เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1253 จำข้าได้แล้ว + ตอนที่ 1254 ข้าจะพาเจ้าเข้าวัง
ตอนที่ 1253 จำข้าได้แล้ว? + ตอนที่ 1254 ข้าจะพาเจ้าเข้าวัง
ตอนที่ 1253 จำข้าได้แล้ว?
“หากไม่มีเรื่องใดแล้ว ข้าเข้าไปก่อนนะขอรับ” เธอเอ่ย ประสานมือคารวะแล้วเดินเข้าไปข้างใน
“นี่ เจ้า…” ฮุยหลางทำท่าจะพูดอะไร แต่อิ่งอีกลับรั้งเขาไว้
“ทำอะไรของเจ้า? อย่างน้อยก็ให้ข้าถามให้ชัดเจนก่อนสิ!”
เขาถลึงตาจ้องคนข้างกาย กล่าวว่า “เจ้าไม่รู้สึกว่านายท่านแปลกไปหรือ ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่โผล่มาจากไหน เข้าจวนมาเพียงไม่กี่วันเอง ก็ถูกนายท่านย้ายตัวเข้าไปในเขตเรือนหลักแล้ว? ซ้ำยังให้คอยรับใช้อยู่ข้างกายอีก ต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ๆ”
“ข้าคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็มีแต่เจ้านี่แหละที่มีปัญหา” อิ่งอีกล่าว จากนั้นสาวเท้าเข้าไปด้านใน เดินไปไม่กี่ก้าวก็ชะงักฝีเท้า หันกลับมามองฮุยหลางที่ยังคงสับสนงุนงง แล้วเอ่ยเตือนว่า “จะให้ดีเจ้าอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า เอาเป็นว่ารับรู้ไว้ว่าเขาไม่ใช่ไส้ศึกหรือนักฆ่าก็พอ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่เดือดร้อนจนร้องไห้ไม่ออก”
“หึ! ล้อเล่นหรือ ข้าเนี่ยนะจะเดือดร้อนเพราะข้ารับใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง?” เขาหัวเราะพรืด ไม่คิดเห็นเช่นนั้น
อิ่งอีส่ายหน้า ก่อนจะสาวเท้าจากไป
สำหรับเด็กรับใช้ที่ถูกย้ายไปอยู่ข้างกายนายท่านทั้งที่เพิ่งเข้าจวนมาได้ไม่กี่วัน อย่าว่าแต่ฮุยหลางที่ไม่เข้าใจเลย เหล่าองครักษ์กับองครักษ์ลับในจวนรวมถึงข้ารับใช้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทั้งที่เป็นเด็กหนุ่มที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรแล้วแท้ๆ นายท่านต้องตาเขาตรงที่ใดกันแน่?
แต่พวกเขาก็ได้แต่แอบสงสัย ไม่ได้ถามออกไป เพียงจับสังเกตเด็กรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลี่จือมากกว่าปกติเท่านั้น
เช้าตรู่วันนี้ เฟิ่งจิ่วที่กำลังหาว ถือน้ำล้างหน้าเข้าไปในห้องของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เมื่อวานตอนเย็นเขากำชับไว้ว่าเช้านี้จะต้องเข้าวัง วันรุ่งขึ้นเธอจึงต้องตื่นขึ้นมารับใช้เขาแต่เช้า
ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้จะยังง่วงงุน แต่ก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าเรียกสติแล้วยกน้ำล้างหน้าเข้ามาให้เขา
“นายท่าน?”
เธอยกน้ำมาวางบนแท่นล้างหน้า แล้วจึงเดินเข้าไปในห้อง เตียงหลังใหญ่ถูกม่านมุ้งบดบัง เห็นคนที่กำลังนอนอยู่ใต้ผ้าห่มรางๆ เท่านั้น
เธอเดินเบาๆ เข้าไปแหวกมุ้งเปิดออก จู่ๆ มือคู่หนึ่งก็ยื่นออกมาคว้าตัวเธอไว้ ก่อนจะดึงเธอเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ!”
เฟิ่งจิ่วร้องเสียงเบา ทั้งร่างล้มลงไปบนเตียง โถมทับบนตัวเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นอนอยู่บนนั้นเต็มๆ แววตาตกตะลึงสบเข้ากับนัยน์ตาที่สงบลึกล้ำของเขา นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นดุจบ่อน้ำลึก ทำให้เธอมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ราวกับถูกม้วนกลืนเข้าไปทั้งตัว
บนเตียงใหญ่ ร่างกายของทั้งสองพาดทับบนล่าง มีแค่ผ้าห่มผืนเดียวคั่นกลาง มือของเซวียนหยวนโม่เจ๋อตรึงมือเธอไว้ ส่วนอีกข้างก็โอบเอวเธอกดลงไม่ให้หนีไปไหน
สายตาสองคู่สบประสานกัน กลิ่นอายที่คลุมเครือกระจายไปทั่วอากาศ…
“แหะๆ จำข้าได้แล้วจริงๆ สินะ?”
เธอยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน หากก่อนหน้านี้เรียกว่าแค่สงสัย เช่นนั้นสถานการณ์ตรงหน้าก็เรียกได้ว่ามั่นใจเต็มร้อยแล้ว เธอไม่เชื่อว่าชายที่แสร้งทำเป็นนิ่งอีกทั้งเผด็จการและสูงส่งเย็นชาผู้นี้จะดึงคนแปลกหน้าขึ้นเตียงได้
ตอนแรกเธอเองก็เคยเสียเปรียบให้เขาไม่น้อยเช่นกัน!
เมื่อได้ยิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อยกมุมปากโค้งขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำที่แฝงความดึงดูดใจรวมถึงความเกียจคร้านตอนเพิ่งตื่นนอนดังขึ้นมา “นี่เจ้าจู่โจมตรวจสอบกันหรือ? จะมาที่นี่เหตุใดไม่บอกกล่าวก่อน ข้าให้คนไปรับเจ้าก็ได้”
เขาโอบกอดนางไว้เช่นนั้น มองดูริมฝีปากแดงที่อยู่ใกล้แค่ตรงหน้า ช่วงลำคอขยับขึ้นลงเบาๆ รู้สึกเพียงไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาจากท้องน้อย ในร่างกายเกิดแรงกระตุ้นขุมหนึ่ง
ก็ไม่แปลก ชายหนุ่มมักถูกกระตุ้นได้ง่ายในตอนเช้าอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหญิงในดวงใจนอนก่ายอยู่บนตัวอีก
………………………………….
ตอนที่ 1254 ข้าจะพาเจ้าเข้าวัง
“เดิมทีก็ไม่ได้อยากมาเร็วเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังคิดจะไม่พบท่านสิบปีด้วยซ้ำ!” เฟิ่งจิ่วยิ้มร่า “แต่ว่ามีเรื่องต้องมาสะสางที่นี่พอดี เลยมาล่วงหน้าก่อน เดิมทีตั้งใจจะแอบมาดูว่าท่านใช้ชีวิตสุขสบายมีสตรีอยู่ซ้ายขวาหรือไม่ นึกไม่ถึงว่าเข้ามาอยู่ในนี้ไม่กี่วันก็ถูกพ่อบ้านของท่านจับได้แล้ว
จะว่าไป หยางหย่งคนนี้ไม่เลวจริงๆ พึ่งพาได้มากกว่าฮุยหลางเยอะ” เธออดเอ่ยชมไม่ได้
แต่พอได้ยินประโยคนั้น ความหึงหวงในใจเซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับเดือดพล่านขึ้นมา “หยางหย่งไม่เลว? ไม่เลวตรงไหน? หน้าตาหล่อเหลา? หรือความสามารถโดดเด่น?”
“ล้วนใช่ คนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา นิสัยสุขุมนุ่มลึก แต่มีความสง่าผ่าเผยเช่นคุณชายสูงศักดิ์อยู่ด้วย อีกทั้งความสามารถในการจัดการและสัญชาตญาณระแวดระวังก็ยังเป็นเลิศ ได้ยินมาว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ กลับมาเป็นพ่อบ้านให้ท่านที่นี่ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
เธอมองคนข้างล่าง ยิ้มกว้างกล่าวว่า “ดูไม่ออกจริงๆ ว่าความสามารถในการชักจูงคนของท่านจะยอดเยี่ยมด้วย คนเช่นนี้ยังยอมเป็นพ่อบ้านให้ท่านได้”
“นี่เจ้ากำลังชมข้า หรือชมเขากันแน่?” วาจาของเขาแฝงไว้ด้วยความหึงหวง
“ชมเขา ฮ่าๆๆ”
เฟิ่งจิ่วยิ้ม จากนั้นเห็นเขาแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วกล่าว “ซุกซนนัก!” มือที่โอบเอวเธอบิดเนื้อเบาๆ เพราะออกแรงไม่มาก จึงทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้จนขนลุกซู่ไปทั้งตัวแทน
“อ๊ะ…”
เฟิ่งจิ่วร้องเสียงเบา หยัดแขนยันอกเขาพลางกระเด้งตัวขึ้นมา ก่อนจะถอยออกไปจากม่านเตียงอย่างรวดเร็ว พอยืนมั่นคงแล้วก็อดคลำเอวเบาๆ ไม่ได้ พลางร้องบอกว่า “ไหนว่าจะเข้าวังอย่างไรเล่า? ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อปรับอารมณ์อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง สูดหายใจเข้าลึกแล้วพ่นลมออกมาเบาๆ พยายามควบคุมความรุ่มร้อนในร่างกายแล้วจึงลุกขึ้นมา พอเห็นนางที่ยืนห่างจากเตียงไปสามก้าว ก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ยืนไกลขนาดนั้นทำไมกัน เจ้าไม่ได้จะปรนนิบัติข้าล้างหน้าหรือ?”
“น้ำก็ตักมาให้ท่านแล้ว นั่นอย่างไร วางไว้ตรงนั้นแล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มแล้วพยักเพยิดไปทางนั้น พลางกล่าว “ข้าจะหาเสื้อผ้าให้ท่านก็แล้วกัน! ท่านอยากใส่ชุดไหน?”
ขณะที่พูดก็เปิดตู้เสื้อผ้าของเขา กลับเห็นว่าข้างในเต็มไปด้วยชุดสีดำทั้งหมด มุมปากจึงกระตุกอย่างอดไม่ได้ “สีดำหมดเลย?” นึกดูแล้วเหมือนไม่เคยเห็นเขาใส่สีอื่นเลย แต่ก็ไม่แปลก สีดำเป็นสีที่สามารถขับเน้นบุคลิกเผด็จการของเขาได้ดีที่สุดแล้ว
“หยิบตัวใดมาก็ได้ ไม่ต่างกันนักหรอก” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินมาล้างหน้าที่ด้านหนึ่งพลางเอ่ย ไม่นานก็เดินกลับมาที่เตียง กางแขนสวมชุดคลุมสีดำที่เธอหยิบมา
“เจ้าเองก็ไปเปลี่ยนชุดด้วยเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปดูในวัง”
“เข้าวังหรือ?” เธอชะงักเล็กน้อย “ไม่ได้กระมัง? ข้าเข้าไปก็มีแต่เพิ่มภาระให้ท่านไม่ใช่หรือ ข้ารอท่านอยู่ในจวนก็พอ วางใจได้ ข้ายังไม่ไปไหนหรอก” พูดมาถึงตรงนี้ เธอก็แย้มยิ้มขึ้นมา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินแล้วเผยยิ้ม ปล่อยให้เฟิ่งจิ่วรัดผ้าคาดเอวให้ ดื่มด่ำช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกับนาง พลางเอ่ยว่า “เจ้าไม่เคยมาที่นี่ไม่ใช่หรือ ข้าจะพาเจ้าไปเดินดูในวังสักหน่อย วังของราชวงศ์เซวียนหยวนใหญ่กว่าวังของพวกเจ้าที่นั่นมาก”
ขณะเอ่ย เขามองไปทางนาง เห็นนางสวมชุดข้ารับใช้จึงเอ่ยขึ้นว่า “เปลี่ยนใส่ชุดสตรีเถิด! อยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า เจ้ามาพอดีเลย ข้าจะได้พาเจ้าไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”
“ไม่เอา”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า “ข้าไม่อยากเปลี่ยนใส่ชุดสตรี มันโดดเด่นเกินไป ข้ารับปากท่านพ่อของข้าแล้ว ยามปกติจะไม่แต่งกายเป็นหญิงไปพบปะผู้คน ส่วนทางเสด็จพ่อของท่าน ข้าค่อยไปพบโอกาสหน้าก็แล้วกัน!”
………………………………………