เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1249 เช่นนั้นข้าจะกินแล้ว + ตอนที่ 1250 เตรียมขุนนางให้อ้วน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1249 เช่นนั้นข้าจะกินแล้ว + ตอนที่ 1250 เตรียมขุนนางให้อ้วน
ตอนที่ 1249 เช่นนั้นข้าจะกินแล้ว? + ตอนที่ 1250 เตรียมขุนนางให้อ้วน
ตอนที่ 1249 เช่นนั้นข้าจะกินแล้ว?
ผ่านไปไม่นาน ฮุยหลางก็พาข้ารับใช้ชายคนหนึ่งเข้ามา “นายท่าน คนนี้เป็นอย่างไร?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเงยหน้าเหลือบมอง คิ้วขมวดเข้าหากัน “เปลี่ยนคนใหม่”
“ขอรับ” เขานึกประหลาดใจ แต่ก็รับคำแล้วออกไปหามาอีกครั้ง
“นายท่าน คนนี้เป็นอย่างไร?” ฮุยหลางพาอีกคนเข้ามา
“เปลี่ยนอีก”
ครั้งนี้ แม้แต่อิ่งอีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยังแปลกใจ เขามองข้ารับใช้ชายคนนั้น แล้วหันไปมองนายท่าน ในใจนึกฉงน ปกตินายท่านไม่เคยมากพิธีให้ใครมาลองชิมอาหารก่อนอย่างนี้ เหตุใดวันนี้จึงแปลกไป?
ข้ารับใช้ชาย?
เขาแอบไตร่ตรองในใจ สมองพลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา หรือว่าจะเป็นข้ารับใช้ชายที่มาใหม่คนนั้น? ช่วงนี้เขตเรือนด้านในมีข้ารับใช้ชายคนใหม่เข้ามาคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นคนที่หยางหย่งย้ายเข้ามา หรือว่านายท่านต้องการตัวเขา?
ด้วยเหตุนี้ พอเห็นฮุยหลางกำลังจะพาคนกลับไปและหาคนใหม่มา เขาก็เอ่ยว่า “ข้าไปหาเอง!” เอ่ยจบก็พาข้ารับใช้ชายคนนั้นออกไปท่ามกลางสายตางงงันของฮุยหลาง หลังจากพาข้ารับใช้ชายออกไปและออกมานอกเขตเรือนหลัก จึงค่อยไล่สอบถามว่าข้ารับใช้ชายที่มาใหม่ไปไหนแล้ว?
“องครักษ์อิ่ง ข้ารับใช้ชายที่มาใหม่คนนั้นชื่อเสี่ยวหลี่จือ ยามนี้เป็นเวลาอาหารพอดี เดาว่าเขาคงไปที่ครัวแล้ว” องครักษ์นายหนึ่งกล่าว
“ใช่ น่าจะอยู่ที่ครัว เจ้าเด็กนั่นไปห้องครัวตรงเวลาเป็นที่สุด ตอนนี้หาตัวคนไม่เจอ จะต้องอยู่ที่ครัวแน่นอน” คนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น
ได้ยินเช่นนั้น อิ่งอีประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมุ่งหน้าไปที่ครัว ขณะนี้เป็นเวลาอาหารพอดี ตอนมาถึงครัว องครักษ์กลุ่มหนึ่งกับข้ารับใช้ชายคนหนึ่งกำลังต่อแถวตักอาหาร ร่างผอมเล็กนั้นก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
ร่างนั้นยืนหาวอย่างเบื่อหน่ายอยู่ด้านหลังเหล่าองครักษ์ เขาก้าวไปด้านหน้า มาหยุดยืนข้างกายคนผู้นั้น
“องครักษ์อิ่ง” คนที่เห็นเขาพากันก้มคารวะ
“เจ้าน่ะ ไปกับข้า”
“หา? ข้าน้อย? นี่ก็เวลากินข้าวแล้วยังต้องไปอีกหรือขอรับ?” เฟิ่งจิ่วค่อนข้างไม่พอใจ ตอนนี้เธอกำลังหิวอยู่นะ!
“ไป ไม่ต้องพูดมาก” สิ้นเสียง อิ่งอีเดินย้อนกลับไปทางเดิม
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงเดินตามไป เพียงแต่เมื่อตามเขามาถึงเขตเรือนหลัก และเห็นร่างชุดดำที่คุ้นเคยในที่สุด หัวใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้
คราวนี้ได้เจอสักทีแล้วสินะ? เขาจะจำเธอได้รึเปล่า? ใบหน้านี้ผ่านการแปลงโฉมมาแล้ว แม้แต่ตัวเธอก็ยังหาจุดที่คุ้นเคยไม่เจอ
“นายท่าน คนนี้ได้หรือไม่ขอรับ ข้ารับใช้คนนี้เพิ่งมาใหม่ ชื่อเสี่ยวหลี่จือ” อิ่งอีกล่าว แล้วส่งสายตาบอกให้เฟิ่งจิ่วก้าวเข้ามา
“เสี่ยวหลี่จือคารวะนายท่าน” เฟิ่งจิ่วรีบก้าวไปข้างหน้า ก่อนคารวะอย่างนอบน้อม เสียงของเธอทุ้มต่ำลงเล็กน้อย ไม่เหมือนเสียงที่เคยมีแต่เดิม
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเงยหน้ามอง ใบหน้าตรงหน้าแปลกตา น้ำเสียงก็แปลกหู ทว่าดวงตาคู่นั้น เขาจำได้ตั้งแต่แวบแรกว่าเป็นนาง
เขาหยักมุมปากเล็กน้อยจนไม่ทันสังเกตเห็น บางทีแม้แต่นางก็อาจไม่รู้ตัวว่า ดวงตาคู่นั้นของนางให้ความรู้สึกแตกต่างจากคนทั่วไปมาก!
“อืม” เขารับคำ แล้วละสายตาออกไป ไม่พูดอะไรอีก
อืม? อืมอะไร? เฟิ่งจิ่วงุนงง หันไปมองอิ่งอีที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“นับจากวันนี้ไป เจ้าจงชิมอาหารให้นายท่าน ไม่ว่าสิ่งใดที่จะให้นายท่านกิน เจ้าต้องชิมก่อน หากมั่นใจว่าไร้พิษจึงค่อยให้นายท่านกินได้” อิ่งอียืนพูดอยู่ด้านหนึ่ง
“หา? ชิมอาหาร? จริงหรือขอรับ”
ดวงตาเฟิ่งจิ่วเป็นประกาย สายตาจับจ้องไปที่อาหารหน้าตาประณีตเหล่านั้นบนโต๊ะ ของบนนี้ไม่ได้มีมากมาย ทว่าแต่ละจานมองดูแล้วเรียกน้ำลายได้ดีนัก
เธอก้าวเท้าเข้าไป มายืนข้างโต๊ะแล้วมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง “เช่นนั้นข้าน้อยกินแล้วนะขอรับ?”
………………………………….
ตอนที่ 1250 เตรียมขุนนางให้อ้วน
เมื่อเห็นท่าทางเหมือนแมวตะกละของนาง เซวียนหยวนโม่เจ๋อกลั้นยิ้มไม่ค่อยอยู่ เขารู้ว่านางชอบอาหารเลิศรส ชอบกิน แต่นางปลอมตัวเข้ามาเป็นข้ารับใช้ในนี้ เดาว่าคงไม่ได้กินอะไรดีๆ ในเมื่อย้ายนางมาอยู่ข้างกายตนเอง เช่นนั้นให้นางได้กินของดีหน่อยก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดสังเกต
อีกอย่าง หากมองไกลๆ ยังไม่รู้ แต่พอมองใกล้ๆ ก็พบว่านางผอมลงมาก หรือว่ายามวิ่งเต้นอยู่ข้างนอกนั่นไม่ได้กินของดีๆ เลย? เห็นเรือนร่างนั้นผ่ายผอมจนถึงขนาดนี้ เขาอดรู้สึกปวดใจไม่ได้
ภายในใจก็ลอบตัดสินใจแน่วแน่ว่า จะต้องฉวยโอกาสนี้ขุนนางให้อ้วนให้ได้
“กินเถิด!” เขาอนุญาต
“ขอรับ” นางยิ้มรับ แม้แต่ดวงตาก็โค้งจนเป็นจันทร์เสี้ยว นางยืนอยู่ข้างโต๊ะ หยิบตะเกียบและจานเปล่าใบเล็กใบหนึ่งขึ้นมา ขณะเตรียมคีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน ก็ได้ยินเสียงนั้นดังมาอีกครั้ง
“นั่งกิน”
ครั้นได้ยินคำพูดนั้น แม้แต่อิ่งอีกับฮุยหลางที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งก็แปลกใจ ทั้งสองอดสบตากันไม่ได้ จากนั้นก็หันไปมองนายท่าน แล้วมองข้ารับใช้คนนั้น มองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าข้ารับใช้คนนี้มีอะไรดีนายท่านถึงได้ปฏิบัติต่อเขาเป็นพิเศษเช่นนี้!
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วจึงไม่เกรงใจเขา รับคำแล้วนั่งลงข้างโต๊ะ คีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน และหลังจากที่คีบอาหารจากแต่ละจานมาชิมหนึ่งคำ จึงค่อยเลื่อนจานอาหารเหล่านั้นไปตรงหน้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองสองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย
“ขอรับ”
คนทั้งสองรับคำ ค้อมคำนับแล้วก็เดินออกไปด้านนอก ฮุยหลางมองอิ่งอีแปลกๆ ถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนที่นายท่านตามหาคือข้ารับใช้คนนั้น? ดูอย่างไรเขาก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลยนี่!”
อิ่งอีเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง กล่าวว่า “หลายวันนี้เขตเรือนด้านในมีข้ารับใช้มาใหม่แค่คนเดียว อาหารของนายท่านมีผู้เชี่ยวชาญทดสอบให้แล้ว ยามนี้กลับเรียกคนมาลองชิมอีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่แค่ลองชิม คนคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ”
เอ่ยจบ เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าจากไป
“อ้าว เจ้าจะไปไหน?” ฮุยหลางถาม
“ไปถามหยางหย่งให้รู้เรื่อง” เขาเป็นคนพาข้ารับใช้คนนี้เข้ามา เขาน่าจะรู้ที่มาที่ไป
ได้ยินเช่นนั้น ฮุยหลางก็รีบตามไป “ข้าก็จะไปด้วย”
ในลานบ้าน เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังมองเฟิ่งจิ่วกิน เห็นท่าทางของนางที่ดวงตาเป็นประกายยามเห็นของกินเลิศรส และเห็นนางกินด้วยสีหน้าเบิกบานอีก นัยน์ตาเขาก็ฉายยิ้มอ่อนโยนแวบผ่านอย่างห้ามไม่อยู่
ผู้หญิงคนนี้ แค่บอกเขาตรงๆ ว่ามาหาเขาก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? กลับต้องทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้แต่กินก็ยังไม่ได้กินดีๆ สักมื้อ
“เจ้าชื่อเสี่ยวหลี่จือหรือ?” เขาปรับสีหน้าแล้วถาม น้ำเสียงที่เอ่ยทุ้มต่ำเย็นชา
“ขอรับ ข้าน้อยเป็นหลานชายห่างๆ ของผู้ดูแลเขตเรือนด้านนอก” เฟิ่งจิ่วกล่าวตอบ จากนั้นเลื่อนอาหารจานหนึ่งไปตรงหน้าเขา “นายท่าน จานนี้ไม่เลว รสชาติเยี่ยมมากขอรับ”
“อืม” เขารับคำและหยิบตะเกียบขึ้นมากินด้วยกัน ครั้นเห็นนางชะงักตะเกียบจึงถาม “ไม่กินแล้วหรือ”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วกลืนน้ำลายแล้วยิ้มแห้ง “อาหารพวกนี้ข้าน้อยชิมแล้วขอรับ” ถ้ากินอีก อาหารบนโต๊ะนี้ของนายท่านข้าก็กินจนหมดได้
“มากขนาดนี้ข้ากินไม่หมด กินเถิด! หากไม่กินประเดี๋ยวก็ต้องเททิ้งหมด”
เฟิ่งจิ่วได้ฟังแล้วเผยสีหน้าประหลาดเล็กน้อย “นายท่าน ท่านดีกับข้ารับใช้อย่างนี้ตลอดเลยหรือขอรับ?” ผู้ชายคนนี้ คงไม่ใช่ว่าจำเธอได้แล้วหรอกนะ? ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงบอกให้เธอกินไม่หยุดอย่างนี้?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มแฝงแรงดึงดูด “ข้าแค่ถูกชะตากับเจ้า หากเจ้าไม่อยากกิน เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเปลี่ยนตัวข้ารับใช้คนอื่นมากินแทน”
………………………………….