เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1273 ล่าสัตว์ + ตอนที่ 1274 จะยอมตัดใจจากสิ่งที่รักหรือไม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1273 ล่าสัตว์ + ตอนที่ 1274 จะยอมตัดใจจากสิ่งที่รักหรือไม่
ตอนที่ 1273 ล่าสัตว์ + ตอนที่ 1274 จะยอมตัดใจจากสิ่งที่รักหรือไม่
ตอนที่ 1273 ล่าสัตว์
“ข้าว่าเจ้าควรวางยาให้หนักกว่านี้หน่อย ให้ดีที่สุดต้องทำให้เขาจำฝังใจ” น้ำเสียงที่เอ่ยทุ้มต่ำเจือแววขบขัน เขาจูงมือเธอที่อยู่ข้างกาย กล่าวว่า “เสด็จพ่อข้าบอกให้ไปล่าสัตว์ในอีกสองวัน ให้ข้านำขบวนพาพวกเขาสองคนไปเที่ยวเล่น แต่ข้าคิดว่า หากถึงเวลานั้นแล้วเขายังลงจากเตียงไม่ได้ เรื่องนี้ก็อาจละเว้นไปได้”
“ล่าสัตว์รึ? ข้าไปด้วยสิ” เธอกล่าวด้วยความตื่นเต้น “อย่างไรก็เป็นถึงรัชทายาทของจักรวรรดินทีแดง จะให้เขานอนติดเตียงไปตลอดไม่ได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างไรข้าก็ระบายความโกรธไปหมดแล้ว หากเขายังกล้าทำอะไรข้า ข้าค่อยสั่งสอนเขาอีกก็ยังไม่สาย”
“รัชทายาทแห่งชื่อสุ่ยเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นเริ่มต้น ระดับวรยุทธ์ของเขาสั่งสมบ่มเพาะจากการใช้สมบัติล้ำค่ามากมาย วรยุทธ์ของเจ้าก็เข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณแล้วเช่นกัน ทว่าสิ่งที่ต่างกันคือ เจ้าอาศัยตนเองจนกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ หากวัดกันเรื่องการต่อสู้ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่แพ้เขาแน่”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น เธอกล่าวว่า “พอข้ามาถึงที่นี่ ก็พบว่ามีผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณอยู่มากมาย ระดับกำเนิดวิญญาณบางคนเป็นเพียงเถ้าแก่ร้านอัญมณีเท่านั้น ต้องรู้ก่อนว่าพลังขนาดนั้น หากอยู่ที่แคว้นเราคือระดับบรรพชนแล้ว ไหนจะมีเสี่ยวเอ้อร์ตามเหลาสุรากับโรงเตี๊ยมอีก นึกไม่ถึงว่าจะมีระดับสร้างรากฐานด้วย”
“ทุกที่ล้วนเหมือนกัน มีผู้แข็งแกร่ง ย่อมมีผู้อ่อนแอ อยู่ที่นี่คนที่อ่อนแอเกินไปไม่อาจมีชีวิตรอด อยู่ที่นี่แม้เป็นชาวบ้านธรรมดาก็มีระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณ แต่ปรมาจารย์พลังวิญญาณต่ำเกินไปสำหรับที่นี่ เทียบไม่ได้แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน ทำได้เพียงงานที่หยาบและหนักที่สุดเท่านั้น”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าว ครั้นเห็นว่าใกล้ถึงเรือนทิศเหนือแล้ว เขาชะงักฝีเท้า มองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างกายและบอกว่า “วันนี้เสด็จพ่อของข้าถามถึงเจ้าด้วย ข้าบอกเพียงว่าเจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่ง เขาบอกว่าวันหลังให้ข้าพาเจ้าเข้าวังไปพบเขาสักครั้ง”
ขณะกล่าว เขายื่นมือไปจับปอยผมตรงข้างแก้มของเธอขึ้นทัดหูให้ “เขาไม่พูด แต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงจิตสังหารของเขา ดังนั้นข้าเลยไม่คิดจะพาเจ้าไปพบเขาตอนนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาเฟิ่งจิ่วไหวระริก ยิ้มกล่าวว่า “ท่านวางใจเถิด! ในเมื่อข้ามอบใจให้ท่านแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนใจเพราะปัจจัยอื่น แม้เสด็จพ่อของท่านจะขัดขวาง ก็ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้เขาพยักหน้ายอมรับจนได้”
เธอหัวเราะคิกคัก พูดเตือนขึ้นมา “ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว ไปเถิด!”
“อืม” เขายกมุมปากเบาๆ แววตาลึกล้ำที่แฝงด้วยความอ่อนโยนละไปจากตัวเธอ จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปยังเรือนทิศเหนือ
ยามเห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อมาเยี่ยมพี่ชายรัชทายาทของนางที่เรือนทิศเหนือ องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยประหลาดใจเล็กน้อย ทว่ายังคงยอบกายคำนับแล้วเชิญเขาเข้าไปในเรือน เดินนำไปยังเรือนปีกข้าง ก่อนเข้าไป นางมองข้ารับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายของเขา ลึกๆ ข้างในไม่ค่อยพอใจนัก
เขาอีกแล้ว
เด็กหนุ่มคนนี้ใส่เสื้อผ้าของข้ารับใช้แท้ๆ แต่ทั่วทั้งตัวกลับไร้ซึ่งท่าทีถ่อมเนื้อถ่อมตัว และยิ่งไม่รู้จักว่าการเคารพนบนอบคือสิ่งใด คนไม่รู้ยังนึกว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโตมาจากที่ใดเสียอีก! เข้ามาในนี้ก็ไม่เห็นก้มหัวคารวะ กลับมองข้ามนางที่เป็นถึงองค์หญิงไปอย่างนั้น เพียงเดินตามหลังองค์รัชทายาทเซวียนหยวนเข้าไปในเรือนเงียบๆ
นางนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายรัชทายาทของนางเกิดอาการผิดปกติหลังจากที่เล่นงานเขา ก็อดคาดเดาไม่ได้ว่า ที่พี่ชายรัชทายาทของนางเป็นเช่นนี้จะใช่อุบายของเด็กหนุ่มคนนี้หรือไม่?
“องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?” ข้างในเรือน เซวียนหยวนโม่เจ๋อมายืนอยู่ข้างเตียง มองร่างที่เอนกายอยู่บนเตียงในสภาพอ่อนแอพลางถาม
เสียงของรัชทายาทชื่อสุ่ยชัดเจนว่าไร้เรี่ยวแรง กล่าวว่า “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเซวียนหยวนที่เป็นห่วง ดีขึ้นมากแล้ว”
………………………………….
ตอนที่ 1274 จะยอมตัดใจจากสิ่งที่รักหรือไม่
“เช่นนั้นก็ดี” เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้า มองรัชทายาทชื่อสุ่ยที่ใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงพลางเอ่ย “เขาเก้าชั้นเป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ของราชวงศ์เรา อีกสองวันข้าใคร่ขอเชิญทั้งสองท่านไปล่าสัตว์ด้วยกันที่นั่น ไม่ทราบทั้งสองท่านสนใจหรือไม่?”
องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยชะงักไปนิด ลังเลเล็กน้อย ล่าสัตว์รึ? อีกสองวันสภาพร่างกายของพี่ชายรัชทายาทจะไปล่าสัตว์ได้หรือ? ถึงจะกังวลใจ แต่กลับไม่กล้าบอกปัดตรงๆ ฉะนั้นจึงหันไปมองผู้เป็นพี่ชายที่อยู่บนเตียง
“ในเมื่อองค์รัชทายาทเซวียนหยวนเชื้อเชิญ ข้าย่อมต้องไปด้วยอยู่แล้ว” รัชทายาทชื่อสุ่ยที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ย พยักเพยิดให้องครักษ์ที่อยู่ข้างเตียงประคองเขาลุกขึ้นมา เมื่อลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง จึงค่อยหันไปมองเฟิ่งจิ่วที่แต่งกายชุดข้ารับใช้ยืนอยู่ข้างเซวียนหยวนโม่เจ๋อ และถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านนี้ทำหน้าที่ใดอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทหรือ?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างๆ กัน ตอบว่า “เขาเป็นผู้ติดตามของข้า”
“ที่แท้ก็เป็นผู้ติดตาม ไม่ทราบองค์รัชทายาทจะยอมตัดใจจากสิ่งที่รักได้หรือไม่? ข้ายอมใช้สมบัติล้ำค่าสิบกล่องแลกกับข้ารับใช้ผู้นี้” เขาจ้องเฟิ่งจิ่วเขม็ง เพราะเขามั่นใจว่าที่ตนเองนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงเช่นนี้ จะต้องเป็นอุบายของข้ารับใช้คนนี้แน่!
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ได้ยินวาจาของเขา สีหน้าบึ้งตึงทันที กลิ่นอายรอบกายแปรเปลี่ยนเป็นแรงกดดัน ประดุจราชสีห์ตัวผู้ที่กำลังโกรธเกรี้ยว สายตาลึกล้ำคมปลาบพร้อมด้วยความเย็นยะเยือกจ้องตรงไปยังรัชทายาทชื่อสุ่ย แรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เพียงทำให้ร่างกายอ่อนแอขององค์รัชทายาทแทบทนรับไม่ไหว แม้แต่บรรยากาศข้างในนี้ก็ยังแปรเปลี่ยนเป็นกดดัน อากาศราวกับแข็งค้างกลายเป็นน้ำแข็ง แม้จะหายใจก็ยังรู้สึกยากลำบาก
เพราะแรงกดดันที่ทรงพลังกระจายไปทั่วเรือนปีกข้างห้องนี้ ชายวัยกลางคนชุดเทาสองคนข้างกายรัชทายาทชื่อสุ่ยจึงก้าวออกมายืนขวางอยู่ข้างเตียง ปิดกั้นแรงกดดันเหล่านั้นไม่ให้กระทบถูกร่างของรัชทายาทชื่อสุ่ยที่กำลังหน้าซีดเผือด และปกป้องเลือดลมที่กำลังพลุ่งพล่านในกายของเขา
“ครั้งหน้าก่อนที่จะพูดอะไรออกมา องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยควรไตร่ตรองให้ดีก่อนจะดีกว่า” เซวียนหยวนโม่เจ๋อจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา “คนข้างกายของข้า มิใช่ใครที่ไหนจะมาดูถูกก็ได้”
ได้ยินดังนั้น รัชทายาทชื่อสุ่ยหน้าเปลี่ยนสี วาจาหยั่งเชิงประโยคเดียวของเขาก็ทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าคนคนนี้ไม่ได้เป็นแค่ข้ารับใช้หรือคนสนิทธรรมดาแน่ เพราะในน้ำเสียงของฝ่ายตรงข้าม เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของที่ทั้งเผด็จการและแข็งกร้าวของบุรุษ
“องค์รัชทายาท เสด็จพี่รัชทายาทของหม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น” องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยเอ่ยปากคลี่คลายสถานการณ์ “เขาเพียงเอ่ยหยอกล้อเท่านั้นเพคะ”
ทว่า รัชทายาทชื่อสุ่ยกลับยิ้มกล่าว “ไม่ ข้าไม่ได้กำลังหยอกเล่น ข้าสนใจในตัวข้ารับใช้ผู้นี้จริงๆ แต่ในเมื่อพระองค์ไม่ยอมตัดใจทิ้งของรักก็ช่างเถิด ได้ยินมาว่าข้างกายรัชทายาทเซวียนหยวนมีผู้มีความสามารถมากมาย เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าข้าจะโชคดีมีโอกาสได้รับการชี้แนะจากเขาสักครั้งด้วย”
ครั้นเอ่ยถึงประโยคสุดท้าย สายตาของเขาจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วที่ยืนเงียบอยู่ด้านหนึ่ง เพราะถูกคนคนนี้เล่นงานเข้า ตนเองถึงได้มีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ไม่ใช่หรืออย่างไร?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอามือไพล่หลัง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะเขาเห็นรัชทายาทชื่อสุ่ยผู้นี้กำลังจ้องสตรีของเขาไม่วางตา ถึงแม้ยามนี้เฟิ่งจิ่วสวมชุดข้ารับใช้อยู่ แต่พอเห็นบุรุษคนหนึ่งจ้องนางเช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนัก
“ในเมื่อรัชทายาทชื่อสุ่ยไม่เป็นอะไรมากแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน อีกสองวันจะรอทั้งสองท่านเดินทางไปล่าสัตว์ด้วยกันที่เขาเก้าชั้น” สิ้นเสียง เขาก็สาวเท้าเดินออกไป
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเห็นเช่นนั้นก็เคลื่อนฝีเท้าเดินตามไปด้วย ไม่นานก็ออกจากเรือนทิศเหนือ แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนหลัก
“เสด็จพี่รัชทายาท” ในเรือนทิศเหนือ องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยมองพี่ชาย แววตามีความกังวล
……………………………………..