เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1289 แต่งกายเป็นหญิงงามเย้ายวน + ตอนที่ 1290 ใช้อำนาจตามใจตน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1289 แต่งกายเป็นหญิงงามเย้ายวน + ตอนที่ 1290 ใช้อำนาจตามใจตน
ตอนที่ 1289 แต่งกายเป็นหญิงงามเย้ายวน + ตอนที่ 1290 ใช้อำนาจตามใจตน
ตอนที่ 1289 แต่งกายเป็นหญิงงามเย้ายวน
ยามบ่ายของวันต่อมา พวกเขากลับมาถึงจวนในเมืองหลวง ทันทีที่เข้าไปในจวน หยางหย่งก้าวเข้ามารายงานว่า “นายท่าน องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง ให้ท่านเข้าวังทันทีที่กลับมา”
“อืม เจ้าเตรียมรถม้าที รอพวกข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วค่อยเข้าวังกัน” เขาพาเฟิ่งจิ่วเข้าไปด้านใน มุ่งหน้าไปยังเขตเรือนหลัก
“ขอรับ” หยางหย่งรับคำ กำชับข้ารับใช้ให้เตรียมตัว พลางดึงฮุยหลางไปถามที่ด้านหนึ่ง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดออกไปแค่ประเดี๋ยวก็จัดการรัชทายาทชื่อสุ่ยจนสลบไปเช่นนั้น?”
“รัชทายาทชื่อสุ่ยผู้นั้นรนหาที่ตายเอง เจ้าไม่รู้เรื่อง นึกไม่ถึงว่าเขาจะฉีก…”
พูดมาถึงตรงนี้ เขามองซ้ายมองขวาแวบหนึ่งก่อนพูดเสียงเบา “ฉีกเสื้อผ้าของภูตหมอ จากนั้นก็ฉีกแขนเสื้อของภูตหมอ ทำให้แขนเปลือยเปล่าทั้งท่อน นายท่านโมโหมาก ซัดฝ่ามือออกไป แล้วเขาก็กระเด็นไปเลย ต่อมาภูตหมอบอกว่าให้แล้วกันไปเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าว่านายท่านคงอยากสังหารรัชทายาทชื่อสุ่ยให้ตายคาที่เลยด้วยซ้ำ”
หลังได้ยินวาจาเหล่านี้ หยางหย่งตกใจเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจกระจ่าง ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว เขาเองก็คิดอยู่ ถึงนายท่านจะไม่ชอบหน้าพวกเขาขนาดไหนก็ไม่น่าจะซัดจนสลบเหมือดไปเช่นนั้น
“ใช่สิ องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยนั่นเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ตายกระมัง?” ฮุยหลางถาม เขาจำได้ว่าตอนนั้นรัชทายาทชื่อสุ่ยนอนแน่นิ่งบนพื้นไม่ขยับสักนิด
“ไม่ตาย แต่บาดเจ็บไม่น้อยเลย อวัยวะภายในล้วนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งกระดูกซี่โครงหักไปหลายท่อน เดาว่าแม้ได้ยาดีอีกแค่ไหน ก็ต้องนอนติดเตียงไปอีกเดือนสองเดือน” เอ่ยถึงตรงนี้ เขาถอนหายใจพลางส่ายหน้า “เรื่องนี้หากจัดการไม่ดี ต้องกลายเป็นเรื่องวุ่นวายแน่”
“วางใจเถิด มีนายท่านอยู่ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง หากจะสืบสาวราวเรื่องจริงๆ ก็เป็นฝ่ายรัชทายาทชื่อสุ่ยที่ทำไม่ถูกต้อง” ฮุยหลางกล่าว “ข้าเข้าไปดูพวกนายท่านก่อน” เอ่ยแล้วก็ไหวกายตรงเข้าไปด้านใน
ในเขตเรือนหลัก เซวียนหยวนโม่เจ๋ออาบน้ำเสร็จแล้ว ก็เปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมยาวตัวใหม่ จากนั้นนั่งรอเฟิ่งจิ่วอยู่ข้างโต๊ะหินในลานบ้าน ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา ประตูเรือนเปิดออก เขาหันหน้าไปมอง นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำมีประกายแสงพาดผ่านอย่างอดไม่ไหว
เห็นเพียงประตูเรือนถูกเปิดออก นางที่สวมชุดกระโปรงสีแดงเจิดจ้าก้าวออกมาอย่างแช่มช้า ดวงหน้างดงามแฝงไว้ด้วยมนตร์เสน่ห์เฉพาะตัว รอยยิ้มเย้ายวนบนริมฝีปากน่าหลงใหลปานภูตสาว ในนัยน์ตาที่สงบนิ่งและเจ้าเล่ห์แฝงไว้ด้วยประกายแห่งความมั่นใจ ทุกครั้งที่ขยับคิ้วหรือระบายยิ้มล้วนอบอวลไปด้วยเสน่ห์ชวนลุ่มหลง ทุกอิริยาบถแสดงถึงบุคลิกสูงส่งสง่างามไร้ใครเทียม
สายตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเลื่อนจากชายกระโปรงที่กำลังพลิ้วไหวขึ้นมาข้างบน มองผ่านเอวบางคอดที่ผูกผ้าคาดเอวไว้ หน้าอกที่เนินสูงขึ้นมาเล็กน้อย ลำคอขาวยาวระหง จนกระทั่งเลื่อนสายตาขึ้นมาถึงดวงหน้างดงามที่ประดับด้วยรอยยิ้ม และสบตากับดวงตาน่าหลงใหลคู่นั้น ในชั่วพริบตาก็ละสายตาหนีไปไหนไม่ได้
ทั้งที่เป็นชุดกระโปรงสีแดงเรียบง่ายตัวเดียว ไม่มีเครื่องประดับมากมายแท้ๆ แต่เมื่ออยู่บนตัวนางกลับสะดุดตายิ่งนัก งดงามจนทำให้ใจสั่นหวั่นไหว งดงามจนหัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง งดงามจนเขาอยากจะซุกซ่อนนางไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ไม่อยากให้ใครเห็นความงามของนาง…
“เป็นอย่างไรบ้าง? สวยหรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วมายืนอยู่ตรงหน้าเขา สองมือกางออกเล็กน้อย ยิ้มแล้วหมุนตัวตรงหน้าเขาหนึ่งรอบ เมื่อเธอหมุนตัว ชายกระโปรงสีแดงก็บานออกเหมือนบุปผางามดอกหนึ่ง
“งาม งามจนข้าไม่อยากพาเจ้าออกนอกบ้านแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไว้ด้วยความรักใคร่และอ่อนโยนดังออกมาจากปากเขา เขาเอื้อมมือไปโอบเอวแบบบางของเธอ ดึงเข้ามาในอ้อมแขนเหมือนไม่อยากปล่อยมืออีก
………………………………….
ตอนที่ 1290 ใช้อำนาจตามใจตน
“ถ้างาม ต่อไปขอเพียงท่านอยู่ข้างกายข้า ข้าก็จะใส่กระโปรงให้ท่านดู” เธอพูดอย่างเอาใจ ตามคาด คำชมและความตื่นเต้นยินดีของผู้อื่นล้วนสู้คำว่างามคำเดียวจากปากคนในดวงใจไม่ได้
“ดี” เขาเผยรอยยิ้มแล้วรับคำ เพียงแต่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถามอีกว่า “เจ้ามีผ้าปิดหน้าหรือไม่?”
“ผ้าปิดหน้ารึ? ไม่มี ข้าไม่ใช้สิ่งนั้น แต่ข้ามีหน้ากาก” เฟิ่งจิ่วหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“หน้ากากก็ช่างเถิด หน้ากากเหมาะกับเจ้าตอนแต่งเป็นชาย แต่งเป็นหญิงไม่เหมาะจะใส่หน้ากาก” เขาจูงมือเธอพลางเอ่ย “พวกเราเข้าวังกันเถอะ!”
“อืม” เธอพยักหน้ายิ้มให้ ก่อนเดินตามเขาออกไปข้างนอก
ฮุยหลางกับอิ่งอีเห็นพวกเขาออกมา ก็รีบเข้าไปรับหน้า ฮุยหลางเห็นเฟิ่งจิ่วเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดผู้หญิง ไม่ได้เห็นเธอใส่ชุดผู้หญิงมานาน พอเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอตอนนี้ เขาก็อดกล่าวชื่นชมไม่ได้ “ภูตหมอ ท่านใส่ชุดผู้หญิงแล้วสวยเหลือเกิน ข้ายังไม่เคยเห็นใครสวยเท่าท่านเลย”
ขณะเอ่ยก็เห็นว่านายของตนตวัดสายตาเย็นชามาที่เขา จึงเกิดความระแวงอย่างห้ามไม่ได้ ถามว่า “นายท่าน เป็นอะไรไปหรือขอรับ?” เขาไม่ได้พูดอะไรผิดกระมัง?
“เดินของเจ้าไป” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยเสียงเข้ม ถลึงตาจ้องเขา “ไม่ต้องพูดมาก”
“ข้าเปล่า…” ฮุยหลางทำท่าจะพูด แต่ถูกอิ่งอีดึงให้ก้มหัวลง
เฟิ่งจิ่วมองฮุยหลางแล้วหัวเราะ ก่อนจะเดินตามเซวียนหยวนโม่เจ๋อไปข้างนอก เธอที่สวมชุดผู้หญิงเดินอยู่ในจวน ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์หรือข้ารับใช้ในจวนล้วนแอบมองประเมินด้วยความสงสัย จนกระทั่งพวกเขาขึ้นรถม้าไป สายตาทุกคู่จึงค่อยละกลับ
ตอนที่เธอนั่งอยู่ด้านในรถม้า กลับเห็นว่าชายหนุ่มที่เมื่อครู่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม ตอนนี้สีหน้ามืดทึมไปแล้ว จึงถามขึ้นมา “เป็นอะไรไป”
“ไม่มีอะไร” เขากล่าว แล้วหยิบขนมจากลิ้นชักลับในรถม้ามาให้เธอกิน “กินขนมหน่อยเถิด! รอกลับมาจากในวัง ค่อยกลับไปกินของดีๆ ที่จวน”
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ หยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน และหยิบอีกชิ้นยื่นให้เขา
รถม้าค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังวังหลวง อิ่งอีกับฮุยหลางติดตามอยู่ข้างซ้ายและข้างขวาของรถม้า กระทั่งมาถึงถนนใหญ่ เซวียนหยวนโม่เจ๋อเลิกผ้าม่านหน้าต่างขึ้นแล้วเหลือบมองข้างนอกแวบหนึ่ง กล่าวว่า “จอดรถม้าไว้ข้างทาง ฮุยหลาง ไปซื้อผ้าปิดหน้าสีแดงกลับมาสักสองสามผืน”
“ขอรับ” ฮุยหลางแม้จะงงงัน แต่ก็รับคำ จากนั้นจึงไปซื้อผ้าปิดหน้าสีแดงจากร้านขายของข้างถนนใหญ่มาสองสามผืน ไม่นานก็กลับมาที่ข้างรถม้า ยื่นผ้าปิดหน้าสีแดงที่ซื้อมาเข้าไปด้านใน “นายท่าน ได้ผ้าปิดหน้ามาแล้วขอรับ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับมายื่นให้เฟิ่งจิ่ว “ผืนอื่นเจ้าเก็บไว้ ภายหน้าออกไปข้างนอกก็ใช้ปิดบังใบหน้าได้ ผูกผืนนี้ไว้ก็พอแล้ว”
“ได้” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับคำ เก็บผืนอื่นไว้ เหลือไว้ในมือเพียงผืนเดียว เธอยิ้มถามว่า “ท่านไม่คิดว่าผูกผ้าปิดหน้าแล้วจะยิ่งดูลึกลับ ยิ่งทำให้เป็นจุดสนใจหรือ?”
“อย่าให้ใครเห็นหน้าเจ้า เช่นนี้ต่อไปเวลาเจ้าเดินทางอยู่ข้างนอกจะได้ปลอดภัยหน่อย” เขาเอ่ยพลางรินน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง “พอไปถึงในวังเจ้าไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ด้วย จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“อืม”
เธอตอบรับยิ้มๆ แล้วถามอย่างค่อนข้างสนใจ “เสด็จพ่อของท่านปฏิบัติต่อท่านเช่นไร ความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านพ่อลูกเป็นอย่างไรบ้าง?”
ได้ยินเช่นนั้น เขาชะงักไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ได้แย่นัก ในภาพจำ สิ่งที่เขามีก็มีเพียงความเข้มงวด แต่ว่า ที่ข้ามีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ทั้งที่ถูกพิษเหมันต์พันปี ก็เป็นเพราะเขาเช่นกัน หากไม่ได้เขา ข้าคงไม่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้
เพียงแต่ว่าเขาครองตำแหน่งสูงมานาน จึงไม่ชอบให้ใครมาท้าทายอำนาจเขา พูดอะไรผู้ที่อยู่ใต้บัญชาก็ต้องทำเช่นนั้น ค่อนข้างใช้อำนาจตามใจตน”
………………………………….