างนอกด้วยกัน คนเยอะคึกคักหน่อย นางจะยิ่งมีชีวิตชีวา”
“เจ้าค่ะ พวกท่านสองคนไปกันก่อนเถอะ! ประเดี๋ยวพวกเราจะตามไป” เยี่ยฮูหยินกล่าว บอกให้พวกเขาสองคนไปนั่งในลานบ้านกันก่อน ส่วนตนเองเรียกสาวใช้เข้ามาช่วย
เมื่อคนทั้งสองออกมาด้านนอก เหลิ่งหวามายืนอยู่ข้างหลังเจ้านาย ผู้นำตระกูลเยี่ยรินเหล้าให้เฟิ่งจิ่ว “เจ้าลองสิ นี่เป็นเหล้าวิญญาณของสะสมของข้า ฤทธิ์ค่อนข้างแรง”
“เจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วขานรับและยกแก้วสุราขึ้นมาจิบเบาๆ อึกหนึ่ง เข้าปากแล้วรสกลมกล่อม กลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งไหลตามลำคอเข้าไปในร่างกาย “รสชาติหอมหวาน พลังวิญญาณอบอวล เป็นเหล้าชั้นดีที่หาได้ยากยิ่งจริงๆ”
“ชอบก็ดื่มเยอะๆ อาหารที่ข้าให้ห้องครัวทำมาวันนี้ล้วนเป็นอาหารแกล้มเหล้าได้ เชิญ” เขาทำท่าเชื้อเชิญ เฟิ่งจิ่วก็ไม่เกรงใจ จับตะเกียบคีบเนื้อมากินแกล้มสุรา
ไม่นานนัก เยี่ยฮูหยินก็ประคองเยี่ยจิงเดินออกมา ทั้งสองคนนั่งลงตรงโต๊ะ เพราะเยี่ยจิงป่วยมาสองสามเดือนนอนอยู่บนเตียงตลอด ออกมาตากแดดน้อยครั้งนัก ทั้งตัวจึงดูขาวซีดเล็กน้อย ประหนึ่งว่าแค่ลมแรงพัดมาก็ล้มลงได้
“เยี่ยจิง ร่างกายของเจ้าไม่เหมาะจะนอนบนเตียงตลอด ต้องออกมาเดินเยอะๆ ร่างกายถึงจะดีขึ้นโดยเร็ว” เฟิ่งจิ่วรินสุราให้นาง “เหล้านี้ไม่เลวเลย เจ้าเองก็ดื่มได้”
เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้จึงยกขึ้นมาจิบเบาๆ ตัวนางเองไม่สนใจ แต่พ่อแม่ของนางค่อนข้างเป็นห่วงว่านางจะรับฤทธิ์แรงของเหล้าไม่ไหว
“ดื่มสองแก้วพอแล้ว เหล้านี้ดี คลายกังวลและกระตุ้นเลือดได้” เฟิ่งจิ่วกล่าว เห็นเยี่ยจิงดื่มหมดแก้วแล้วก็ยังรินอีกแก้วหนึ่ง จนกระทั่งเห็นใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ ถึงจะคีบอาหารให้กินบ้าง
ท่านพ่อเยี่ยเดิมทีอยากห้ามปราม แต่เห็นว่าลูกสาวของเขาดื่มไปสองแก้วแล้วสีหน้าดีขึ้นไม่น้อย จึงไม่ได้พูดอะไร แต่คีบอาหารให้นางกินพลางคุยเล่นกับเฟิ่งจิ่ว
จวบจนมื้ออาหารของพวกเขาจบลง ในตอนนี้เอง พ่อบ้านลนลานเข้ามาจากด้านนอก “ผู้นำตระกูล องค์รัชทายาทมาขอรับ รออยู่ที่โถงด้านหน้า”
ยามได้ยินคำพูดนี้ บรรยากาศที่เคยดีจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป สีหน้าท่านพ่อเยี่ยบึ้งตึง ความโกรธที่เก็บกดไว้แผ่กระจาบบนร่าง ไม่ต้องคิดเลย รัชทายาทมาเร่งรัดเรื่องแต่งงานแน่นอน
รังแกกันเกินไปแล้วจริงๆ! คุยกันแล้วว่าสามวัน ยังมาหาถึงบ้านในยามนี้อีก
เยี่ยฮูหยินเห็นเช่นนั้นก็เผยสีหน้าเศร้าสร้อย เบ้าตาแดงเรื่อ เมื่อนึกถึงว่าลูกสาวตัวเองจะต้องแต่งเป็นชายารองของคนเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ก้มหน้าน้ำตาไหล
………………………………………………….