เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1229 เยือนเวิ้งสวนท้ออีกครั้ง + ตอนที่ 1230 เขาไม่ได้ตัวคนเดียว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1229 เยือนเวิ้งสวนท้ออีกครั้ง + ตอนที่ 1230 เขาไม่ได้ตัวคนเดียว
ตอนที่ 1229 เยือนเวิ้งสวนท้ออีกครั้ง + ตอนที่ 1230 เขาไม่ได้ตัวคนเดียว
ตอนที่ 1229 เยือนเวิ้งสวนท้ออีกครั้ง
ทั้งสองคนกินของกินเล่น เดินเล่นรอบเมืองหลวงหนึ่งรอบ ครั้นเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วจึงย้อนกลับไปที่วังหลวง
ตอนกลับมาถึงวังหลวง งานเลี้ยงถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว ไม่มีใครอื่น มีเพียงพวกเขาไม่กี่คน แต่ครั้งนี้เฟิ่งจิ่วยังเห็นเด็กที่เธอเคยพากลับมาจากข้างถนนคนนั้นด้วย หยางหยางนั่นเอง
เด็กอายุสี่ปีในวันนั้น ผ่านไปหลายปีก็เจ็ดขวบแล้ว ท่าทางเขาเหนียมอายเล็กน้อย ยืนอยู่ข้างหลังแอบมองเธอเป็นระยะ แต่ไม่กล้าเข้ามาหา เห็นอย่างนั้นเธอก็ยิ้มๆ และกวักมือเรียก “หยางหยาง มานี่”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาหันไปมองเฟิ่งซานหยวนแวบหนึ่ง
“เข้าไปเถิด!” เฟิ่งซานหยวนยิ้มบอก แล้วก็เห็นเด็กน้อยก้าวไปด้วยความดีใจ มายืนข้างกายเฟิ่งจิ่วก่อนค้อมกายคำนับอย่างเรียบร้อยรู้ความ
“องค์หญิง” เขาจำนางได้ นางก็คือพี่สาวใจดีคนนั้นที่พาเขามาที่นี่
“ยังจำข้าได้รึไม่?” เฟิ่งจิ่วลูบหัวเขาเบาๆ ขณะยิ้มถาม
“จำได้พ่ะย่ะค่ะ” เขาทั้งดีใจทั้งเขินอาย เงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วเพียงเดี๋ยวเดียวก็รีบหลุบตาต่ำ
“สูงขึ้นไม่น้อยเลย เจ้าได้ตั้งใจฝึกฝนอย่างดีหรือไม่?” เธอถามอีก
ได้ยินเช่นนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมาตอบ “พ่ะย่ะค่ะ ผู้ครองแคว้นและจักรพรรดิหลวงล้วนฝึกสอนกระหม่อม เพื่อให้กระหม่อมปกป้องนายน้อยในวันหน้า”
“อืม นั่นคือท่านอาน้อยของข้า เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝนและร่ำเรียนให้ดี ภายหน้าต้องปกป้องเขาเข้าใจหรือไม่?” ความจริงให้เขาเป็นสหายคู่ใจของท่านอาน้อยของเธอก็ดีเหมือนกัน พื้นฐานร่างกายของเด็กคนนี้ดีกว่าคนทั่วไป หากฝึกฝนในภายหน้าต้องพัฒนาได้เร็วขึ้นแน่นอน
และการที่สามารถบ่มเพาะเขา ให้เขาเติบโตไปพร้อมกับท่านอาน้อยของเธอนั้น ไม่ว่าจะสำหรับเธอหรือสำหรับท่านอาน้อยก็ล้วนเป็นเรื่องดี อย่างไรมิตรภาพที่เติบโตมาด้วยกันย่อมมั่นคงแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ หยางหยางจะจำไว้” ใบหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขามองเฟิ่งจิ่วพลางพยักหน้าเหมือนให้คำมั่น
“พรุ่งนี้ข้าจะไปเวิ้งสวนท้อ เจ้าก็ตามข้าไปด้วยก็แล้วกัน!” เดาว่าครอบครัวของเขาคงไม่ได้เจอเขานานแล้ว พรุ่งนี้ประจวบเหมาะพาเขาไปด้วยเลย
เด็กน้อยได้ยินเช่นนั้น แววตาก็เปล่งประกาย แต่กลับลังเลเล็กน้อย “กระหม่อมไปได้หรือ?” เอ่ยจบ ก็อดหันไปมองเฟิ่งเซียวไม่ได้
เฟิ่งเซียวจึงยิ้มกล่าวว่า “องค์หญิงให้เจ้าไป เจ้าก็ไปเถิด!”
“พ่ะย่ะค่ะ” เขาจึงค่อยยิ้มอย่างดีใจ
“ไม่มีคนอื่นแล้ว เจ้าก็นั่งลงข้างข้าเถอะ!” เฟิ่งจิ่วพยักเพยิด ให้เขานั่งลงแล้วกินข้าวด้วยกัน
เพราะเป็นงานเลี้ยงครอบครัว เรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่เฟิ่งจิ่วพบเจออยู่ข้างนอก จนกระทั่งเริ่มค่ำ ทุกคนจึงค่อยแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วพาเยี่ยจิง รวมถึงเหลิ่งซวง เหลิ่งหวา และหยางหยางมุ่งหน้าไปยังเวิ้งสวนท้อ พวกเขานั่งรถม้าไป กลืนเมฆากับเสี่ยวเฮยรวมทั้งเหล่าไป๋ออกมาจากห้วงมิติแล้วก็เดินทางไปพร้อมกัน
“ที่นี่คือเวิ้งสวนท้อหรือ เจ้าบอกว่าดอกท้อที่นี่บานตลอดปีใช่หรือไม่?” เยี่ยจิงเงยหน้ามองขึ้นไปบนภูเขา เห็นเพียงที่ไกลๆ มองไปแล้วเป็นทิวเขาสีแดง งดงามตระการตา
“ถูกแล้ว ที่แห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อก่อนข้าเคยอาศัยอยู่ช่วงหนึ่ง ที่นี่เงียบสงบงดงาม ไม่ว่าจะใช้เป็นที่ฝึกฝนหรือพักผ่อนล้วนดีทั้งนั้น ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่เต็มไปด้วยดอกท้อมองไปทางไหนก็ระรื่นตา ยิ่งตอนลมพัดมา ความรู้สึกยามที่กลีบดอกร่วงโรยนั้นเหมือนสายฝนบุปผา ราวกับอยู่ในแดนเซียนก็ไม่ปาน”
เฟิ่งจิ่วสาวเท้าไปข้างหน้า กล่าวพลางมองดอกท้อที่บานเต็มภูเขา ได้กลับมายังสถานที่อันคุ้นเคย ได้เห็นทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ จิตใจก็พลอยผ่อนคลายไปด้วย
“เยี่ยจิง พวกเราพักที่นี่สักสองวันดีหรือไม่?” เธอเอียงคอหันไปถามเยี่ยจิงที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยรอยยิ้ม
………………………………………………
ตอนที่ 1230 เขาไม่ได้ตัวคนเดียว
“ได้สิ! แต่เจ้าไม่ต้องกลับวังหรือ?”
“นี่ก็อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ยังต้องกลัวไม่ได้พบหน้าครอบครัวอีกหรือ?” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “อีกอย่างเมื่อวานก็ได้เจอแล้วด้วย พักที่นี่สักสองวันก็ไม่เป็นไร ปกติหากข้ากลับมานาน ก็จะพักที่นี่นานหน่อยเช่นกัน”
ทั้งสองคนเดินขึ้นเขาพลางพูดคุยกัน หยางหยางกับสัตว์น้อยอีกหลายตัวเดินตามหลัง ครั้นมาถึงข้างบน เธอก็กล่าวกับเยี่ยจิง “เจ้าเดินเล่นตามสบาย อีกเดี๋ยวข้าค่อยมาหาเจ้า”
“ได้” เยี่ยจิงรับคำ เห็นเฟิ่งจิ่วพาหยางหยางเดินเข้าไปในป่าดอกท้อ นางจึงเดินเล่นรอบๆ ป่า ชื่นชมทัศนียภาพของที่นี่
อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วพาหยางหยางมาถึงเขตเรือนแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันเข้าใกล้ เงาร่างหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้น
“หยางหยาง!”
คนตระกูลจ้าวที่ฝึกจนกลายเป็นวิญญาณผู้ฝึกตนสามารถปรากฏตัวตอนกลางวันได้แล้ว ยามนี้พอเห็นหยางหยางติดตามนายของพวกเขากลับมา ก็อดตื้นตันใจไม่ได้
“นายท่าน ขอบพระคุณนายท่านที่พาหยางหยางกลับมาเยี่ยมพวกเรา” พวกเขาค้อมกายคำนับแล้วรีบเอ่ยขอบคุณ
สายตาของเฟิ่งจิ่วมองผ่านพวกเขา ยิ้มกล่าวว่า “ดูแล้วการฝึกของพวกเจ้ามีพัฒนาการขึ้นมาก เช่นนี้ก็ดี กลับไปข้าจะบอกกับท่านพ่อ ให้เขาพาหยางหยางกลับมาเยี่ยมพวกเจ้าทุกเดือน”
ได้ยินดังนั้น พวกเขาอดมองหน้ากันไม่ได้ รีบกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งอีกครั้ง “ขอบคุณนายท่านมาก”
พวกเขารู้ว่าตนเองเป็นวิญญาณผู้ฝึกตน อีกทั้งยังฝึกฝนได้ไม่แกร่งนัก หากใกล้ชิดกับหยางหยางหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเขามากไปจะเป็นผลเสียต่อเขา ด้วยเหตุนี้แม้อยู่ใกล้กันมาตลอด แต่พวกเขาก็ไม่เคยออกจากที่นี่ไปเยี่ยมเขาในวังเลย
“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ หยางหยางคิดถึงพวกท่าน” เด็กน้อยวิ่งเข้าใส่อ้อมกอดของมารดา ถึงจะรู้สึกได้แต่ความเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่น แต่พอได้เห็นหน้าพวกเขา หยางหยางก็ยังดีใจยิ่งนัก
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มบอกว่า “พวกเจ้าคงมีเรื่องคุยกันมากมาย ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าก็แล้วกัน สองวันนี้ข้ากับสหายจะพักอยู่ที่นี่ หยางหยางเองก็จะพักที่นี่เช่นกัน พวกเจ้าอยู่ด้วยกันเถิด”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ” พวกเขารับคำอย่างมีความสุข ครั้นเห็นเฟิ่งจิ่วหันหลังเดินจากไป จึงค่อยพาหยางหยางเดินเข้าไปในลานบ้าน แล้วถามถึงเรื่องราวในสองปีที่ผ่านมาของเขา
พวกเธอพักที่นี่สองวัน สองวันต่อมาจึงค่อยเดินทางกลับเมืองหลวงในตอนบ่าย ครั้นกลับถึงในเมือง เฟิ่งจิ่วพาเยี่ยจิงไปดูบ้านกวนสีหลิ่น
“นี่เป็นบ้านของพี่ชายข้าคนเดียว ตอนนั้นหลังจากตัดขาดกับตระกูลกวนก็เหลือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น พี่ชายข้าตามหาเบาะแสบิดาของเขามาตลอด เขาหวังว่าจะพาบิดากลับมายังตระกูลกวนที่เขาสร้างขึ้นเองกับมือแห่งนี้ได้ในสักวัน”
“องค์หญิง”
“องค์หญิง”
เฟิ่งจิ่วพาเยี่ยจิงเดินเข้าไปข้างใน องครักษ์ในจวนกับพ่อบ้านเห็นเธอก็รีบเข้ามาค้อมกายคำนับ
เยี่ยจิงฟังเฟิ่งจิ่วพูดตลอดทาง พลางมองทิวทัศน์ในจวน เห็นทุกอย่างไม่หรูหรา ทว่าประณีตละเอียดอ่อน เพียงแต่ในจวนที่กว้างขวางกลับไม่มีนายแม้แต่คนเดียว นางอดคิดไม่ได้ หากกวนสีหลิ่นอาศัยในเรือนอย่างนี้เพียงลำพังจะโดดเดี่ยวอ้างว้างเพียงใดกัน?
“แม้เขายังหาบิดาไม่เจอ แต่โชคดีที่เขามีน้องสาวอย่างเจ้า แล้วก็มีครอบครัวเจ้าอีก เขาไม่ได้ตัวคนเดียว” นางมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างกายพลางเอ่ย
“ใช่แล้ว! เขาไม่ได้ตัวคนเดียว พวกข้าล้วนเป็นครอบครัวของเขา” เฟิ่งจิ่วแย้มยิ้ม กล่าวด้วยรอยยิ้มระรื่นว่า “ถ้าแต่งพี่สะใภ้กลับมาได้สักคน แล้วก็คลอดลูกอีกสักหลายคนได้ยิ่งดี ถึงตอนนั้นคงครึกครื้นมากขึ้น”
………………………………………………….