เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1291 ปรากฏกายด้วยชุดแดง + ตอนที่ 1292 คู่สร้างคู่สม
ตอนที่ 1291 ปรากฏกายด้วยชุดแดง + ตอนที่ 1292 คู่สร้างคู่สม
ตอนที่ 1291 ปรากฏกายด้วยชุดแดง
รถม้าเคลื่อนตัวไปยังวังหลวง เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในรถม้า ฟังเซวียนหยวนโม่เจ๋อพูดเรื่องของพวกเขาสองพ่อลูก ตลอดเส้นทางกลับไม่เบื่อหน่ายแม้แต่น้อย
จวบจนมาถึงประตูวัง เซวียนหยวนโม่เจ๋อลงจากรถม้าก่อน จากนั้นจูงมือเฟิ่งจิ่วออกมา เธอในตอนนี้ผูกผ้าปิดหน้าสีแดงเพื่อปิดบังใบหน้าแล้ว เผยให้เห็นเพียงคิ้วและดวงตา ทว่าเมื่อมองไม่เห็นใบหน้า กลับยิ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกได้ถึงความงามแบบลึกลับ
คนทั้งสองเดินนำหน้า ด้านหลังมีฮุยหลางกับอิ่งอีเดินตาม พวกเขาสี่คนเดินเข้าไปในพระราชวัง โดยมีองครักษ์คนหนึ่งคอยเดินนำทางอยู่ข้างหน้า
“องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิอยู่ในตำหนักบูรพา รัชทายาทกับองค์หญิงแห่งชื่อสุ่ยก็อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ขณะเอ่ย องครักษ์คนนั้นอดไม่ได้ที่จะแอบชำเลืองมองสตรีในชุดแดงสะดุดตาปานแสงอาทิตย์เจิดจ้า ท่านผู้นี้ก็คือสตรีที่ทำให้องค์รัชทายาทเดือดดาลจนซัดรัชทายาทแห่งชื่อสุ่ยจนบาดเจ็บสาหัสหรือ?
“ไหนว่ารัชทายาทชื่อสุ่ยนั่นบาดเจ็บจนหายใจรวยริน? ตอนนี้ลงจากเตียงได้แล้วรึ?” ฮุยหลางพึมพำอย่างอดไม่อยู่
องครักษ์คนนั้นได้ยินเข้า ก็เหลือบมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นตอบเสียงเบาว่า “องค์จักรพรรดินำยาฟื้นสภาพวิญญาณต้นระดับหกให้องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยเสวยไปหนึ่งเม็ด ยามนี้จึงไม่เป็นอะไรมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยิน นอกจากเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจ เฟิ่งจิ่วกับฮุยหลางและอิ่งอีล้วนประหลาดใจกันเล็กน้อย
ยาฟื้นสภาพวิญญาณต้นระดับหกรึ? ถึงเธอจะมีพรสวรรค์ด้านยาอายุวัฒนะไม่เลว แต่ตอนนี้ยาระดับสูงสุดที่กลั่นได้เหมือนจะอยู่แค่ระดับห้าเท่านั้น ยังไม่เคยกลั่นระดับหกได้เลย
มียาฟื้นสภาพวิญญาณต้นระดับหกอยู่ อาการบาดเจ็บของรัชทายาทชื่อสุ่ยจะดีขึ้นภายในคืนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอย่างไรยาอายุวัฒนะระดับหกก็มีประสิทธิภาพน่าทึ่ง ดีเลิศจนยาทั่วไปไม่อาจเทียบได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นยาที่มีค่าไม่ธรรมดา
ส่วนฮุยหลางกับอิ่งอีประหลาดใจเพราะยาฟื้นสภาพวิญญาณต้นมีน้อยมากในวัง นึกไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะยอมเอายาฟื้นสภาพวิญญาณต้นออกมาให้รัชทายาทชื่อสุ่ยผู้นั้นกิน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้รัชทายาทชื่อสุ่ยกลับบ้านเมืองไปแล้วจักรพรรดิแห่งชื่อสุ่ยรู้เรื่องนี้เข้า ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดคลื่นลมใดขึ้น
เพราะอย่างไรเสีย คนผู้นี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ยังจะมาระบายโทสะหรือหาเรื่องอะไรได้อีก? ต้องบอกเลยว่า องค์จักรพรรดินำยาอายุวัฒนะนี้ออกมา อย่างมากที่นายท่านเข้าวังมาวันนี้ก็คงถูกอบรมพอเป็นพิธีเท่านั้น
นึกมาถึงตรงนี้ หัวใจที่กำลังตึงเครียดของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้ว ความจริง องค์จักรพรรดิดีกับนายท่านมาก ทุกครั้งที่นายท่านมีปัญหา เขามักจะยื่นมือช่วยเหลืออย่างแนบเนียนเสมอ
แต่พอนึกถึงว่า ทุกครั้งที่นายท่านกับองค์จักรพรรดิพบกันไม่มีครั้งใดที่ปรองดองกันสักครั้ง พวกเขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ พ่อลูกคู่นี้เหมือนไม้เบื่อไม้เมา ไม่เคยเห็นพวกเขาพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มสักครั้ง
พูดถึงการพูดคุยด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองนึกภาพในหัว แล้วก็ค้นพบว่านั่นเป็นภาพที่ประหลาดมาก คิดดูอีกที พวกเขาเป็นเช่นที่เคยเป็นปกติก็ดีอยู่แล้ว หากให้ทั้งสองคนที่คุยกันเมื่อใดก็มักจะทะเลาะกัน มาพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม เดาว่าพระอาทิตย์คงขึ้นทางตะวันตกแล้ว
เมื่อมาถึงด้านนอกตำหนัก เห็นองค์รัชทายาทพาคนตรงเข้าไปข้างใน องครักษ์นายนั้นรีบตะโกน “องค์รัชทายาทเสด็จ!”
ได้ยินเสียงขานรายงานจากข้างนอก หลายคนในตำหนักหันไปมอง มองคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิที่นั่งผึ่งผายอยู่ภายในใจกลางตำหนักใหญ่ หรือรัชทายาทและองค์หญิงสามแห่งชื่อสุ่ยที่นั่งอยู่ข้างล่าง สายตาของทั้งสามอดไม่ได้ที่จะหันไปจับจ้องสตรีชุดแดงที่ยืนอยู่ข้างกายเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของทั้งสามคนในตำหนักแปรเปลี่ยนไปมา ในดวงตาแต่ละคนมีแววแตกต่างกันวาบผ่านไป…
………………………………….
ตอนที่ 1292 คู่สร้างคู่สม
สตรีนางนั้นสวมชุดสีแดงเรียบง่าย แต่สะดุดตาดุจอาทิตย์อันเจิดจ้า แวบแรกก็ดึงดูดสายตาของพวกเขาไว้ได้ รอบกายนางมีกลิ่นอายเกียจคร้านและเสน่ห์ร้ายกาจแผ่ซ่านอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ผ้าปิดหน้าที่ปิดบังไว้จะทำให้ไม่อาจเห็นหน้านางชัด ทว่ากลับเห็นความมั่นใจที่สะท้อนออกมาจากหว่างคิ้วของนางได้อย่างชัดเจน
นางเยื้องย่างนวยนาดสง่างาม เดินมาหยุดอยู่ตรงกลางตำหนัก ไม่มีท่าทีกังวลหรือถูกผูกมัดใดๆ ตรงกันข้าม กลับให้ความรู้สึกเช่นกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ในบ้านของตัวเอง ทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
โดยเฉพาะ เมื่อสตรีชุดแดงทั้งตัวนั้นเมื่อยืนอยู่เคียงข้างเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่สวมชุดดำยิ่งดูเหมาะสมกันนัก ยามยืนอยู่ด้วยกัน รัศมีของทั้งสองกลับเข้ากันถึงเพียงนั้น ชายหนุ่มหล่อเหลาเผด็จการ หญิงสาวงดงามไร้ผู้ใดเทียม ทำให้พวกเขาจำต้องยอมรับว่า นี่คือคู่สร้างคู่สมคู่หนึ่ง
มือสองข้างขององค์หญิงอิ๋งเสวี่ยกำแขนเสื้อแน่น ความริษยาที่ไม่อาจข่มกลั้นในใจกำลังพลุ่งพล่านราวกับอสรพิษ แววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตชั่วร้าย นางลำพองตนว่างดงามเป็นหนึ่ง แต่วันนี้พอได้มาเห็น สตรีสวมชุดแดงนางนี้ขนาดยังไม่เผยโฉมหน้าออกมา ก็ชนะนางอย่างขาดลอยแล้ว
ที่แท้เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็มีสตรีเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่ข้างกาย มิน่าล่ะเขาถึงไม่เห็นนางอยู่ในสายตา แต่อิ๋งเสวี่ยคนอย่างนางไม่มีทางยอมแพ้แค่นี้แน่นอน! นางไม่เชื่อว่านางจะแพ้ให้กับผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง!
รัชทายาทชื่อสุ่ยมองร่างชุดแดงนั้นด้วยแววตาที่แปลกออกไป ส่วนลึกในดวงตามีประกายตะลึงในความงามพาดผ่าน การปรากฏตัวของนางในวันนี้ทำให้เขาเหนือความคาดหมาย จากข้ารับใช้ชายคนหนึ่งกลายเป็นหญิงงามทรงเสน่ห์ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาตกตะลึงเกินจะเปรียบ
สตรีที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อต้องตาจะเป็นสตรีที่มีรูปโฉมเช่นไรกันแน่? เขาคิดว่า เซวียนหยวนโม่เจ๋อต้องไม่ใช่คนฉาบฉวยที่จะมองแค่ใบหน้าของสตรีนางนี้แน่ เช่นนั้น ตัวนางต้องมีจุดที่น่าดึงดูดยิ่งกว่าซ่อนอยู่แน่นอน
สายตาคมปลาบขององค์จักรพรรดิละไปจากตัวเฟิ่งจิ่ว หันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนตบฝ่ามือลงบนที่วางแขนจนเกิดเสียงดังตึง ตามมาด้วยเสียงตวาดที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังไปทั่วตำหนัก
“ฮึ! ข้าบอกให้เจ้าพารัชทายาทชื่อสุ่ยกับองค์หญิงไปล่าสัตว์ไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าพาพวกเขาไปเที่ยวเล่นให้สนุกเต็มที่แล้วค่อยกลับมาหรือ? ไม่นึกว่าเจ้าจะให้รัชทายาทชื่อสุ่ยขี่ม้าเข้าไป ยามกลับมาก็ถูกคนหามออกมาเช่นนี้? เจ้าเห็นคำพูดของข้าเป็นเพียงลมปากหรือ?”
ทั้งที่เป็นการตวาดด้วยความโกรธ แต่ครั้นได้ยินองค์จักรพรรดิบอกว่าขี่ม้าเข้าไป กลับถูกคนหามออกมา เหล่าองครักษ์ที่ยืนคุ้มกันอยู่รอบตำหนักอดไม่ได้ที่จะเม้มปาก ก้มหน้าลงพลางกลั้นหัวเราะไว้
ส่วนองค์รัชทายาทชื่อสุ่ยได้ยินประโยคนั้นจึงหันไปมองจักรพรรดิตรงตำแหน่งประธานแวบหนึ่ง รู้สึกว่าอีกฝ่ายจงใจทำ จึงอดชักสีหน้าไม่ได้ ค่อนข้างเหลืออด
รัชทายาทชื่อสุ่ยผู้ทรงเกียรติไปล่าสัตว์ สุดท้ายกลับถูกคนหามออกมาจากข้างใน หากเรื่องนี้แพร่กลับไปถึงจักรวรรดิ เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่จักรพรรดิผู้นั้นกำลังตำหนิเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เขากลับพูดอะไรไม่ได้สักคำ เพราะเรื่องที่อีกฝ่ายพูดล้วนเป็นความจริง เขาขี่ม้าเข้าไปแล้วถูกคนหามออกมาจริงๆ
เฟิ่งจิ่วได้ยินประโยคนั้น กลีบปากใต้ผ้าปิดหน้ากระตุกเบาๆ รู้สึกว่าวาจาเช่นนี้ในเวลาอย่างนี้ก็คงมีแค่องค์จักรพรรดิเท่านั้นที่พูดได้ หากเป็นคนอื่นพูดล้วนไม่ดี
“เสด็จพ่อ เรื่องนี้ลูกไม่คิดว่าตัวเองมีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าวเสียงทุ้มต่ำ เงยหน้ามองร่างที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามตรงที่นั่งเบื้องบน แล้วเหลือบมองรัชทายาทชื่อสุ่ยแวบหนึ่ง “เขาถูกคนหามออกมา ล้วนเป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง”
………………………………….