เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1265 ไม่คุ้นกับต่างถิ่น + ตอนที่ 1266 หวงฝู่อิ๋งเสวี่ย
ตอนที่ 1265 ไม่คุ้นกับต่างถิ่น + ตอนที่ 1266 หวงฝู่อิ๋งเสวี่ย
ตอนที่ 1265 ไม่คุ้นกับต่างถิ่น
“ให้หยางหย่งเข้าไปบอกพวกเขา หากกล้าทำร้ายคนในจวนอีก ก็ให้พวกเขาไสหัวกลับไปทันที!” น้ำเสียงทุ้มเข้มดังออกไปพร้อมความโกรธเกรี้ยว ไฟโทสะนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น เพียงเพราะคนที่รัชทายาทแห่งชื่อสุ่ยคิดจะทำร้ายก็คือเฟิ่งจิ่ว ข้อนี้เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่มีทางทนได้
“ขอรับ” องครักษ์ลับขานรับด้วยความเคารพ ก่อนจะแวบกายหายออกไป
ยามนี้เอง เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างนอกเดินเข้ามา เห็นคนข้างในมีสีหน้าบึ้งตึง ก็ยิ้มน้อยๆ ในใจ รู้เรื่องเร็วเพียงนี้เชียว? ก็ถูกแล้ว ทุกที่ในจวนล้วนมีองครักษ์ลับ หากเกิดเรื่องในจวนเขาไม่รู้สิถึงจะแปลก
“อารมณ์ไม่ค่อยดีหรือ” เธอยิ้มแย้มเอ่ยถาม แล้วมานั่งตรงโต๊ะในลานบ้าน
“วรยุทธ์ของรัชทายาทชื่อสุ่ยไม่ด้อยเลย จากนี้ไปเจ้าเจอเขาต้องระวังให้มากหน่อย” เขากล่าวพลางยื่นมือมากุมมือของเธอ “ข้าไม่อยากเห็นเจ้าบาดเจ็บ”
“วางใจได้ ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่รัชทายาทชื่อสุ่ยคนนั้นคงลำบากหน่อย” เธอหัวเราะเบาๆ ในดวงตาฉายประกายประหลาดที่ดูเจ้าเล่ห์
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย ถามว่า “เจ้าทำอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร ข้ารู้ว่าเขาเป็นแขกในจวนของท่าน ย่อมเกิดเรื่องอะไรไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงยั้งมือไว้” เธอยิ้มตาหยี “คอยดูไปเถอะ! พรุ่งนี้ท่านจะรู้เอง”
เธอเป็นใคร? กล้ามาทำร้ายเธอหรือ เธอคิดจะจัดการคนคนหนึ่ง แค่ต้องขยับนิ้วมือก็ทำได้ทุกเวลา หนำซ้ำยังทำให้คนหาเบาะแสไม่ได้ด้วย
ครั้นเห็นเฟิ่งจิ่วพูดจามั่นอกมั่นใจ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเริงร่า เขาก็ไม่ถามอะไรอีก อย่างไรเสียไม่ว่าพรุ่งนี้เป็นอย่างไรก็ต้องไปพบสองคนนั้น และทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างดีที่สุด
ทว่าเริ่มตั้งแต่คืนวันนี้ ทุกๆ ครึ่งชั่วยามรัชทายาทแห่งชื่อสุ่ยจะต้องวิ่งไปห้องส้วม ทั้งยังไหลออกมาเป็นสายเช่นนั้น แม้จะกินยาก็ไม่หยุด จนเช้าตรู่วันต่อมา ทหารอารักขาจึงประคองรัชทายาทแห่งชื่อสุ่ยที่ร่างกายหมดสภาพกลับไปพักผ่อนในห้อง
เวลาแค่คืนเดียว ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความเหี่ยวเฉา ท่าทางอิดโรยยิ่งนัก
ตอนเที่ยงคืน หยางหย่งที่รู้ข่าวให้หมอในจวนเข้าไปตรวจอาการ ได้ข้อสรุปว่าท้องไส้ไม่ดี แม้จะสั่งยาให้กินก็ยังไม่หยุด กินอะไรลงไปต้องวิ่งไปห้องส้วม
ยามเช้าตรู่
“เสด็จพี่รัชทายาท ท่านดีขึ้นบ้างหรือยังเพคะ?” องค์หญิงสามยืนถามอยู่หน้าประตูห้อง รู้สึกกังวลเล็กน้อย
หากบอกว่ามีคนวางยาในอาหารก็เป็นไปไม่ได้เท่าไรนัก เพราะพวกเขากินอาหารเหมือนๆ กัน อีกอย่างคิดว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่น่าก่อเรื่องเช่นนี้ในจวนด้วย
แต่ตอนนี้เสด็จพี่ของนางกลับมาท้องเสีย ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ แม้แต่พูดจายังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
“งานเลี้ยงต้อนรับวันนี้ เจ้าไปได้เลย ข้าเกรงว่าจะไปไม่…”
เสียงข้างในห้องพูดได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ร่างหนึ่งค้ำประตูเร่งฝีเท้าเดินออกมา มุ่งหน้าไปยังห้องส้วมด้านหลัง
องค์หญิงสามเห็นเช่นนี้ก็ตกใจ มองร่างที่ตรงไปทางห้องส้วม คิ้วขมวดเบาๆ ทำไมมีแต่เขาที่เป็นเช่นนี้? ในหมู่ผู้ติดตามของพวกเขาก็มีหมอเช่นกัน นางเคยถามแล้ว ทว่าตรวจหาปัญหาอื่นๆ ไม่พบ แต่เห็นหมอบอกว่าไม่คุ้นกับต่างถิ่นอะไรสักอย่างจึงทำให้ท้องไส้ไม่ดี
จนกระทั่งตอนเที่ยง องค์หญิงสามเห็นว่าเขาไม่กล้ากินอะไรแล้ว พักอยู่บนเตียงทั้งที่ท้องหิว จึงค่อยหมุนกายจากมา
วันนี้จะได้พบรัชทายาทแห่งเซวียนหยวนแล้ว นางทะนงว่าตนมีรูปโฉมงดงาม เชื่อว่าขอแค่รัชทายาทแห่งเซวียนหยวนเห็นนาง ก็ต้องหลงใหลนางแน่นอน
………………………………………………….
ตอนที่ 1266 หวงฝู่อิ๋งเสวี่ย
หยางหย่งเข้ามาดู ถามไถ่อาการของรัชทายาทแห่งชื่อสุ่ย และรู้ว่ารัชทายาทเข้าร่วมไม่ได้ จึงนำทางองค์หญิงสามไปทางเขตเรือนด้านหน้า
นอกจากองค์หญิงสามจะพาสาวใช้สองคนตามมา ยังมีผู้ฝึกตนสวมชุดเทาสองคนด้วย พวกเขามาถึงเรือนด้านหน้าพร้อมกัน แล้วนั่งลงในโถงรับแขกเรือนด้านหน้าภายใต้การจัดแจงของหยางหย่ง
“องค์หญิงสามโปรดรอสักครู่ กระหม่อมจะไปเชิญนายท่านมาขอรับ” เขากล่าวจบก็ย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป
รอไปพักหนึ่ง เมื่อนางทนไม่ค่อยไหวแล้ว ถึงค่อยเห็นร่างในชุดดำเดินมาทางนี้ด้วยฝีเท้ามั่นคง คนผู้นั้นหันหลังย้อนแสง เพราะปัญหาจากแสงสว่างจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัดเจน ทว่ารัศมีทรงพลังของร่างนั้นกลับชวนพรั่นพรึง ลำพังแค่สง่าราศรีก็เหนือกว่าเสด็จพี่รัชทายาทของนางแล้ว มิน่าคนคนนี้ถึงถูกเรียกว่าเป็นยอดในบรรดารัชทายาทของแปดจักรวรรดิใหญ่
“องค์หญิงสาม ท่านผู้นี้คือนายท่านของพวกเรา” หยางหย่งแนะนำ จากนั้นถอยไปอยู่ข้างๆ
องค์หญิงสามจึงค่อยเห็นคนที่เดินไปตรงที่นั่งได้อย่างชัดเจน แค่แวบเดียว นางก็ใจสั่นไหวทันที หัวใจเต้นรุนแรงขึ้นมา ความประหม่า คาดหวัง ปลาบปลื้ม และกระสับกระส่าย แต่ละอย่างผุดขึ้นมาในหัวใจ เพียงแค่แวบเดียวนางก็ตกหลุมพรางเสียแล้ว
เห็นแค่ว่าในความหล่อเหลาของใบหน้าคนผู้นั้นองอาจแข็งแกร่ง โครงหน้างามคมคายชัดเจนดุจใบมีด คิ้วสองข้างปานกระบี่ ดวงตาลึกล้ำมองไม่เห็นก้นบึ้ง แฝงด้วยแรงกดดันและความทรงอำนาจอันน่าทึ่ง ริมฝีปากบางใต้จมูกโด่งเม้มเล็กน้อย ไม่มีตรงไหนไม่ดึงดูดสายตาของนาง
โดยเฉพาะเมื่อเขาสวมชุดคลุมสีดำปักซ่อนลายเมฆ ตรงเอวรัดเข็มขัดหยก ทั่วร่างแผ่อำนาจแห่งราชันและแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งที่ทั้งรุนแรงและซ่อนเร้นไว้ รัศมีน่ากลัวที่แข็งกร้าวเช่นนั้นไม่ด้อยไปกว่าเสด็จพ่อของนางเลย มองแล้วหัวใจนางเต้นรัวแวบหนึ่ง
มิน่าเล่า เขาถึงถูกเรียกว่าเป็นยอดในบรรดารัชทายาทของแปดจักรวรรดิใหญ่ ความโดดเด่นของเขาเหนือกว่าทุกๆ คน ไม่ว่าด้านไหนๆ คนอื่นล้วนเทียบไม่ได้ ก่อนหน้านี้นางคิดว่าเสด็จพี่รัชทายาทของนางเป็นคนโดดเด่นมากแล้ว แต่วันนี้ได้มาเจอเขา…เซวียนหยวนโม่เจ๋อ ถึงได้รู้ว่าบุรุษเช่นไรถึงจะเป็นชายชาตรีที่แท้จริง!
โลกนี้มีบุรุษที่ดีเยี่ยมเช่นนี้อยู่ด้วย รวบรวมความดีงามของใต้หล้าไว้ในคนคนเดียว อำนาจราชาที่สวรรค์สรรค์สร้าง ความสง่างามหาใดเปรียบ ความเด่นสะดุดตาดุจผืนดาราเก้าชั้นฟ้า ทำให้คนหลงใหลโดยไม่อาจควบคุม และอยากจะยอมศิโรราบแทบเท้าเขา
เฟิ่งจิ่วที่ตามเข้ามาด้านหลังเห็นองค์หญิงสามจ้องเซวียนหยวนโม่เจ๋อด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ก็อดเบ้ปากไม่ได้ แล้วกวาดตามองชายใบหน้าไร้อารมณ์ที่นั่งตัวตรงอยู่คนนั้น
บุรุษเป็นเหตุนำภัยตามคาด ผู้ชายคนนี้จะหน้าตาดีขนาดนี้ไปทำไมกัน? ทำให้ผู้หญิงหลงจนมองตาค้างแล้ว
เธอเห็นว่าองค์หญิงบ้าผู้ชายผ่านไปนานแล้วยังไม่ได้สติกลับมา จึงกระแอมไอก่อนเอ่ยเสียงดัง “องค์หญิงสาม นี่คือนายท่านของข้าขอรับ”
หลายคนในห้องโถงสะดุ้งตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเงยหน้าชำเลืองมองเฟิ่งจิ่ว ในดวงตาดำขลับลึกล้ำฉายแววยิ้ม หยางหย่งที่เดิมทีมีรอยยิ้มอ่อนโยนแต่พอเหมาะ ครั้นได้ยินคำพูดนี้รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกดลึกขึ้น
มีเพียงองค์หญิงสามซึ่งถูกตะโกนเรียกโดยไม่ทันตั้งตัว จึงตกใจจนร่างบางสั่นเทิ้ม รีบดึงสติกลับมาและสงบอารมณ์ จากนั้นมองเด็กรับใช้ที่เดินไปอยู่ข้างกายเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จำได้ว่าเขาคือคนเมื่อวานนี้
คิ้วขมวดเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดอะไร นางกลับมามีท่าทางงามสง่าน่าหลงใหลเช่นปกติ ก่อนจะก้าวเข้าไปยอบกายคารวะ เสียงที่เอ่ยนุ่มนวลดุจสายน้ำ “อิ๋งเสวี่ยคารวะรัชทายาทแห่งเซวียนหยวน”
………………………………………………….